พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่904 เสียวซ่านหนังศีรษะ

บทที่904 เสียวซ่านหนังศีรษะ

บทที่904 เสียวซ่านหนังศีรษะ

ทัดธนเห็นรพีพงษ์มองข้ามฝีมือของตัวเอง ก็เกิดดูแคลนขึ้นมา ที่ผ่านมาเขาเจอคนแบบรพีพงษ์มามากแล้ว ล้วนคิดว่าสะกดจิตของเขาก็แค่ขู่เท่านั้น เสียดายคนที่พูดแบบนั้น สุดท้ายก็หายไปจากโลก

“รพีพงษ์ เดี๋ยวมึงก็จะรู้ การบู๊ไม่ใช่พลังหนึ่งเดียวที่มีบนโลกนี้ แม้แดนวงการบู๊ของมึงจะบีบกูได้ แต่สุดท้ายมึงก็ยังต้องตายในมือของกูอยู่ดี”

หลังจากที่ดูแคลนแล้วนั้น ทัดธนก็หลับตาลง จากนั้น พลังก็แตกซ่านออกมาจากร่างกายของเขา ไปที่รพีพงษ์

ขณะนี้รพีพงษ์ได้ปล่อยพลังจิตของตนออกมา ในสี่เหลี่ยมระยะห้าเมตร ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเขา เขารับรู้ได้ถึงพลังที่ทัดธนปล่อยออกมา มันพิเศษจริงๆ แต่ต่อหน้าพลังจิตของรพีพงษ์ เหมือนกับจะ……เล็กกระจิดริด

พลังที่ทัดธนปล่อยออกมาได้ถูกรวบรวมไว้ในสมองของรพีพงษ์แล้ว จิตวิญญาณที่อยู่ในสมองของรพีพงษ์เพียงแค่เปิดตา จ้องไปที่พลังนั้น พลังนั้นเหมือนได้รับภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ ไม่กล้ากำเริบเสิบสาน

แม้พลังนี้จะจู่โจมไปที่จิตใจของรพีพงษ์ สำหรับจิตวิญญาณของรพีพงษ์ เป็นแค่การจี้จุดเท่านั้น

ตอนแรกรพีพงษ์คิดว่าพลังจิตที่ทัดธนมีนั้นจะเหมือนเขา จึงได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่หลังจากที่รับรู้พลังของทัดธนแล้วนั้น รพีพงษ์จึงเข้าใจ ว่าทัดธนนี้เป็นไอ้ใฝ่ต่ำดีๆนี่เอง

อย่าว่าแต่จิตวิญญาณที่ปรากฏในสมองของรพีพงษ์เลย เกรงว่าแม้แต่การรับรู้สัมผัสแบบนี้ของรพีพงษ์เขาก็ไม่มี

เขาน่าจะแค่ความสามารถพลังจิตที่ว่านี้ทำการจู่โจมง่ายๆต่อจิตใจของคนอื่น

สำหรับคนทั่วไปวิธีแบบนี้ อาจจะเก่งกาจมากก็เป็นได้ สำหรับแดนปรมาจารย์ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก็ประหลาดใจ

แต่สำหรับแดนดั่งเทพ การจู่โจมแบบนี้มันเล็กน้อยมาก เพราะทุกคนที่เป็นแดนดั่งเทพนั้นเป็นคนที่มีความเพียร พวกเขามีความแน่วแน่ในจิตใจ ไม่ใช่คนธรรมดาจะเทียบได้ ฝีมือแค่นี้ของทัดธนมากสุดก็คือทำให้จิตใจวุ่นวายเท่านั้น ไม่สามารถทำลายอะไรมากไปกว่านี้ได้

และรพีพงษ์ก็ไม่กลัวความสามารถแบบนี้ พลังจิตในสายตาของเขาคือจิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์เป็นผู้ทำ ประเทศจีน แม้ในประวัติศาสตร์ ที่มีจิตวิญญาณเทพและสำเร็จตื่นภวังค์ได้นั้นมีแค่ไม่กี่คน

แม้รพีพงษ์จะไม่รู้ถึงความเก่งกาจของจิตวิญญาณเทพของตนสักเท่าไหร่ แต่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงข้อแตกต่างระหว่างพลังที่ทัดธนและตัวเองปล่อยออกมา

ตอนแรกรพีพงษ์คิดว่าทัดธนจะเป็นคนที่เก่งกาจ เสียเวลาตั้งนานที่แท้ก็มีความสามารถแค่นี้ นี่ทำให้รพีพงษ์ค่อนข้างผิดหวัง

เพื่อให้แน่ชัดถึงข้อแตกต่างเกี่ยวกับพลังของจนและทัดธน รพีพงษ์จึงชะงักอยู่กับที่ ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆออกมา

หลังจากที่ทุกคนเห็นท่าทีของรพีพงษ์แล้ว ก็ล้วนคิดว่ารพีพงษ์โดนวิชาของทัดธนเล่นงานเข้าแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่ทัดธนแสดงความสามารถนี้ให้พวกเขาดู ผู้ที่โดนวิชาก็จะเหม่อลอยแบบนี้เหมือนกัน

ทัดธนก็ไม่สามารถรับรู้พลังของตัวเองที่อยู่ในสมองของรพีพงษ์ได้ว่าเจอกับอะไรบ้าง ดังนั้นก็คิดว่ารพีพงษ์ถูกวิชาเข้าแล้วเช่นกัน

“เมื่อกี้ยังเข้มแข็งอยู่เลย ฉันคิดว่าเด็กนี่มันจะเก่งกาจ คิดไม่ถึงว่าจะโดนวิชาของฉันเร็วขนาดนี้ อันดับหนึ่งของวงการบู๊ของประเทศจีนนี่ ก็ไม่เท่าไหร่หนิ” ทัดธนกล่าวอย่างสะใจ

ผู้คนรอบๆก็พูดตามๆกัน

“ท่านทัดธนเก่งกาจจริงๆ ผมคิดว่ารพีพงษ์นี่จะต่อสู้กับท่านทัดธนสักตั้ง คิดไม่ถึงว่ามันมาถึงก็โดนวิชาเสียแล้ว”

“ดูๆไปแม้ความสามารถในด้านบู๊จะเก่งขนาดไหน ก็เทียบไม่ได้กับวิชาสะกดจิตของท่านทัดธนนี่ รพีพงษ์นี่เพิ่งจะเจอหน้าก็โดนวิชาของท่านทัดธนเข้าแล้ว ผมว่า ท่านทัดธนสามารถแทนที่ตระกูลลัดดาวัลย์ได้อย่างไม่มีปัญหาเลยนะเนี่ย”

“ฝีมือของท่านทัดธนขั้นเทพ ท่านสิถึงจะถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของวงการบู๊แห่งประเทศจีน

……

ท่านทัดธนได้ยินคำชมเชยของคนเหล่านี้ ก็ยิ้มอย่างสะใจ

เขามองไปที่รพีพงษ์จากประสบการณ์เมื่อก่อน คนที่โดนวิชาของเขา จะมึนงงอยู่สักพัก แม้การรับรู้จะทำให้คนตะลึง ก็ไม่มีทางตื่นขึ้นมาอย่างทันใด ในเวลานี้ เขาสามารถจัดการรพีพงษ์ได้อย่างสบาย

หงส์เห็นรพีพงษ์นิ่ง บวกกับคำพูดของคนเหล่านี้ในห้องรับแขก ก็เริ่มเครียดขึ้นมา เธอมองรพีพงษ์หลายครั้ง คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะโดนวิชาได้ง่ายขนาดนี้

“เด็กนี่ทำไมเทียบกับฉันไม่ได้เลยนะ ฉันยังต้านทานได้สักพัก แต่นี่ทำไมจู่ๆเขานิ่งแล้วล่ะ? โดนไอ้ขี้โม้นี่ทำร้ายแล้วเรา แบบนี้ก็ต้องโชคร้ายไปกับเขาด้วยแล้วเนี่ย” หงส์โมโหในใจ

ทัดธนมองไปที่หงส์ ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วกล่าว “สิ่งที่แกไม่ควรทำมากที่สุด ก็คือพาคนกลับมาหาเรื่อง ความจริงฉันปล่อยแกไปแล้วครั้งนึง ไม่คิดว่าแกไม่รู้จักแก้ไข รอให้ฉันจัดการไอ้นี่เสร็จก่อน เดี๋ยวฉันจะมาจัดการกับแก ลักษณะอย่างแก ฉันค่อนข้างชอบนะ”

พูดจบ ทัดธนจะลงมือต่อรพีพงษ์

หงส์เห็นดังนี้ ก็รีบขวางหน้ารพีพงษ์ไว้ แม้ในใจจะโมโหเพราะรพีพงษ์ แต่เธอก็ไม่สามารถปล่อยรพีพงษ์ไว้แบบนี้ได้

“ไอ้ต่ำช้าน่าขยะแขยง อย่าคิดว่ามีพลังวิเศษหน่อยแล้วจะทำอะไรก็ได้ ไม่ใช่ใครจะทำอะไรกูได้ง่ายๆเหมือนกัน!”

ทัดธนไม่สนใจหงส์แม้ฝีมือของหงส์จะเป็นแดนปรมาจารย์แล้วก็ตาม แต่รพีพงษ์โดนวิชาเข้าแล้ว หงส์จะรอดได้ไงกัน

ในขณะที่หงส์กำลังจะลงมือ ฉวยโอกาสตอนที่ทัดธนยังไม่ปล่อยวิชาสะกดจิตออกมา รพีพงษ์ก็ยกมือขึ้น จับแขนของเธอ

หงส์สงสัย หันไปมองด้านหลัง พบว่ารพีพงษ์กำลังยิ้มให้ตัวเอง

“คุณถูกไอ้นี่สะกดจิต?” ปฏิกิริยาแรกของหงส์คือรพีพงษ์ถูกทัดธนควบคุมแล้ว จากข้อมูล ทัดธนมีความสามารถในการสะกดจิตผู้อื่น

“ไม่ เมื่อกี้ฉันแค่สงบจิตแค่นั้น ฝีมือของมันแย่กว่าที่ผมคิดไว้เยอะ ผมจัดการมันเอง”

พูดจบ รพีพงษ์ก็ลากหงส์ไปอยู่หลังตัวเอง แล้วมองไปที่ทัดธน

ทัดธนก็ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะตื่นเร็วขนาดนี้ จึงตะลึงขึ้นมา

แต่ไม่นานเขาก็สงบลง แล้วพูดกับรพีพงษ์ว่า “คิดไม่ถึงว่าเด็กอย่างมึงจะตื่นเร็วขนาดนี้ กูประเมินมึงต่ำไป ทำให้มึงโดนวิชาครั้งแรกได้ กูก็จะทำให้มึงโดนวิชาครั้งที่สองได้เช่นกัน ครั้งนี้กูจะไม่เสียเวลาอีก จะต้องจัดการกับมึงตั้งแต่วินาทีแรก!”

พูดจบ ทัดธนได้ใช้พลังจิตของตนไปที่รพีพงษ์อีกครั้ง

รพีพงษ์ยิ้มมุมปาก แล้วกล่าว “ความสามารถเท่าขี้เล็บอย่างนี้ของมึง จะให้กูโดนวิชา มึงนี่เป็นไอ้บ้าฝันกลางวันจริงๆ!”

พูดจบ พลังจิตของรพีพงษ์ได้ถูกรวบรวมไว้ แล้วปล่อยไปที่พลังจิตอันเล็กน้อยของทัดธนนั่น

ขณะนี้ ทัดธนได้รับรู้อย่างแท้จริงแล้วว่าอะไรคือ การเสียวซ่านหนังศีรษะ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท