พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่925 หว่านเมล็ดเก็บผล

บทที่925 หว่านเมล็ดเก็บผล

บทที่925 หว่านเมล็ดเก็บผล

ข้างชายชรา มีชายร่างกำยำสองคน มีลักษณะที่เด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ผู้ชายที่บนร่างกายมาพร้อมกับรัศมีจิตสังหารของสองคนนี้ค่อนข้างหาพบได้ยาก ต่อให้อยู่ในแวดวงศิลปะการต่อสู้ ก็ยากที่จะมีจิตสังหารแบบบนร่างกายของพวกเขา

เมื่อมองทั้งสองคนแวบแรก ภาพแรกที่ปรากฏในความคิดของรพีพงษ์ คือสนามรบ

ก็มีเพียงผ่านการรบมามากจริงๆ ถึงสามารถที่จะฝึกฝนรัศมีกลิ่นคาวเลือดจางๆแบบนี้ได้

ทั้งสองคนตั้งแต่ที่รพีพงษ์เข้ามา แววตาจับจ้องไปที่บนร่างกายของเขา มองดูตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างละเอียดเป็นเวลานาน รพีพงษ์รู้สึกได้เพียงแค่หากตัวเองมีการเคลื่อนไหวอะไร ทั้งสองคนนี้จะลงมือกับตัวเองในทันที

สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์รู้สึกแปลกๆคือ เขาไม่รู้สึกถึงความผันผวนของเน่ยจิ้งภายในของทั้งสองคน

ในเวลานี้อารียาก็กำลังยืนอยู่ที่สวนลานบ้าน ปวัตรและปวิชทั้งสองคนอยู่ข้างๆ ดูเหมือนว่ากำลังคุยกับชายชรา เมื่อเห็นรพีพงษ์กลับมา ดวงตาของหล่อนก็เปล่งประกาย รีบเดินไป แล้วเอ่ยปากพูดว่า: “รพีพงษ์ ผู้อาวุโสท่านนี้บอกว่ามีเรื่องจะพบนาย บอกว่าตอนนั้นพวกนายทำข้อตกลงกันไว้แล้ว เขาช่วยนายแล้ว และนายก็ต้องรับปากเขาไว้หนึ่งเรื่อง ตอนนี้เขามาเพื่อให้นายทำตามสัญญาแล้ว”

รพีพงษ์พยักหน้า นี่เป็นข้อตกลงตอนนั้นระหว่างเขากับชายชราจริงๆ เพียงแต่ตั้งแต่นั้นมา ชายชราก็ไม่มาหาเขาอีก เขาก็ค่อยๆทิ้งเรื่องไว้ด้านหลัง

ตอนนี้เมื่อเห็นชายชรามาถึง รพีพงษ์ก็รู้ว่าถึงเวลาที่ต้องชำระหนี้

เขาไม่เคยคิดที่จะหนีหนี้ เนื่องจากว่าชายชราช่วยชีวิตของตัวเองไว้ ถ้าไม่มียาอายุวัฒนะที่ชายชราให้ไว้ ตอนนั้นที่พักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่เมืองติดทะเล เขาก็คงจะเสียชีวิตไปแล้ว

นอกจากนี้ ชายชราคนนี้ยังให้ความรู้สึกลึกลับแก่รพีพงษ์ วันนี้เขาเพิ่งมาที่เกียวโต ก็เจอกับชายชรา ซึ่งบ่งบอกว่าชายชราคนนี้รู้การเคลื่อนไหวของตัวเองอย่างชัดเจน

สามารถตรวจสอบเบาะแสการเคลื่อนไหวของคนหนึ่งได้อย่างชัดเจนนั้น ไม่ใช่สิ่งคนที่คนธรรมดาจะสามารถทำได้

“ผู้อาวุโสไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน สบายดีไหม?”รพีพงษ์ยิ้มแล้วเดินไปหาชายชรา

ชายชรายิ้มให้รพีพงษ์เล็กน้อย เอ่ยปากว่า: “คนแก่แล้ว มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว เทียบกับหนุ่มสาวอย่างพวกเธอไม่ได้”

“ผู้อาวุโสก็พูดล้อเล่นจริงๆ เข้าไปนั่งก่อนเถอะ แคลร์ ไปชงชาดีๆมาหนึ่งกา ผู้อาวุโสท่านนี้เป็นผู้มีพระคุณของฉัน ต้องต้อนรับเป็นอย่างดี”รพีพงษ์มองไปที่อารียา

อารียาพยักหน้าในทันที และไปชงชา

รพีพงษ์พาชายชราและชายทั้งสองเดินไปในห้องด้วยกัน ในระหว่างทาง รพีพงษ์ปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณออกมา ตรวจสอบดูทั้งสามคนอย่างละเอียด

เมื่อพลังจิตวิญญาณเทพตรวจพบว่าผู้ชายทั้งสองคนพกปืนไว้บนเอว ในใจรพีพงษ์เผยถึงความประหลาดใจอย่างฉับพลัน

ตอนนี้ในประเทศจีน สามารถพกปืนไว้บนตัวได้ และสงบเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านได้ขนาดนี้ เกรงว่ามีเพียงสมาชิกของกองทัพเท่านั้น

ก็ไม่แปลกใจที่รพีพงษ์ไม่รู้สึกถึงความผันผวนของเน่ยจิ้งบนร่างกายของทั้งสองคน เพียงแค่อาศัยปืนที่เอวของพวกเขา ก็เพียงพอที่จะทำให้ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์หนักหนาสาหัส

แม้ว่ายอดฝีมือแดนปรมาจารย์จะมีพลังมาก และมีความสามารถในการระเบิดพลังที่คนธรรมดาไม่อาจจินตนาการได้ แต่โดยพื้นฐานเนื้อแท้แล้วก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดา ต้องการต่อต้านอาวุธปืนที่ผลิตภายใต้การปฏิวัติอุตสาหกรรมออกมา ก็ยังไร้สาระเหมือนกับคนปัญญาอ่อนเพ้อฝันไปบ้าง

สำหรับยอดฝีมือแดนดั่งเทพที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าแดนปรมาจารย์ แม้ว่าบรรลุถึงระดับที่สามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้ แต่หากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีการปกป้องกัน ถูกคนอื่นใช้ปืนยิง ก็ยังคงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้

ท้ายที่สุดแล้วแดนดั่งเทพไม่ได้ทำให้ร่างกายของคนกลายเป็นเกราะกำบังที่แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตามหากมีเตรียมพร้อมก่อน พลังของยอดฝีมือแดนดั่งเทพถูกปลดปล่อยออก กลายเป็นการป้องกันอยู่ภายนอกร่างกาย อาจเป็นไปได้ที่จะต้านทานพลังระเบิดที่มาจากอาวุธปืนธรรมดาได้

เนื่องจากกลยุทธ์ของยอดฝีมือแดนดั่งเทพ บางครั้งพลังที่ปลดปล่อยออกมา ก็ไม่เลวร้ายไปกว่าอาวุธปืน

แต่นี่เป็นเพียงต้านทานพลังลูกกระสุนที่ปล่อยออกมาของปืนพกเท่านั้น ถ้าเปลี่ยนเป็นปืนไรเฟิล ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว

ด้วยในระดับปัจจุบันของรพีพงษ์ เขารู้สึกว่าตัวเองต่อต้านได้อย่างเต็มที่ อย่างมากสุดก็สามารถต้านทานพลังของปืนพกได้เท่านั้น

บางทีระดับยอดฝีมืออย่างธัชธรรมอาจสามารถต้านทานพลังของปืนไรเฟิลได้ แต่รพีพงษ์ในตอนนี้ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน

แน่นอนว่า ไม่มีใครโง่พอที่จะเป็นอริกับกองทัพ ดังนั้นยอดฝีมือระดับไหนถึงจะสามารถต้านทานพลังของปืนไรเฟิลได้ ก็ไม่เคยมีใครไปลองมาก่อน

สำหรับอาวุธปืนระดับสูง เช่นบาซูก้า ขีปนาวุธเป็นประเภทเดียวกันนี้ นอกเสียจากยอดฝีมือแดนเทพที่ธัชธรรมกล่าวถึง ไม่อย่างนั้น ไม่ว่าแดนศิลปะการต่อสู้จะสูงเพียงใด เกรงว่าก็คงจะต้านทานไม่ไหว

แม้ว่านักรบจะแข็งแกร่ง แต่ผู้ที่สามารถบรรลุถึงแดนที่เหนือกว่าคนธรรมดาอย่างแท้จริง สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนที่มีความสามารถที่พบได้ยาก ดังนั้นปกป้องความปลอดภัยของประเทศ ยังคงเป็นความรับผิดชอบของกองทัพ

เมื่อถึงที่แล้ว รพีพงษ์ก็ให้ชายชรานั่งลง และชายทั้งสองก็ยืนอยู่ด้านหลังชายชรา ท่าทางสูงส่ง คอยดูแลความปลอดภัยของชายชราตลอดเวลา

รพีพงษ์นั่งตรงข้ามกับชายชรา จ้องมองเขาแวบหนึ่ง และเอ่ยปากถามว่า: “ไม่ทราบว่าครั้งนี้ผู้อาวุโสมาหาผม ก็คือเพื่อข้อตกลงตอนนั้นของพวกเราเหรอ?”

ชายชรายิ้มและพยักหน้าให้รพีพงษ์ เอ่ยปากว่า: “ถูกต้อง เรื่องราวต่างๆในโลก มักจะให้ความสำคัญกับเหตุและผลที่สมบูรณ์แบบ เมล็ดที่ฉันหว่านไว้ตอนนั้น ตอนนี้ ก็ถึงเวลาที่จะเก็บเกี่ยวผลแล้ว”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท