พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่897 คนที่ถูกเลือกเป็นเจ้าสำนัก

บทที่897 คนที่ถูกเลือกเป็นเจ้าสำนัก

บทที่897 คนที่ถูกเลือกเป็นเจ้าสำนัก

คนในห้องประชุมได้ยินธัชธรรมแล้ว ก็เงียบลง

พวกเขาไม่คาดคิด ที่ธัชธรรมเรียกพวกเขามา เพราะจะประกาศเรื่องตัวเลือกของเจ้าสำนักกลุ่มสิงโตคนต่อไป

แต่ตัวเลือกนี้ เพิ่งเข้าร่วมกลุ่มสิงโตได้ไม่กี่วัน อายุยี่สิบกว่าปี ฝีมือก็ยังไม่ถึงระดับแดนดั่งเทพจริงๆ

นี่มันเหนือความคาดหมายของทุกคน

ผู้เฒ่าที่ถามธัชธรรมได้ยินคำพูดของธัชธรรมแล้วนั้น ก็นิ่งอยู่พักใหญ่ จึงจะรู้สึกตัวขึ้นมา จากนั้นก็กล่าวต่อธัชธรรมว่า “เจ้าสำนัก คุณอย่าเล่นตลกกับพวกเราอีกเลย พรสวรรค์ของเด็กนั้นมันเยี่ยมจริง แต่ในที่จะเป็นตัวเลือกเจ้าสำนัก เกรงว่ายังไม่มีสิทธิ์มากพอขนาดนั้นนะ”

ธัชธรรมจ้องไปที่เขา แล้วกล่าว “ผมเอาจริง แม้รพีพงษ์เพิ่งจะเข้าร่วมกลุ่มสิงโตของเราได้ไม่กี่วัน แต่ผมได้สังเกตประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาแล้ว และเขาก็เป็นคนที่ผมพามา ไม่ว่าจะเป็นด้านความประพฤติหรือนิสัยใจคอ ล้วนไม่มีปัญหา แล้วผมก็ไม่ใช่จะตายในเร็ววันนี้ เชื่อว่าหลังจากที่ผมเสียชีวิตไปแล้วนั้น เขาจะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง ถึงเวลานั้นรับช่วงต่อกลุ่มสิงโต ก็ไม่มีที่ติแล้ว”

ทุกคนได้ยินธัชธรรมพูดแบบนี้ ก็นิ่งสงบลง แต่ล่ะคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป

ผู้คนเหล่านี้ที่อยู่ในห้องประชุม บางคนไม่มีความคิดเห็นใดๆต่อตำแหน่งกลุ่มสิงโตนี้ ดังนั้นสำหรับเรื่องการรับช่วงต่อตะแหน่งเจ้าสำนัก พวกเขาจึงไม่มีข้อเสนอแนะใดๆ เพียงแค่สามารถทำให้กลุ่มสิงโตดำเนินต่อไปได้ก็พอแล้ว

แต่บางคนให้ความสำคัญกับตำแหน่งเจ้าสำนัก แม้จะตรงไปตรงมา แต่ความคิดที่จะไต่เต้าให้สูงขึ้นก็ยังคงมีอยู่ และผู้เฒ่าที่พูดกับธัชธรรมก็เป็นหนึ่งในนั้น

คนนี้ชื่อตปธน ในกลุ่มสิงโต ตำแหน่งผู้ยบริหารพอๆกับธัชธรรม ฝีมือของเขาคือแดนดั่งเทพขั้นสูง เป็นผู้แข็งแกร่งที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง และอายุของเขาก็น้อยก็น้อยกว่าธัชธรรมอยู่มาก หลายคนคิดว่าหลังจากที่ธัชธรรมเสียชีวิตแล้ว คนที่จะรับช่วงต่อคือตปธน

และช่วงหลายปีมานี้ตปธนทำเพื่อกลุ่มสิงโตมามาก ก็มีสิทธิ์ตรงนี้เช่นกัน

ดังนั้นตอนนี้ได้ยินคำพูดของธัชธรรมว่าคนที่ถูกเลือกของเจ้าสำนักเป็นเด็กวัยรุ่นที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เขาจึงรู้สึกไม่ชอบใจ

“เจ้าสำนัก ถ้าคุณตัดสินใจแบบนี้จริงๆ เกรงว่าพวกเราจะไม่ยอมรับไม่ได้ เด็กนี้พรสวรรค์ที่เยี่ยมยอดจริง ไม่ว่าจะยังไง เขาก็เป็นคนคนที่ยังไม่ถึงแดนดั่งเทพ และเรื่องในอนาคตก็ไม่มีใครคาดเดาได้ เอาอนาคตไปฝากไว้กับเด็กแบบนี้ เป็นการกระทำที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่นะ”

ตปธนต่อต้านธัชธรรมโดยไม่ลังเล

“ใช่ รพีพงษ์มันยังเป็นเด็ก ไม่มีทางแบกรับกลุ่มสิงโตได้หรอก”

“ตปธนพูดไม่ผิด พรสวรรค์ไม่ได้หมายถึงทุกสิ่ง ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตเด็กนั้นมันจะเปลี่ยนเป็นยังไง ถ้าให้เขาเป็นคนที่ถูกเลือกแบบนี้ มันก็ดูสะเพร่าไปหน่อยมั้ย”

“ตอนนี้พรสวรรค์ดีเยี่ยม ไม่ได้หมายความว่าอนาคตรยังคงเป็นแบบนี้หนิ มีตั้งกี่คนที่ช่วงเริ่มแรกฝึกฝนแล้วพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อถึงแดนดั่งเทพ ก็ต้องหยุดอยู่ตรงนี้ ไม่สามารถที่จะกำหนดคนที่จะเป็นเจ้าสำนักเป็นเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้นะ”

……

มังกรพี่น้องทั้งสามมีความชอบพอรพีพงษ์อยู่ไม่น้อย รู้สึกว่าถ้าคนนี้สามารถเป็นเจ้าสำนักได้ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่เลวเรื่องหนึ่งเลยล่ะ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ น้องสาวของพวกเขาเหมือนกับจะมีท่าทีพิเศษต่อรพีพงษ์ ดังนั้นทั้งสามจึงหวังที่จะให้รพีพงษ์และน้องสาวของเขามีปฏิสัมพันธ์กันบ้าง แม้รพีพงษ์จะแต่งงานแล้ว สำหรับยอดฝีมือ ก็ไม่ได้สำคัญอะไร

แต่พวกเขาทั้งสามในที่ประชุมต่อหน้าพวกคณะผู้บริหารเหล่านี้ ถือเป็นผู้น้อย ไม่เหมาะที่จะแสดงความคิดเห็น จึงไม่ได้พูดอะไร

ธัชธรรมคิดไว้ตั้งนานแล้วว่าจะต้องมีคนคัดค้าน แต่เรื่องนี้เขาได้ตัดสินใจแล้ว โดยเฉพาะที่บริพันธ์พูดว่ารพีพงษ์มีจุดเด่นที่โดนเด่น หลังจากที่เป็นแดนเทพได้แล้ว เขายิ่งยืนหยัดกับความคิดนี้

ประสบการณ์จองตปธนเพียงพอจริงๆ แล้วยังสนับสนุนกลุ่มสิงโตมาไม่น้อย แต่ตอนนี้รพีพงษ์เป็นเพียงคนเดียวที่จะเป็นความหวังว่าจะสามารถเป็นแดนเทพได้ ปัจจุบันนี้ ปัญหาที่กลุ่มสิงโตต้องเผชิญ มีเพียงแดนเทพเท่านั้นที่จะจัดการได้ ไม่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ใดๆ ดังนั้นธัชธรรมไม่สามารถมอบกลุ่มสิงโตให้กับตปธนได้

เขาจ้องตปธน แล้วกล่าว “ความกังวลของตปธนผมเข้าใจ แต่พวกคุณน่าจะดูถูกพรสวรรค์ของรพีพงษ์เกินไป ผมคิดว่าในขณะที่ผมมีชีวิตอยู่นั้น สามารถไปถึงจุดที่ๆทุกคนทำไม่ได้ ถึงเวลานั้น ทุกท่านก็จะเข้าใจว่าทำไมผมถึงเลือกเข้าเป็นตัวเลือก”

ตปธนขมวดคิ้ว เขามองว่า พรสวรรค์ก็แค่จอมปลอม มีเพียงความสามารถเท่านั้นที่เป็นของจริง ในข้อมูลปรากฏว่ารพีพงษ์แม้แต่แดนดั่งเทพยังเป็นไม่ได้ คำพูดของธัชธรรมมันชั่งทำให้เขายากที่จะเชื่อจริงๆ

“เจ้าสำนัก คุณน่าจะรู้ดีถึงความแตกต่างระหว่างแดนปรมาจารย์กับแดนดั่งเทพนั้นมากขนาดไหน บางคนดูๆไปมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม แต่ทั้งชีวิต ก็ต้องติดอยู่ที่แดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ไม่มีทางขยับขึ้นไปได้แม้แต่ครั้งเดียว ไม่มีใครกล้ารับรองว่ารพีพงษ์นี้จะสามารถเป็นแดนดั่งเทพได้อย่างราบรื่น แม้ว่าเจ้าสำนักจะเอาเขาเป็นตัวเลือก อย่างน้อยเขาก็ต้องเป็นแดนดั่งเทพก่อนสิ” ตปธนกล่าว

ธัชธรรมหัวเราะ แล้วกล่าว “ความสามารถของรพีพงษ์ได้ถึงแดนครึ่งดั่งเทพแล้ว การที่จะเป็นแดนดั่งเทพได้นั้น ก็แค่เรื่องเวลา”

“เจ้าสำนัก เอาจริงๆ แดนครึ่งดั่งเทพทุกคน ผมมองว่า ไม่ได้เก่งกาจอะไร ผมคิดว่ารอให้เขาเป็นแดนดั่งเทพได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย”

“ใช่ แดนครึ่งดั่งเทพกับแดนดั่งเทพก็ยังมีความแตกต่างกัน ผมและคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นแดนดั่งเทพ ให้เขาที่เป็นแดนครึ่งดั่งเทพเป็นตัวเลือก ไม่ค่อยน่านับถือเท่าไหร่มั้ง”

มีสองคนต่อต้านอีกแล้ว

ในขณะเดียวกันนี้ มีคนหนึ่งถือรายงานเข้ามาในห้องประชุม เดินมาด้านหน้าของธัชธรรม แล้วพูดกับเขาด้วยเสียงเบาๆ จากนั้นก็เอารายงานวางไว้

ธัชธรรมยิ้มออกมา มองไปรอบๆ แล้วกล่าว “เพิ่งทราบข่าวเมื่อกี้ รพีพงษ์ได้ฆ่าอันดับรางวัลนำจับอันดับที่เจ็ดปรินทรที่เกียวโต ผมรู้ดีถึงฝีมือของทุกคนที่อยู่ที่นี่ ปรินทรนี่พวกคนตามจับมานานขนาดไหนแล้วพวกคุณก็น่าจะรู้ตัวเองดี รพีพงษ์เพิ่งจะเข้าร่วมกลุ่มสิงโตเพียงไม่กี่วัน ก็สามารถทำเรื่องที่หลายคนใช้เวลานานยังทำไม่ได้ ผมว่าฝีมือของเขา ไม่มีจุดไหนน่าสงสัยหรอกนะ?”

ทุกคนได้ยินคำพูดของธัชธรรม ก็ล้วนมองอย่างคาดไม่ถึง

“รพีพงษ์ฆ่าปรินทร? เป็นไปได้ไง! เขาเพิ่งจะเป็นแดนครึ่งดั่งเทพไม่ใช่หรอ!”

ท่านหนึ่งที่เคยรับผิดชอบเรื่องของปรินทร และได้ต่อกรกับปรินทรหลายครั้ง และทุกครั้งก็ทำให้เขาแดนดั่งเทพขั้นต้นต้องหนี

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท