พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่910 กระบี่หยก

บทที่910 กระบี่หยก

บทที่910 กระบี่หยก

“หรือนี่จะเป็นของล้ำค่า? รพีพงษ์ได้ใช้พลังจิตสังเกตกระบี่หยกนี้สักพัก พบว่าออร่าบนกระบี่จะมีเพียงการใช้พลังจิตสังเกตเท่านั้นที่จะเห็นมันได้

เขายื่นมือไปหยิบกระบี่หยกมา กระบี่หยกนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น ดูไปเหมือนเครื่องประดับชนิดหนึ่ง ดูจากการผลิต กระบี่หยกนี้แม้จะไม่ใช่ของที่ดีที่สุด แต่ก็ดีกว่าธรรมดาทั่วไปอยู่มาก

มาจากในสมัยไหนนั้น รพีพงษ์ดูอยู่พักใหญ่ ก็ดูไม่ออกว่ากระบี่หยกนี้ทำขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกเหมือนว่าจะเพิ่งทำขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่เหมือนว่าอยู่มานานแสนนานแล้ว บนตัวกระบี่เองไม่ได้บ่งบอกอายุของมัน แต่กลับให้คนรู้สึกถึงความโบราณและเรียบง่าย

บวกกับรอยบนกระบี่ ปกติจะไม่ค่อยมีคนสังเกตจุดนี้สักเท่าไหร่ แม้แต่เจ้าของร้านก็เอากระบี่นี้โยนไปที่ไม่ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั่วไป

รพีพงษ์ยื่นมือไปหยิบกระบี่นั้นขึ้นมา มาแล้วมาจับดู ตอนที่อยู่บนมือ เขารู้สึกได้ถึงความเย็น ราวกับกระบี่ได้ปล่อยพลังกระบี่ออกมาอย่างไรอย่างนั้น ทำให้คนรู้สึกสยบ

นี่เป็นของล้ำค่าแน่นอน

รพีพงษ์ตัดสินใจ วัตถุโบราณพวกนั้นเขาไม่อยากได้ แต่กระบี่นี้เขารู้สึกชอบมันอย่างมาก มีเพียงการใช้พลังจิตจึงจะเห็นความพิเศษของมัน ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าไม่ธรรมดา

เจ้าของร้านเห็นรพีพงษ์หยิบกระบี่นี้ขึ้นมา ยิ้มพลางกล่าว “ของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมซื้อมาจากคนอื่นเมื่อหลายปีมากแล้ว เมื่อก่อนให้คนดูมาหลายครั้ง ล้วนพูดว่าของสิ่งนี้ถ้าไม่มีรอยนั่น ถือว่าเป็นหัตถกรรมที่ดีเลยทีเดียว แต่มีรอบ ก็ไม่มีค่าอะไรแล้ว ของสิ่งนี้อยู่นี่มาหลายปีแล้ว ไม่มีใครต้องการมาโดยตลอด ถ้าคุณชอบล่ะก็ ให้คุณห้าร้อยหยวน แค่หยกก็ราคานี้แล้ว”

รู้ว่ารพีพงษ์เป็นคนที่รู้เรื่องวัตถุโบราณ ดังนั้นเจ้าของร้านจึงไม่โกหก เพื่อไม่ให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีขึ้น

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ได้”

จากนั้นเขาก็หยิบหยกที่สีสดใสกว่าที่หงส์ชอบ มีพื้นผิวที่ดีกว่า แล้วกล่าว “หยกชิ้นนี้ถือเป็นของดี เอามันกับกระบี่นั้นขอผมคิดรวมกัน ผมให้คุณหนึ่งแสน ราคานี้ไม่ต่ำนะ”

เจ้าของร้านได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ก็ตาลุกวาว จากนั้นก็ตื่นเต้น แล้วกล่าว “ได้ได้ได้ ผมจะห่อให้คุณเดี๋ยวนี้”

หยกที่รพีพงษ์หยิบมาถือว่าเป็นของดีจริงๆ แต่ว่าราคาไม่ถึงหนึ่งแสน เจ้าของร้านรู้ว่ารพีพงษ์ต้องการกระบี่นั้น

บางทีกระบี่นี้ในสายตาของรพีพงษ์เป็นสิ่งล้ำค่าที่หาได้ยาก แต่สำหรับเจ้าของร้านแล้วเป็นสิ่งที่ไม่มีคนสนใจ ของสิ่งนี้อยู่กับร้านเขามานาน มีคนต้องการก็ถือว่าไม่เลวแล้ว เขาก็ไม่คิดที่จะร่ำรวยเพราะกระบี่นี่

ดังนั้นไม่คิดก็ตอบตกลงแล้ว

ในวงการนี้มีบางคนที่เพราะลูกค้าอยากได้สิ่งหนึ่งมากๆ ดังนั้นจึงตั้งใจบวกราคาเพิ่ม แต่เจ้าของร้านไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ราคาที่รพีพงษ์ให้ถือว่าเป็นธรรมมากแล้ว ถ้าเขาเพิ่มราคาเพราะรพีพงษ์อยากได้ ไม่แน่รพีพงษ์อาจจะหันหลังไม่เอาเลยก็ได้

เพราะเขาก็ไม่เห็นว่ารพีพงษ์มีความอยากได้กระบี่นั้นเท่าที่ควร

ในขณะที่เจ้าของร้านจะไปเอาหยกและกระบี่ห่อให้รพีพงษ์นั้น ก็มีเสียงดังออกมาจากด้านหลังของรพีพงษ์

“กระบี่หยกนี้ผมเอา ผมให้สองแสน ห่อให้ผม”

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาแทรก

เขากับหงส์หันไปมองคนที่อยู่หลังตัวเอง พบว่าเป็นผู้ชายอายุราวสามสิบปี ที่ในมือกำลังถือพัด

ชายคนนั้นมองไปที่หงส์สักพัก แล้วค่อยมองไปที่รพีพงษ์ แล้วยิ้มให้รพีพงษ์ กล่าว “ขอโทษนะน้องชาย กระบี่นี้มีพรหมลิขิตกับผม ดังนั้นจึงผมทำได้แค่ยอมผิดศีลธรรม หวังว่าคุณจะไม่ถือสา”

เจ้าของร้านจ้องไปที่ชายคนนั้น แล้วกล่าว “คุณผู้ชาย ขอโทษจริงๆนะครั้บ ผมได้ตกลงราคากับท่านนี้แล้ว การค้าขายนี้ถือว่าสำเร็จแล้ว ผมอยู่ในวงการนี้มาหลายปี ให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ กลับกลอกกะทันหันผมไม่เคยทำ ดังนั้นขอคุณผู้ชายดูสิ่งของอย่างอื่นนะครับ”

ชายคนนั้นยิ้ม แล้วสะบัดพัดของตัวเองออก ด้านบนเขียนว่า “โจว” อักษรนี้ จากนั้นก็กล่าวว่า “ค้าขาย ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็คนที่ให้ราคาสูงเท่านั้นจึงจะได้ไป อะไรพูดกลับกลอกไม่กลับกลอก คุณว่าถูกมั้ย?

เจ้าของร้านจ้องไปที่ตัวอักษรบนพัดหลายครั้ง จากนั้นเหมือนว่าจะนึกอะไรออก สีหน้าถอดสีทันที แล้วกล่าวอย่างตกใจว่า “คุณคือคุณชายใหญ่ของตระกูลกิติมหาคุณ?”

เรวัตยิ้มอย่างสะใจ แล้วกล่าว “ถือว่าคุณรู้ทัน ในเมื่อรู้ตัวตนของผมแล้ว งั้นก็ช่วยผมห่อกระบี่หยกนี่ก็แล้วกัน”

เจ้าของร้านลำบากใจ แม้เขาทำการค้าด้วยความซื่อสัตย์ ไม่เคยเปลี่ยนคำพูด แต่ตระกูลกิติมหาคุณในเมืองอยู่เย็นถือว่ามีตำแหน่งที่สูงส่ง ถ้าทำผิดต่อคุณชายตระกูลกิติมหาคุณ งั้นการค้าขายนี้ก็อย่าคิดว่าจะได้ทำอีกเลย

รพีพงษ์ก็ดูออกว่าเจ้าของร้านลำบากใจ หันไปหาเรวัติ แล้วกล่าว “ขอโทษนะ ผมชอบกระบี่หยกนี้มาก ดังนั้นไม่อยากให้คนอื่น ผมให้สามแสน”

เรวัตเห็นรพีพงษ์กล้าอัพราคา ก็หน้าบึ้ง แล้วกล่าวอย่างสงบว่า “น้องชาย คุณน่าจะเป็นคนต่างถิ่นนะ ถ้าคุณเคยได้ยินเรวัตชื่อนี้ อาจไม่อยากได้กระบี่หยกนี้แล้วก็ได้”

“ทำไม ผู้ที่ให้ราคาสูงได้ไปคุณพูดเองไม่ใช่หรอ? นี่เกี่ยวอะไรกับชื่อของคุณ? ชื่อของคุณได้ราคาดีหรอ?” รพีพงษ์ย้อนถาม

เรวัตด่าในใจ แต่เมื่อเห็นรพีพงษ์ในมือถือกระบี่หยก ก็ดูเหมือนกับเป็นนักบู๊ ดังนั้นจึงไม่อยากเกิดความขัดแย้งกับรพีพงษ์ จึงกล่าว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ทำได้เพียงอัพราคาเพิ่ม ผมให้สี่แสน”

“หนึ่งล้าน” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ

เรวัตตาโต คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะแข็งข้อขนาดนี้ อัพราคาไปหนึ่งล้าน ในฐานะที่เป็นคุณชายของตระกูลกิติมหาคุณ เรวัตเข้าใจในอภิปรัชญาจีนอย่างแน่ชัด ตอนนั้นแค่แวบเดียวก็ดูออกว่ากระบี่นั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงอยากซื้อไปศึกษา

แต่เขาแค่รับรู้ว่ากระบี่หยกนี้ไม่ธรรมดา กลับไม่รู้ว่ากระบี่หยกนี้มีประโยชน์อะไร ปกติเขาก็เห็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว แต่เมื่อเอากลับไปศึกษาแล้วกลับพบว่าเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก

ดังนั้นใช้เงินสี่แสนซื้อกระบี่หยกที่ไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไรและชำรุด สำหรับเขาแล้วถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว ตอนนี้รพีพงษ์อัพราคาไปเป็นหนึ่งล้าน แน่นอนว่าเขาไม่อยากอัพราคาตามอีกแล้ว

เจ้าของร้านที่อยู่ข้างๆมึนงง ตอนแรกเขาคิดว่ากระบี่หยกนี้มีคนเอาก็ถือว่าไม่เลวแล้ว สุดท้ายไม่นาน รพีพงษ์ก็ให้ในราคาหนึ่งล้าน

ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนฝันไปเลย

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท