พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่934 วันนี้ฉันจะฆ่าแก

บทที่934 วันนี้ฉันจะฆ่าแก

บทที่934 วันนี้ฉันจะฆ่าแก

ในโลกจิตวิญญาณของรพีพงษ์

ชัยโรจน์เข้าไปในพลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์เพื่อเข้าสู่ในโลกจิตวิญญาณของรพีพงษ์ พลังจิตวิญญาณเทพนั้นได้กลับเข้าไปในจิตร่างเทพของรพีพงษ์ทันที

ดวงจิตของจิตร่างเทพนั้นได้เปิดตาขึ้น จ้องไปที่ชัยโรจน์อย่างระแวง

ชัยโรจน์ยิ้มไปที่โลกจิตวิญญาณของรพีพงษ์ จากนั้นก็แสดงอารมณ์เซอร์ไพร์สขึ้นมา แล้วพูดกับตัวเองว่า “ไม่คิดว่าจะเป็นคนที่มีจิตวิญญาณเทพโดยกำเนิด ครั้งนี้ได้กำไรเยอะจริงๆ คนของตระกูลตรีศาสตร์ไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ ถ้าสิงร่างเด็กนี่ได้ ความสำเร็จในอนาคตของฉัน ก็ได้ก้าวไปอีกขั้นแล้ว”

รพีพงษ์ส่งเสียงดูแคลนใส่ชัยโรจน์ ไม่พูดพร่ำทำเพลงใช้พลังจิตวิญญาณเทพไปที่ชัยโรจน์

ชัยโรจน์ปัดมือ สลายการโจมตีของรพีพงษ์

ด้านจิตวิญญาณเทพ รพีพงษ์ก็เป็นแค่เด็กที่ไม่รู้อะไรเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการโจมตีของจิตวิญญาณเทพ ดังนั้นแม้จะเป็นในโลกจิตวิญญาณของตัวเอง ก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของสัตว์ประหลาดอย่างชัยโรจน์ที่อยู่มากว่าห้าร้อยปี

“เด็กน้อย แกสงบเสงี่ยมไว้เถอะ แบบนี้ฉันจะไม่ทำให้แกเจ็บปวดใดๆ สิงร่างของแกโดยตรง แต่ถ้าแกต่อต้านล่ะก็ ฉันก็ทำได้เพียงฆ่าแกเท่านั้นแหละ!” ชัยโรจน์กล่าว

รพีพงษ์มองชัยโรจน์ด้วยความร้อนรน ในระยะเวลาอันสั้น คิดไม่ออกจริงๆว่าจะต่อกรกับเขาอย่างไร

ชัยโรจน์จ้องไปที่จิตร่างเทพของรพีพงษ์แล้วเดินเข้าไป จากนั้นก็ยื่นมือ เชือกหนึ่งที่พลังจิตวิญญาณเทพทำออกมา ได้ไปมัดตัวรพีพงษ์ไว้

รพีพงษ์มีเซ็นส์ ถ้าเขาถูกเชือกมัดไว้ ก็จบแล้วทุกสิ่ง

แต่เขาก็ไม่มีวิธีต่อกร ทำได้เพียงมองเชือกเข้ามาที่ตัวเองอย่างช้าๆ จากนั้นก็มัดเขา และพันธนาการรพีพงษ์ไว้

แต่ในขณะเดียวกันนี้เอง แสงออร่าสีทองสว่างขึ้น ปรากฏอยู่ตรงหน้าของรพีพงษ์ ก็คือกระบี่สยบเซียนที่อยู่ในหัวของรพีพงษ์

กระบี่สยบเซียนตัดเชือกนั้นของชัยโรจน์ เชือกนั้นขาดออกโดยตรง จากนั้นก็กลายเป็นพลังจิตวิญญาณเทพ ถูกกระบี่สยบเซียนดูดเข้าไป

รพีพงษ์เห็นดังนี้ ก็คิดไม่ถึง ไม่คิดว่ากระบี่สยบเซียนนี้จะสามารถทำลายพลังจิตวิญญาณเทพได้ด้วย

แต่เมื่อคิดกลับไป รพีพงษ์ก็เข้าใจแล้ว กระบี่สยบเซียนนี้ได้ฟื้นฟูขึ้นมาเพราะพลังจิตวิญญาณเทพของเขา นี่หมายความว่าระหว่างกระบี่เล่มนี้กับจิตวิญญาณเทพนั้นเชื่อมโยงกัน ดังนั้นที่สามารถทำลายพลังจิตวิญญาณเทพทั้งหมดได้นั้น ก็เป็นเรื่องทั่วไป

เห็นกระบี่สยบเซียนปรากฏออกมา รพีพงษ์ก็รู็้สึกมีความหวัง แสดงว่ากระบี่นี้ก็ไม่อยากเห็นเจ้าของเป็นอะไร เพราะมันได้นับรพีพงษ์เป็นเจ้าของแล้ว ถ้ารพีพงษ์ตาย มันจะต้องความเสียหายที่ยากจะฟื้นได้

ชัยโรจน์ที่เชื่อมั่นในตัวเองอย่างเต็มที่ก็ประหลาดใจขึ้นมา ไม่คิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ขึ้น เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน

“นี่……นี่มันอะไรกัน? ฉันใช้พลังจิตวิญญาณเทพรวมกันเป็นเชือก นอกเสียจากพลังจิตวิญญาณเทพจะแข็งแกร่งกว่าฉันมันถึงจะขาดได้ มากสุดก็แค่สะบัดหลุด พลังจิตวิญญาณเทพของมันอ่อนแอขนาดนี้ ทำไมเชือกถึงได้ขาดได้?” ชัยโรจน์บ่นกับตัวเองด้วยความสงสัย

รพีพงษ์ไม่ลังเล เอากระบี่สยบเซียนมาถือไว้ในมือ ในเมื่อกระบี่สยบเซียนทำลายพลังจิตวิญญาณเทพได้ งั้นวันนี้เขาก็ไม่ต้องตกอยู่ใสถานการณ์แห่งความพ่ายแพ้อย่างเลือกไม่ไ่ด้อีกต่อไปแล้ว

แม้ตอนนี้จะอยู่ในโลกจิตวิญญาณของเขา ว่าจะเป็นพลังจิตวิญญาณเทพหรือพลังวิเศษเสน ก็ได้เป็นดั่งเดิมคือพลัง

รพีพงษ์จ้องชัยโรจน์ จากนั้นก็ตะโกนว่า “ไอ้แก่ อย่าคิดว่าพลังจิตวิญญาณแก่เก่งกาจแล้วฉันจะต่อกรกับแกไม่ได้นะ แกอยู่บนโลกนี้มาห้าร้อยปีแล้วไง วันนี้ฉันจะฆ่าแก!”

พูดจบ กระบี่สยบเซียนในมือรพีพงษ์พุ่งไปที่ชัยโรจน์

ชัยโรจน์หลับตา มองไปที่กระบี่ในสยบเซียนที่มีลำแสงออร่าสีทองอร่ามในมือรพีพงษ์ ด้วยความสงสัย

หลังจากที่รพีพงษ์พุ่งไปด้านหน้าชัยโรจน์แล้ว ก็ปล่อยวิชาดาบที่ตัวเองถนัดออกมา ดาบและกระบี่ต่างกันแค่รูกลักษณ์เท่านั้น ดังนั้นไม่กระทบวิชาที่รพีพงษ์ปล่อยออกมา

ชัยโรจน์ปล่อยพลังจิตวิญญาณเทพออกมา ไปมัดตัวรพีพงษ์อีกครั้ง แต่พลังจิตวิญญาณในครั้งนี้ของเขาเหมือนจะทำอะไรรพีพงษ์ไม่ได้ รพีพงษ์เพียงแค่ขยับกระบี่ที่อยู่ในมือเบาๆ ก็สามารถตัดขาดพลังจิตวิญญาณเทพของชัยโรจน์ได้อย่างสลาย

ชัยโรจน์ที่ตอนแรกนิ่งสงบตอนนี้กลับผวาขึ้นมา กระบี่นั้นของรพีพงษ์ ครอบงำของได้จริงๆ แม้พลังจิตวิญญาณเทพของเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ไร้ประโยชน์

“ในมือแกคืออะไรกันแน่ ทำไมถึงได้ตัดพลังจิตวิญญาณเทพของฉันได้อย่างง่ายดายขนาดนี้?” ชัยโรจน์จ้องรพีพงษ์แล้วถาม

“ถามมากทำไม แกเพียงแค่ต้องรู้ว่าวันนี้แกจะตายด้วยน้ำมือกระบี่ในมือฉัน ก็พอแล้ว!”

พูดจบ กระบี่ในมือรพีพงษ์ก็พุ่งไปด้านหน้า จากนั้นก็มีพลังจิตวิญญาณเทพที่มหาศาลปรากฏขึ้นมา ม้วนไปที่ชัยโรจน์

“ท่าดาวฟ้า!”

กระบี่ระเบิดพลังอยู่ในพลังจิตวิญญาณเทพนั้น บุกอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถตั้งรับได้ แม้แต่รพีพงษ์ก็ไม่คิดว่ากระบี่ที่ตัวเองใช้ ร่วมกับพลังจิตท่าดาวฟ้าที่ปล่อยออกมาจะมีพลังมหาศาลขนาดนี้

หลังจากที่ชัยโรจน์เห็นดังนี้ ก็หน้าถอดสี แค่ท่านี้ที่ปล่อยพลังออกมา ก็ทำให้เขารับรู้ได้ถึงความอันตราย

“เห็นผีแล้วจริงๆ ไอ้เด็กนี่มันเพิ่งทำจิตวิญญาณดั่งเทพตื่นจากภวังค์เอง ทำไมถึงได้จู่โจมอยากหนักหน่วงได้ขนาดนี้นะ!” ชัยโรจน์ด่า จากนั้นก็ปล่อยพลังจิตวิญญาณเทพของตัวเองทั้งหมดที่มีออกมา ตั้งรับการโจมตีครั้งนี้ของรพีพงษ์

ความจริงที่รพีพงษ์สามารถปล่อยพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ออกมาได้นั้น เหตุผลหลักๆเลย ก็คือพลังของกระบี่เอง บวกกับการควบคุมจิตวิญญาณเทพของกระบี่สยบเซียน และจุดแข็งของโลกจิตวิญญาณรพีพงษ์ ดังนั้นจึงได้มีพลังแบบนี้เกิดขึ้น

สถานการณ์แบบนี้ จะปรากฏได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในโลกจิตวิญญาณของรพีพงษ์เท่านั้น ถ้าอยู่ข้างนอก แม้รพีพงษ์จะจับกระบี่สยบเซียนไว้ ก็ไม่สามารถปล่อยพลังแบบนี้ออกมาได้

ทั้งชีวิตของรพีพงษ์ก็น่าจะเป็นครั้งเดียวที่ถูกคนเข้าไปในโลกจิตวิญญาณแบบนี้ของตนได้ เพราะมันอันตรายจริงๆ

ท่าดาวฟ้าหมุนไปยังชัยโรจน์ ทุกครั้งที่กระบี่ได้ทะลุจิตร่างเทพของชัยโรจน์ไปนั้น เขาได้แต่มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทำอะไรไม่ได้เลย ไม่วิธีป้องกัน

แว็บเดียว ชัยโรจน์ก็อ่อนแอลง จิตร่างเทพเริ่มปรุโปร่งขึ้น ไม่มีพลังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ในขณะเดียวกันนี้ เหมือนชัยโรจน์จะคิดอะไรออก ตาลุกวาวขึ้น มองไปที่รพีพงษ์ แล้วถาม “กระบี่นี้ของแก เป็นกระบี่สยมเซียนในตำนานนั้นหนิ?!!”

รพีพงษ์ชะงัก มองไปที่ชัยโรจน์ แล้วถามกลับ “แกรู้จักกระบี่นี้?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท