พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่896 กำหนดตัวเลือกของเจ้าสำนักคนต่อไป

บทที่896 กำหนดตัวเลือกของเจ้าสำนักคนต่อไป

บทที่896 กำหนดตัวเลือกของเจ้าสำนักคนต่อไป

หลังจากที่ดิลวิลและประวีร์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์แล้วนั้น ก็ตาโต คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้ จะโยนพวกเขาไปในป่าเป็นอาหารหมาป่า

ครองภพยิ้มอย่างร้ายกาจแล้วเดินไปที่พวกเขา แล้วถามว่า “พวกแกทั้งสองใครจะเป็นคนแรก?”

ประวีร์หันหน้าไปมองดิลวิล ความจริงตอนนั้นเขาคิดจะอ้อนวอนรพีพงษ์ ให้รพีพงษ์เห็นใจ สุดท้ายเมื่อดิลวิลเห็นรพีพงษ์ ก็เริ่มพูดแบบนั้น เขาห้ามก็ห้ามไว้ไม่อยู่

ตอนนี้รพีพงษ์โมโหเพราะดิลวิล จะตัดขาของพวกเขาแล้วโยนไปในป่าเป็นอาหารของหมาป่า ตอนนี้ไม่ว่าเขาก็อ้อนวอนอย่างไร ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว

“พ่อทำไมต้องพูดแบบนั้น ตอนนี้พ่อไม่รู้ถึงสถานการณ์ของเราหรือไง? ไงล่ะทีนี้ เค้าจะตัดขาของเราแล้วเอาไปเป็นอาหารให้หมาป่าแล้ว พอใจแล้วสิ?!” ประวีร์ตะคอกใส่ดิลวิล

ดิลวิลมองประวีร์อย่างอึ้ง แล้วกล่าว “ฉันคิดว่า มันไม่กล้าทำอะไรกับเราหนิ”

ประวีร์อยากที่จะบีบคอไอ้แก่นี่ให้ตายๆไปซะ เขามีพ่อที่ปัญญาอ่อนแบบนี้ได้ไงกันนะ

“ไอ้แก่ ยังไงเราทั้งคู่ก็ต้องตาย แต่ถ้าจะตายแกตายก่อนแล้วกัน!”

ประวีร์ด่าดิลวิล จากนั้นก็ผลักเขาไปให้ครองภพ

“ประวีร์ ฉันเป็นพ่อแกนะ!” ดิลวิลเกรี้ยวกราด ตะคอกออกมา

“จะตายแม่งอยู่ล่ะ ใครจะไปสนว่าแกจะเป็นหรือไม่เป็นพ่อฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะแกไอ้แก่ พวกเราจะพบจุดจบแบบนี้มั้ย!” ประวีร์แข็งกร้าว ตะคอกไป

รพีพงษ์เห็นสองพ่อลูกโกรธแค้นกัน ก็ดูแคลน สถานการณ์แบบนี้ ไม่มีอะไรมากเกินกว่าการดูถูกเหยียดหยามอีกแล้ว ไม่ถึงวินาทีสุดท้าย ก็ไม่มีทางรู้ ว่าจิตใจคนนั้นเป็นอย่างไร

ไม่สนใจว่าประวีร์สองพ่อลูกต่อไปจะเป็นอย่างไร รพีพงษ์ก็หันหลังเดินออกไปด้านนอก ครองภพจัดการเรื่องหลังจากการตายของทั้งสอง ในเมื่อรพีพงษ์พูดแล้วว่าให้โยนพวกเขาเข้าไปในป่าเป็นอาหารหมาป่า งั้นพวกเขาก็มีวิธีตายเพียงแค่วิธีเดียว

เดินมาถึงห้องของท่านคทา หลังจากที่รพีพงษ์เคาะประตูแล้วก็ได้เดินเข้าไป เห็นท่านคทากำลังจัดการเอกสาร กำลังนั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้ไม้

ท่าคทาเห็นรพีพงษ์มา ก็ยิ้ม แล้วกล่าว “ตระกูลลัดดาวัลย์นี้ มีคุณอยู่ถึงจะมีชีวิตชีวาจริงๆ ฉันแก่ขนาดนี้ ล้าสมัยไปนานแล้ว”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ท่านคทาตลกไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ตระกูลลัดดาวัลย์จะเป็นระเบียบแบบนี้ได้ไงกัน คุณคืออำมาตย์ใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์นะ”

ท่านคทาหัวเราะ ไม่ได้เยินยอรพีพงษ์ต่อ

รพีพงษ์ไม่พูดพร่ำทำเพลง และถามว่า “เรื่องของตระกูลฉัตรมงคลที่เมืองยองจัดการไปถึงไหนแล้ว?”

“คนของเราเดินทางไปแล้ว ตระกูลฉัตรมงคลที่เมืองยองเป็นตระกูลชั้นรอง อยากจะล้างบางตระกูลฉัตรมงคลนั้น เป็นเรื่องที่ง่ายดายเหลือเกิน” ท่านคทากล่าว

รพีพงษ์พยักหน้า กล่าว “งั้นเรื่องนี้มอบให้เป็นหน้าที่ของท่านคทาแล้วกันนะครับ แม้ความผิดของคนตระกูลฉัตรมงคลนั้นไม่ถึงกับต้องปริชีพ แต่ถ้าต้องทำโทษก็ต้องลงโทษ หวังว่าหลังจากเรื่องนี้ไป

คนของตระกูลฉัตรมงคล จะมีสมองขึ้นมาบ้าง”

ท่านคทาพยักหน้า แล้วหยิบมือถือขึ้นมา สั่งให้คนที่อยู่เมืองยองลงมือ

จัดการตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลฉัตรมงคล รพีพงษ์ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังของเทือกเขากิสนา แค่กำลังของตระกูลลัดดาวัลย์ ก็พอแล้ว

หลังจากที่มอบหมายเรื่องของตระกูลฉัตรมงคลเสร็จ รพีพงษ์ก็ไปหาดำเกิงเพื่อดูคลิปที่ถ่ายในวันนั้น ดำเกิงยังคุยโวถึงการถ่ายคลิปของเค้าในครั้งนั้นให้รพีพงษ์ฟังอีกด้วย บอกรพีพงษ์ว่าคลิปนี้ผ่านไปหลายปี จะยิ่งมีค่ามากขึ้น

รพีพงษ์มองดำเกิงอย่างเบื่อหน่ายแล้วพูดว่าคลิปนี้ไม่ใช่ของที่ระลึก แต่เอามาเป็นหลักฐาน เพียงแค่ถ่ายหน้าคนชัดเจนก็พอแล้ว

ดำเกิงอับอาย คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะเอาคลิปมาเป็นหลักฐาน เขาที่ไร้เดียงสา ตอนถ่ายนั้นยังใช้โปรแกรมเหม่ยเหยียน แล้วยังพูดบรรยายในคลิปอีกด้วย

รพีพงษ์ไม่สนใจว่าดำเกิงจะถ่ายคลิปออกมาเป็นอย่างไร เพียงแค่สามารถพิสูจน์ได้ว่าปรินทรตายด้วยฝีมือของเขาก็พอแล้ว

หลังจากที่ไปหาดำเกิงเพื่อเอาคลิปแล้วนั้น รพีพงษ์ก็หยิบคอมมาเข้าเว็บของกลุ่มสิงโต อัพโหลดคลิปวีดีโอเข้าไป แล้วอธิบายว่าปรินทรได้ตายด้วยน้ำมือของตน

ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง เรื่องที่รพีพงษ์ได้ฆ่าปรินทรนั้นกลุ่มสิงโตได้ทำการตรวจสอบแล้ว ด้วยเหตุนี้เองรพีพงษ์จึงได้มาหกหมื่นผลงาน

แม้อีกนานกว่าจะครบสามแสนผลงาน แต่นี่ก็ถือเป็นการเบิกฤกษ์ที่ดี รพีพงษ์เพิ่งออกมาจากสำนักงานใหญ่กลุ่มสิงโต ก็ได้หกหมื่นผลงาน ความเร็วแบบนี้ทำให้คนตกตะลึงได้แล้ว มีสมาชิกบางคนผ่านไปหนึ่งไปแล้วก็ยังทำผลงานไม่ครบหนึ่งหมื่นเลย เพราะแดนดั่งเทพจะฆ่ากันง่ายๆได้ไง

จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ รพีพงษ์ก็เริ่มอยู่เป็นเพื่อนอารียาและหนูลิน

เขาวางแผนจะใช้เวลาไม่กี่วันนี้อยู่เป็นเพื่อนอารียาและหนูลินให้ได้มากที่สุด เพราะการที่จะได้สามแสนผลงานนั้น ไม่สามารถอยู่ที่บ้านได้ตลอดแน่นอน ไม่นาน รพีพงษ์ก็ต้องออกจากบ้านไปอีก

ดังนั้นรพีพงษ์ต้องฉวยโอกาสช่วงนี้ไว้ให้ดีๆ

ในขณะเดียวกัน สำนักงานใหญ่กลุ่มสิงโต

ณ ห้องประชุม มีสิบกว่าคนกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะกลมที่ใหญ่มากโต๊ะหนึ่ง อายุของพวกเขาค่อนข้างมาก เกือบครึ่งหนึ่งมีผมหงอกขาวเข้าไปแล้ว แต่แม้ว่าพวกเขาดูๆไปเหมือนจะอายุมากแล้ว แต่ว่าร่างกายไม่ได้อ่อนแอลงไปเลย

มังกรพยัคฆ์เต่าสามคนก็อยู่ในนั้น ในบรรดาคนเหล่านี้พวกเขาทั้งสาม ถือว่าอายุค่อนข้างน้อย

สิบกว่าคนนี้ เป็นแดนดั่งเทพที่สามารถรวมตัวกันมาของกลุ่มสิงโต ถือว่าเป็นระดับสูงของกลุ่มสิงโต นโยบายทุกอย่างของกลุ่มสิงโต ล้วนผ่านการอนุมัติและประกาศจากพวกเขา

ในขณะนี้ต่อหน้าทุกคน ได้วางเอกสารไว้ชุดหนึ่ง เอกสารนี้เกี่ยวกับข้อมูลของรพีพงษ์ ด้านในข้อมูลละเอียดยิบ มีหลายเรื่อง ที่รพีพงษ์เองก็จำไม่ได้ ก็ถูกกลุ่มสิงโตบันทึกไว้แล้ว

ทุกคนล้วนจ้องไปที่เอกสารฉบับนั้น ไม่รู้ว่าจะทำอะไร

ผ่านไปไม่นาน ธัชธรรมก็ปรากฏตัวในที่ประชุม ทุกคนสงบลง

คนหนึ่งอายุราวๆหกถึงเจ็ดสิบปี คนแก่ที่มีผมขาวเต็มไปหมดมองธัชธรรมที่เดินเข้ามา แล้วถาม “เจ้าสำนัก ไม่รู้ว่าครั้งนี้ที่คุณเรียกพวกเรามา แล้วยังให้พวกเราดูเอกสารของคนที่ชื่อรพีพงษ์นี้ เพื่ออะไรหรอ?”

ธัชธรรมเดินไปยังตำแหน่งหลัก มองทุกคนแล้วยิ้ม กล่าว “คาดว่าทุกเข้าใจรพีพงษ์อย่างถ่องแท้แล้ว?”

“งั้นผมจะไม่อ้อมค้อม ที่วันนี้เรียกพวกคุณมา ก็เพื่อกำหนดตัวเลือกของเจ้าสำนักคนต่อไป”

“รพีพงษ์ เป็นตัวเลือกที่ผมกำหนดไว้ หลังจากที่ผมตายไปแล้ว เขาจะมาสืบทอดกลุ่มสิงโตต่อจากผม ถ้าท่านใดมีคำถามล่ะก็ กรุณาถามได้เลย”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท