พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่930 ไม่เกี่ยวกับพ่อของเขา

บทที่930 ไม่เกี่ยวกับพ่อของเขา

บทที่930 ไม่เกี่ยวกับพ่อของเขา

หลังจากที่พ่อของธิติสรณ์ได้ยินคำพูดของธิติสรณ์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขาคว้าคอเสื้อของธิติสรณ์ในทันที ถามอีกครั้งว่า: “แกว่าอะไรนะ? แกมีเรื่องกับนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์เหรอ?”

หลังจากพูดเสร็จ เขาหันหน้ามองไปที่รพีพงษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆธีรนุช เมื่อกี้นี้เขาคิดว่ารพีพงษ์เป็นเพียงแค่เพื่อนของธีรนุช ตอนนี้มองดูอย่างละเอียด ค่อนข้างเหมือนกับนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ที่ตัวเองเคยเห็นบนอินเทอร์เน็ต

“พ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ถ้าผมรู้ว่าเขาคือนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ฆ่าผมให้ตายก็ไม่กล้าที่จะมีเรื่องกับเขา”ธิติสรณ์เอ่ยปากพูด

เมธีราก็สงสัยเล็กน้อยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ จึงเอ่ยปากพูดกับธีรนุชว่า: “นุช เธอรีบบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ธีรนุชพยักหน้า เล่าเรื่องใหญ่ที่เพิ่งเกิดขึ้นที่ข้างนอกเมื่อกี้นี้ให้หนึ่งรอบ จากนั้นมองไปทางรพีพงษ์ เอ่ยปากถามว่า: “คุณรพี ฉันพูดได้ไม่มีอะไรที่ขาดตกไปใช่มั้ย?”

“ก็ประมาณแบบนี้”รพีพงษ์ตอบ

เมธีราเหลือบมองธิติสรณ์ด้วยความโกรธ คาดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้กลับกล้าไม่ให้ความเคารพกับรพีพงษ์ขนาดนี้ ถ้าหากพ่อของธิติสรณ์ไม่อยู่ในเหตุการณ์ เขาคงจะตบสั่งสอนเด็กคนนี้อย่างรุนแรง

หลังจากที่พ่อของธิติสรณ์ฟังจนจบ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินไปตรงหน้าธิติสรณ์ ยกมือขึ้นตบลงไปที่บนใบหน้าของธิติสรณ์ไม่กี่ครั้ง

“แกนี่มันสารเลว วันๆไม่รู้ทำอะไรที่มันดีๆ ก็รู้แต่สร้างปัญหาให้กับฉัน ตอนนี้แส่หาเรื่องถึงหัวนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ฉันว่าแกไม่รู้ว่าไม่รู้จักสถานะตัวตนของตัวเองจริงๆ!”

หลังจากตบเสร็จ พ่อของธิติสรณ์ก็เตะไปที่บนร่างกายธิติสรณ์ไม่กี่ครั้ง เขารู้ว่าตอนนี้รพีพงษ์และเมธีรากำลังดูอยู่ ถ้าเขาออมมือแม้แต่น้อย ก็จะสร้างความไม่พอใจให้กับทั้งสองคน ถึงเวลานั้นลูกชายของเขาก็ถือได้ว่าจบเห่จริงๆ

ธิติสรณ์ก็ไม่กล้าที่จะสู้กลับ ปล่อยให้พ่อของเขาสั่งสอนตัวเอง

ใช้เวลานานพอสมควร พ่อของธิติสรณ์ถึงได้หยุดมือ ในเวลานี้ธิติสรณ์ถูกทุบตีจนเป็นหัวหมู

พ่อของธิติสรณ์หันหน้ามองไปที่เมธีราและรพีพงษ์ทั้งสองคน: “ท่านเมธี คุณรพี ลูกชายของผมถูกผมเอาใจมากเกินไป ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ผมขอโทษจริงๆ ไม่ว่าท่านเมธีและคุณรพีจะลงโทษพวกเราอย่างไร ผมก็จะไม่กล่าวโทษตำหนิอะไรทั้งนั้น”

เมธีราถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และเอ่ยปากพูดว่า: “นัทธิ์ นายทำงานอย่างขยันขันแข็งมีความรับผิดชอบให้ตระกูลของเรามาหลายปีแล้ว ฉันให้คฤหาสน์หลังนั้นและเงินบำนาญกับพวกนาย คือเห็นแก่ความทุ่มเทของนาย แต่ลูกชายของนายเป็นเพราะเหตุนี้จึงกลายเป็นคนหยิ่งยโสโอหัง ดูเหมือนว่า ฉันจะเป็นคนทำร้ายเขา”

พ่อของธิติสรณ์ก็ก้มหน้าลงในทันที บนใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“นุชบอกแล้วว่า จะให้คำอธิบายกับคุณรพี ตระกูลตรีศาสตร์ของพวกเราเรื่องขอความช่วยเหลือคุณรพี ดังนั้นครั้งนี้ฉันก็ช่วยพวกนายไม่ได้ คฤหาสน์หลังนั้น ฉันก็เก็บกลับยึดคืนมาก่อน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกนายก็อย่าอยู่ที่นี่อีกต่อไป และลูกชายของนายชนรถคุณรพีจนเสีย ก็เอารถแลนด์โรเวอร์คันนั้นของเขาชดใช้ให้กับคุณรพีเถอะ นายมีอะไรจะขัดข้องกับการจัดการของฉันมั้ย?”

สีหน้าพ่อจองธิติสรณ์ก็ว่าง่าย พูดกับเมธีราว่า: “คุณท่าน ผมไม่มีอะไรจะขัดข้อง นี่เป็นความผิดที่พวกเราเอง พวกเราต้องแบกรับผลที่ตามมา”

เมื่อธิติสรณ์ได้ยินการจัดการของเมธีรา บนใบหน้าก็ปรากฏความวิตกกังวล ถ้าหากเมธีรายึดคฤหาสน์คืนกลับไป แล้วเอารถของตัวเองชดใช้ให้กับรพีพงษ์ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไม่เหลืออะไรจริงๆ

“ท่านเมธี ผมรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ผมขอโทษคุณรพีแล้ว ได้โปรดอย่าไล่พวกเราออกไปเลย ไม่มีคฤหาสน์หลังนี้ พวกเราก็จะไม่มีที่อยู่อาศัย”ธิติสรณ์ขอร้องเมธีรา

พ่อของธิติสรณ์เห็นว่าธิติสรณ์ในเวลาแบบนี้ยังคงเอาแต่คิดถึงคฤหาสน์ ก็เตะไปที่บนตัวของเขาอีกครั้ง ด่าว่า: “ถึงขนาดนี้แล้ว แกยังมาหน้ามาพูดจาแบบนี้อีกเหรอ? ทุกอย่างของพวกเราท่านเมธีเป็นคนให้ ตอนนี้แกมีเรื่องกับแขกของครอบครัวท่านเมธี คนอื่นเขายังเป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ แกยังเพ้อฝันจะเอาคฤหาสน์อีก ฉันว่าช่วยอะไรแกไม่ได้แล้วจริงๆ!”

“ท่านเมธี พวกเรายอมรับการลงโทษนี้ เดี๋ยวพวกเราจะไปเก็บข้าวของ และออกจากคฤหาสน์ รถคันนั้นผมก็จะให้ไอ้ลูกอกตัญญูโอนรถให้คุณรพี”พ่อของธิติสรณ์หันหน้ามองไปที่เมธีรา ตั้งใจว่าจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย

เมธีราหันหน้าไปมองรพีพงษ์ เอ่ยปากถาม: “น้องรพีพงษ์ ไม่รู้ว่านายพอใจกับผลของการจัดการนี้มั้ย?”

รพีพงษ์มองไปที่พ่อของธิติสรณ์ เห็นว่าชายคนนี้เป็นคนขยันขันแข็งมีความรับผิดชอบ เพียงแต่ถูกลูกชายทำลายเท่านั้นเอง จึงเอ่ยปากพูดว่า: “นี้เป็นเรื่องระหว่างของฉันกับเขา ไม่เกี่ยวกับพ่อของเขา เพียงแค่ให้เขาย้ายออกไปก็พอแล้ว รถคันนั้นก็เอาไว้ให้ฉัน ต่อจากนี้ไปตระกูลตรีศาสตร์ของพวกคุณก็ห้ามให้ความช่วยเหลืออะไรกับเขาทั้งนั้น เรื่องนี้ฉันก็จะไม่ถือสา”

“น้องรพีพงษ์ถูกผิดแยกแยะได้ชัดเจนจริงๆ คู่ควรสามารถที่จะเป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ได้ในวัยนี้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่นายบอก ลงโทษเพียงธิติสรณ์เพียงคนเดียว”เมธีราเอ่ยปากพูด

ธิติสรณ์ตกตะลึงในทันที ยังไงเขาก็คาดไม่ถึง ท้ายที่สุดแล้ว มีเพียงเขาที่ถูกขับไล่ออกจากคฤหาสน์ในชุมชนนี้ คนที่ไม่เหลืออะไรก็คือตัวเขาเอง ไม่ใช่ทั้งครอบครัวของพวกเขา

“พ่อ พ่อช่วยผมขอความเมตตาด้วย ผมไม่ได้ทำงานมานานขนาดนี้แล้ว ผมทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ถ้าหากถูกไล่ออกไป ผมก็ต้องไปขอทานที่ข้างถนนจริงๆ”ธิติสรณ์อ้อนวอนพ่อของเขา

พ่อของเขามองเขาอย่างหมดหนทาง และเอ่ยปากพูดว่า: “นี่เป็นผลกรรมของตัวแกเอง ฉันก็ช่วยแกไม่ได้ แกต้องผ่านประสบการณ์ฝึกฝนถึงจะเติบโตขึ้นได้ นี่อาจเป็นการทดสอบที่พระเจ้าประทานให้กับแก”

ธิติสรณ์ไม่สามารถฟังคำพูดดังกล่าวไม่เข้าหูเป็นธรรมดา และยังคงขอร้องให้พ่อของเขาเมตตา

เมธีรารู้สึกรำคาญธิติสรณ์ จึงเอ่ยปากพูดว่า: “พอได้แล้ว พาตัวเขาออกไป น้องรพีพงษ์ไม่โกรธเขาก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไม่อย่างนั้น อย่าว่าแต่ขับไล่ออกไป แม้แต่ชีวิตของเขาก็ไม่อาจรักษาไว้ได้”

หลังจากที่พ่อของธิติสรณ์ฟังจบสีหน้าก็เปลี่ยนไป จากนั้นก็ไม่ชักช้า รีบพยักหน้าให้เมธีรา และลากธิติสรณ์ออกไปข้างนอก

หลังจากสองคนพ่อลูกตระกูลจนกวีจากไป ห้องรับแขกในคฤหาสน์ก็เงียบสงบลงมา

เมธีราและธีรนุชมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความรู้สึกผิด เมธีราเอ่ยปากพูดว่า: “ขอโทษด้วยจริงๆ ทำให้นายเดือดร้อนแล้ว”

รพีพงษ์ยักไหล่ บ่งบอกว่าไม่เป็นไร เอ่ยปากพูดว่า: “ไหนบอกว่าให้ฉันมาถอนพิษไม่ใช่เหรอ? คนอยู่ที่ไหน?”

เมธีราและธีรนุชทั้งสองคนสบตากัน รู้ว่านี่ถึงเป็นเรื่องที่สำคัญของวันนี้ ดังนั้นก็ไม่คิดเรื่องของธิติสรณ์แล้ว

เมธีราลุกขึ้นจากโซฟา และเอ่ยปากพูดกับรพีพงษ์ว่า: “ตามฉันมาเถอะ”

จากนั้นก็หันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท