พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่909 ของถูกคุณภาพดี

บทที่909 ของถูกคุณภาพดี

บทที่909 ของถูกคุณภาพดี

ตอนที่ออกมาจากห้าง หงส์มองรพีพงษ์อย่างรู้สึกไม่ดี แล้วกล่าว “เมื่อกี้ขอบคุณนะ แปดหมื่นกว่านั้นฉันจะคืนให้”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ไม่ต้องหรอก แค่แปดหมื่นเอง คิดเสียว่าผมให้ของขวัญคุณก็แล้วกัน ต่อไปคุณอยากแป๊ปๆก็ใส่อารมณ์กับผมก็แล้วกัน”

หงส์เกรี้ยวกราด กล่าว “อารมณ์ฉันมันแย่ขนาดนั้นเลยหรือไง?”

รพีพงษ์ส่งสายตาให้เธอ ให้เธอรู้ด้วยตัวเอง

ตอนนี้รพีพงษ์นึกอะไรออก จึงถาม “ตอนนี้ผลงานของคุณมีเท่าไหร่?”

หงส์คิด แล้วกล่าว “ฉันอยู่ที่กลุ่มสิงโตตั้งแต่เล็ก ถึงตอนนี้ รวมๆกันก็น่าจะสามแสนกว่าผลงาน”

รพีพงษ์ตาลุกวาว แล้วถาม “งั้นคุณขายผลงานพวกนี้มั้ย ผมสามารถซื้อในราคาสูงก็ได้ ว่าไง?”

หงส์มองรพีพงษ์อย่างสงสัย กล่าว “กลุ่มสิงโตสั่งห้ามซื้อขายผลงาน คุณไม่รู้หรอ? ผลงานตัวเองใช้เองเท่านั้น”

“อันนี้ผมรู้ แต่ผมอยากให้ผลงานแลกของบางอย่าง คุณใช้ผลงานแลก แล้วเรามาตกลงกันนอกรอบ แบบนี้ก็ไม่มีใครรู้แล้ว” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

หงส์คิดๆทำได้จริงๆ จึงถามว่า “คุณอยากแลกอะไร?”

“อันนี้รออนาคตค่อยว่ากัน ไม่รีบ” รพีพงษ์กล่าว

หงส์ไม่ถามมาก ได้แต่พยักหน้า

เมื่อนึกวิธีที่จะเอาหยกโยงจิตมาได้ รพีพงษ์ก็โล่งใจ ถ้าเป็นแบบนี้ เขาสามารถประหยัดเวลาและพลังได้อีกเยอะ

แต่แม้ว่าหงส์จะช่วยแลกหยกโยงจิตมาให้ได้ ก็ต้องรอให้กลับไปสำนักงานใหญ่กลุ่มสิงโตก่อนจึงจะเอาได้ ดังนั้นภารกิจหลักของรพีพงษ์ในตอนนี้ ก็ยังเป็นประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์

ทั้งสองเดินไปข้างหน้า คนรอบข้างจำนวนไม่น้อยถูกหงส์ดึงดูดสายตา เทียบกับเน็ตไอดอลพวกนั้น ดูออกชัดเจนว่าหงส์มีออร่ามากกว่า แดนปรมาจารย์จะมีออร่าที่เห็นได้ชัด

หงส์ถูกคนรอบข้างจ้องจนรู้สึกเขินอาย แต่ก็ชอบความรู้สึกที่ตกเป็นสายตาของคนหมู่มาก

เธอมองรพีพงษ์ แล้วถาม “ตอนนี้พวกเราจะไปทำอะไร?”

“ตอนนั้นผมได้ยินคนคุยกันว่าใกล้ๆนี้มีงานนิทรรศการวัตถุโบราณ ผมว่าจะไปที่นั่น” รพีพงษ์กล่าว

หงส์อ๋อออกมา แล้วตามรพีพงษ์ไปอย่างสงบ

ในเรื่องวัตถุโบราณรพีพงษ์รู้ดีเป็นอย่างมาก ตอนนั้นที่ได้ยินว่าใกล้ๆนี้มีนิทรรศการวัตถุโบราณ เขาก็สนใจขึ้นมา

และตอนนี้รพีพงษ์มีพลังจิต เมื่อก่อนเขาใช้สายตาและความรู้มาวิเคราะห์วัตถุโบราณ ตอนนี้เขาอยากรู้ว่าพลังจิตของตัวเองจะสามารถแยกแยะอันที่ราคาสูงออกมาได้หรือไม่

ไม่นาน รพีพงษ์และหงส์มายังลานสนามจัตุรัสที่ไม่ใหญ่มาก เทียบการไหลเวียนอากาศผู้คนที่เดินผ่านไปมากับห้าง ที่นี่อากาศบริสุทธิ์กว่าเยอะ

รพีพงษ์เห็นนิทรรศการวัตถุโบราณที่กำลังจัดอยู่ไม่ไกล ในงานนิทรรศการทุกคนวางวัตถุโบราณโชว์ไว้ข้างทาง ถ้าใครสนใจ ก็สามารถซื้อขายกันหน้างานได้เลย

แม้จะบอกว่าเป็นงานนิทรรศการวัตถุโบราณขนาดเล็ก แต่ของที่วางขายก็มีจำนวนไม่น้อยเลย มีคนจำนวนไม่น้อยกำลังเดินดูไปรอบๆ กำลังทดสอบหาของดีจากของวัตถุโบราณเหล่านี้

หงส์กำลังมองไปที่ตำแหน่งขายของ หันมองรพีพงษ์แล้วกล่าว “ความจริงถ้าคุณอยากได้วัตถุโบราณล่ะก็ ไปเอาที่เจ้าสำนักเลยก็ได้นะ เครื่องปั้นดินเผาที่บ้านเขา แต่ล่ะอันก็อายุกว่าร้อยปี ง่ายกว่าที่คุณจะมาเสียเวลาหาที่นี่อีก”

รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “ความจริงที่มาที่แบบนี้ ประเด็นหลักเลย ไม่ใช่จะมาซื้อวัตถุโบราณที่ปพงที่สุดนั้นกลับไป แบบนั้นมันไม่มีความหมาย”

“งั้นคุณมาที่นี่ทำไม?” หงส์ถาม

รพีพงษ์ยิ้มมุมปาก กล่าว “มาเอาของถูกคุณภาพดี”

พูดจบ เขาก็เดินไปข้างหน้า

ในที่แบบนี้ ซื้อวัตถุโบราณที่ทุกคนยอมรับ สำหรับรพีพงษ์แล้วไม่มีความน่าสนใดๆ แต่มาเอาของถูกคุณภาพดีนี่สิ ไม่ใช่จะพูดกันได้ง่ายๆ

ทั้งสองเดินไปถึงงานวัตถุโบราณ แล้วดูแต่ล่ะร้าน

หงส์แปลกใจ แม้เธอจะไม่ค่อยเข้าใจในวัตถุโบราณ แต่ก็อยากใช้สายตาตัวเองดูว่าจะหาของดีได้หรือไม่

รพีพงษ์ปล่อยพลังจิตออกมา ห่อหุ้มวัตถุโบราณเหล่านั้นไว้ สังเกตการณ์อย่างละเอียด

หลังจากที่ใช้พลังจิตสังเกตการณ์แล้ว รพีพงษ์เหมือนกับพบเข้ากับโลกใบใหม่ พวกวัตถุโบราณเหล่านี้พออยู่ในการห่อหุ้มของพลังจิต ก็ได้ส่งรายละเอียดทุกอย่างเข้าไปในสมองของรพีพงษ์

ถ้าเป็นเมื่อก่อนใช้เพียงสายตาสังเกตการณ์ของโบราณพวกนี้ แม้รพีพงษ์ที่คิดว่าตัวเองมีความสามารถสูงแล้ว ก็ยังคงมองพลาดอยู่บ้างในบางครั้ง

แต่เมื่อมีพลังจิต รพีพงษ์สามารถมองรอบๆ ไม่มีมุมอับ เหมือนใช้กล้องจุลทรรศน์มองอย่างไรอย่างนั้น การสังเกตวัตถุโบราณเหล่านี้ ห้ามพลาดแม้แต่รายละเอียดสักนิดเดียว

บวกกับความรู้ที่รพีพงษ์มีอยู่ ไม่มีทางมองพลาดเกิดขึ้นแน่นอน

รพีพงษ์ได้เจอเข้ากับวัตถุโบราณที่คุณภาพไม่เลวที่วางขายแล้วจริงๆ และเจ้าของร้านก็ดูออกชัดเจนว่าไม่ค่อยเข้าใจมูลค่าของพวกมันสักเท่าไหร่ ราคาที่ปล่อยมาถูกมาก

ถ้านี่คือการหาของถูกคุณภาพดีล่ะก็ บางทีรพีพงษ์อาจจะรวยขึ้นมาสักนิดก็ได้

แต่รพีพงษ์ในตอนนี้ไม่มีความคิดแบบนี้ สำหรับเขาแล้ว เงินเป็นเพียงตัวเลยเท่านั้น และตอนนี้รพีพงษ์ก็ไม่มีงานอดิเรกในการสะสมวัตถุโบราณ ดังนั้นจึงไม่ได้ซื้อ

หงส์เห็นร้านที่อยู่ไม่ไดลวางกำไลหยกไว้ ก็สายตาลุกวาว รีบวิ่งไปด้านหน้า แล้วหยิบขึ้นมาดู

เจ้าของร้านรีบยิ้มแล้วกล่าว “สาวน้อย สายตาหนูดีจริงๆ กำไลหยกนี้ทำมาจากหยกคุณภาพดี และเป็นของเก่าแก่ในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง ถ้าหนูชอบ หนึ่งแสนหยวน เรามาทำความรู้จักกัน”

หงส์เอากำไลหยกให้รพีพงษ์ดู แล้วถาม “กำไลหยกนี่เป็นไง?”

รพีพงษ์ใช้พลังจิตสแกนดู ยิ้มพลางกล่าว “มีรอยต่อชัดเจน และรายละเอียดเก็บไม่ค่อยดี มองแว็บแรกก็รู้แล้วว่าเป็นของราคาส่งจากโรงงาน ใช้วัสดุที่แย่ที่สุด ในยุคของเฉียนหลงผลิตของสิ่งนี้ออกมายังไม่ได้”

หงส์ตาโต คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์ปค่ดูก็ดูออกถึงเนื้อแท้ เธอต้องมองอยู่สักพัก ก็ดูไม่ออกมากำไลมีรอยต่อ และก็ไม่รู้ว่ารพีพงษ์มองออกได้ไง

รพีพงษ์ยิ้ม เขาใช้พลังจิตดู ถ้าไม่มีพลังจิต เขาทำได้เพียงกูรายละเอียดบางอย่างแล้วตัดสินว่ากำไลหยกนี้ไม่ค่อยดี แต่ดูไม่ออกว่าผลิตจากโรงงาน

ปัจจุบันนี้ฝีมือด้านหัตถกรรมของโรงงาน ไม่ต่างไปจากฝีมือของอาจารย์ขั้นสูงสักเท่าไหร่เลย

เจ้าของร้านมองรพีพงษ์อย่างตะลึง กำไลหยกนี้เขาหาอาจารย์หลายท่านมาดู แม้อาจารย์พวกนั้นจะดูออกว่ากำไลหยกนี้ไม่ค่อยดี แต่ดูไม่ออกเสียด้วยซ้ำว่าหยกนี้มาจากโรงงาน

รพีพงษ์แว็บเดียวก็ดูออก ดูๆแล้วต้องเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่งเลยทีเดียว แล้วยังวัยรุ่นขนาดนี้ ต้องเป็นอัจฉริยะแน่นอน

ในตอนที่เจ้าของร้านและหงส์กำลังตะลึงอยู่นั้น ความสนใจของรพีพงษ์ กลับไปอยู่ที่กระบี่สั้นที่ทำจากหยกเล่มหนึ่ง

กระบี่หยกเล่มนี้ทำออกมาสวยงาม แต่บนกระบี่มีรอย ดังนั้นจึงมีคนถามน้อย

พลังจิตของรพีพงษ์สแกนดูแล้ว กระบี่นั้นสาดแสงออร่าที่คนไม่ค่อยได้เห็นมากนักออกมา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท