พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่890 ผมอยู่คุณจะไม่เป็นอะไร

บทที่890 ผมอยู่คุณจะไม่เป็นอะไร

บทที่890 ผมอยู่คุณจะไม่เป็นอะไร

ทุกคนที่อยู่ในสวนเห็นฝีมือของปรินทรแล้วนั้นก็ตะลึงขึ้นมา พวกเขารู้ดีถึงฝีมือของปวิชและปวัตรทั้งคู่ แม้จะเป็นตระกูลชั้นนำวงการบู๊ แต่ต่อหน้าพวกเขาสองพี่น้องก็ไม่มีอะไร

แต่ทว่าปรินทรแค่ใช้ท่าง่ายๆ ก็จัดการพี่น้องทั้งสองได้แล้ว ก็พอจะเห็นแล้วว่าแดนดั่งเทพน่ากลัวขนาดไหน

แม้จะตะลึงกับฝีมือของปรินทร แต่อารียาและทุกคนไม่ถอย ครองภพ เวทัส ดำเกิง ไอ้อ้วนและคนอื่นๆเห็นปวัตรและปวิชล้มลง ก็รีบเข้าไปขวางหน้าอารียาไว้

ปรินทรจ้องไปที่พวกเขา ด้วยสีหน้าโมโห แล้วกล่าว “ไง เห็นจุดจบของแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุดทั้งสองหรือยัง? พวกแกคิดว่าแค่เน่ยจิ้งไม่กี่คน จะขัดขวางฉันได้หรือไง?”

ดำเกิงกล่าว “ขวางไม่ได้ก็ต้องขวาง วันนี้มีพวกเราอยู่ แกไม่มีทางได้แตะพี่สะใภ้แน่!”

“พูดถูก! เน่ยจิ้งแล้วไง บีบมากๆก็ทำให้แกเจ็บได้ล่ะวะ!” ไอ้อ้วนตะโกน

ปรินทรมองพวกเขาอย่างไม่พอใจ เหมือนกับกำลังมองตัวตลก ชัดเจน ว่าเน่ยจิ้ง เขาใช้แค่นิ้วเดียวก็กำจัดได้แล้ว

อารียาเห็นผู้คนพุ่งเข้ามาที่ด้านหน้าของเธอ ก็ร้อนรน แล้วกล่าว “ไม่คุณอย่าทำแบบนี้สิ มันมาเพราะฉัน ฉันต่อรองกับมันเอง พวกคุณทำแบบนี้ มีแต่จะเจ็บตัว”

ปรินทรดูแคลนแล้วกล่าว “ไม่ต้องขอร้องพวกมันหรอก ฉันจะจัดการพวกมันเดี๋ยวนี้ ก็แค่มด จะกล้ามากระโดดโลดเต้นต่อหน้าฉันอีก”

พูดจบ ปรินทรไม่ลังเล จากนั้นก็มีลมแรงพัดมา รวมกับพลังของปรินทรแดนดั่งเทพ แล้วพุ่งไปที่ครองภพ

ครองภพและคนอื่นยังไม่ทันได้ลงมือ ก็ถูกลมแรงที่ปรินทรสร้างขึ้นมาหมุนไปรอบๆ หลายๆคนเจ็บหนัก

แดนดั่งเทพ กับเน่ยจิ้ง มีความแตกต่าง ระหว่างสองอย่างนี้ เหมือนกับความแตกต่างระหว่างแมวกับสิงโต ปวิชและปวัตรทั้งสองล้มลง พวกเขาจะต่อต้านพลังของแดนดั่งเทพได้ไงกัน

ประวีร์และดิลวิลทั้งสองมองไปที่ปรินทรอย่างตะลึง แม้พวกเขาจะเห็นฝีมือของปรินทรแล้ว แต่ตอนนี้เห็นปรินทรกำจัดยอดฝีมือระดับสุดยอดของตระกูลลัดดาวัลย์ได้ ก็ยังคงตะลึงเช่นเคย

“ผู้ยิ่งใหญ่ชั่งฉลาดล้ำจริงๆ พวกปลาเน่าพวกนี้ ไม่ใช่ศัตรูของคุณ! อารียา แกยังไม่ตอบรับผู้ยิ่งใหญ่อีก หรือแกจะรอให้เขาลงมือเองหรือไง!” ดิลวิลตะคอกใส่อารียา

อารียามองไปยังผู้คนที่ล้มกองกับพื้น ด้วยความร้อนรน เธอเข้าใจดี ว่าแดนดั่งเทพที่อยู่ตรงหน้า เธอไม่มีทางอื่นให้เลือก

เธอมองไปที่ดิลวิลกับประวีร์ด้วยความเกลียด กัดฟันแล้วกล่าว “ฉันได้จำตระกูลฉัตรมงคลแห่งเมืองยองเอาไว้แล้ว แต่ฉันจะเป็นผี ฉันก็จะไม่ปล่อยพวกแกไปแน่!”

พูดจบ อารียาก็หยิบกริชที่อยู่ในอกของตัวเองออกมา หวังที่จะฆ่าตัวตาย

ในใจเธอ เธอเป็นของรพีพงษ์เพียงผู้เดียวเท่านั้น แม้แดนดั่งเทพจะเก่งกาจขนาดไหน เธอก็ไม่มีทางก้มหัวให้กับเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นตอนนี้มีแค่ทางเดียวเท่านั้น

ปรินทรเห็นอารียาถือกริช แล้วดูแคลน กล่าว “แกคิดว่าอยู่ต่อหน้าฉันแล้วแกจะตาย มันง่ายขนาดนั้นเลยหรอ?”

เพิ่งพูดจบ มีแรงอันมหาศาลมากดข้อมือของอารียาไว้ จนมีดนั้นหล่นลงกับพื้น

นี่คือความน่าเกรงขามของแดนดั่งเทพ พวกเขาสามารถควบคุมพลังได้โดยไม่ต้องอยู่ใกล้ๆ ความสามารถที่มี ห่างจากเน่ยจิ้งอย่างมาก

อารียาเห็นแม้แต่ตัวเองอยากฆ่าตัวตายก็ยังฆ่าไม่ได้ ก็เครียดขึ้นมา นึกถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอก็รู้สึกสิ้นหวังแล้ว

ปรินทรเดินไปที่อารียา ด้วยรอยยิ้มกวนตีน แลบลิ้น แล้วกล่าวอย่างลามกว่า “คนสวย เพื่อแก ฉันสามารถเสี่ยงต่อการที่กลุ่มสิงโตจะหาเจอได้ แล้วฉันจะให้แกตายไปง่ายๆได้ไงกัน”

“ถ้าอยู่ที่ตระกูลลัดดาวัลย์จะต้องได้รับผลกระทบแน่นอน คนของกลุ่มสิงโตจะต้องหาเจอโดยเร็ว ดังนั้นฉันจะพาแกไปจากที่นี่ ถึงเวลานั้น ฉันรับรองว่าจะให้แกหยุดไมไ่ด้เลยล่ะ”

พูดจบ ปรินทรก็จับแขนของอารียา

อารียารีบถอยหลังไป แต่ความเร็วของเธอจะเทียบกับปรินทรได้อย่างไรกัน ในขณะที่เธอถอยหลังอยู่นั้น แขนของปรินทรก็ยื่นไปที่ร่างกายของเธอ

ดังนั้นทุกคนก็ก้มหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก เผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาทำได้เพียงมองดู แต่ทำอะไรไม่ได้

ในขณะที่มือของปรินทรจะไปโดนมือของอารียานั้น มีร่างที่มีพลังมหาศาลปรากฏกายในสวน จากนั้นก็มีเสียงมากระทบหู

“ผู้หญิงของรพีพงษ์ เป็นคนที่มึงแตะต้องได้หรือไง?”

เสียงยังไม่ทันจบ ก็มีร่างปรากฏขึ้นมา เมื่อทุกคนเห็นชัดเจนแล้ว รพีพงษ์ก็พาอารียาไปไกลๆ หลบมือของปรินทร

หลังจากที่ทุกคนเห็นรพีพงษ์ปรากฏกายแล้วนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมา ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะปรากฏกายในสถานการณ์ที่คับขันแบบนี้

ตอนที่อารียาเห็นรพีพงษ์ น้ำตาที่อยู่ในตาก็ไหลออกมา จากนั้นมือทั้งสองข้างก็จับเสื้อของรพีพงษ์ไว้อย่างแน่น ตอนนั้นเธอคิดว่าเธอต้องตกเป็นของไอ้น่ารังเกียจคนนั้นแล้ว แต่รพีพงษ์ก็ได้กลายเป็นผู้กอบกู้โลกช่วยอารียาอีกครั้ง

“ผมอยู่ คุณจะไม่มีทางเป็นอะไร” รพีพงษ์ปลอบอารียา

อารียาพยักหน้าให้รพีพงษ์ ในตอนนั้น เธอไม่คิดอะไรแล้ว คิดเพียงแค่รับความอุ่นจากรพีพงษ์ก็พอแล้ว

ปรินทรก็ไม่คิดว่าตอนนี้จะมีคนเข้ามาแทรกแซง และฝีมือของอีกฝั่งก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน สามารถแย่งคนจากมือเขาไปได้

เขาหลับตาจ้องไปที่รพีพงษ์ พบว่าแม้พลังของอีกฝั่งจะมากกว่าแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุด แต่ห่างจากแดนดั่งเทพอีกไกล ไม่น่าจะเป็นแดนดั่งเทพ

“คิดไม่ถึงว่าจะมีไอ้หน้ามืดตามัวอยู่อีก กล้าขัดขวางฉัน เด็กน้อย แกคิดว่าแกเก่งกว่าแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุดทั้งสองนิดหน่อย แล้วจะขัดขวางการกระทำของฉันได้งั้นหรือ?”

ปรินทรมองรพีพงษ์ด้วยความโกรธแค้น

ทุกคนเพิ่งจะรู้ตัว ว่ายังมีแดนดั่งเทพที่น่าเกรงขามอยู่อีกคน แม้ฝีมือของรพีพงษ์ก็เก่งกว่าพวกเขา แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของแดนดั่งเทพ จุดจบของวันนี้ ไม่มีทางเปลี่ยนไปได้

อารียามองรพีพงษ์อย่างกังวล แค่เห็นรพีพงษ์ในตอนนี้ อารียาก็สบายใจ แต่ฝีมือของปรินทรไม่ธรรมดา รพีพงษ์กลับมา ก็แค่ยืดเวลาออกไปอีกนิดหน่อยเท่านั้น

“รพีพงษ์……. อารียาอยากพูดอะไรบางอย่าง

รพีพงษ์เอานิ้วไปวางไว้ที่ปากของอารียา แล้วกล่าว “ปัญหาผมจะจัดการเอง คุณดูก็พอแล้ว”

ไม่รู้ทำไม ตอนที่รพีพงษ์พูดประโยคนี้ อารียาเชื่อมั่นรพีพงษ์เป็นอย่างมาก เธอเชื่อว่าผู้ชายคนนี้ จะสามารถพาเธอผ่านพ้นอันตรายในครั้งนี้ไปได้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท