บทที่935 กระบี่สยบเซียนในตำนาน
ชัยโรจน์เห็นปฏิกิริยาโต้ตอบและน้ำเสียงของรพีพงษ์ ก็รู้แล้วว่าการคาดเดาของเขาไม่มีผิด กระบี่ทองที่อยู่ในมือของรพีพงษ์ เป็นกระบี่สยบเซียนในตำนานนั้นจริงๆ
ยังไงเขาก็ไม่คาดคิด กระบี่เล่มนี้มีพลังอันน่าเกรงขามอย่างมาก เป็นอาวุธในตำนาน คิดไม่ถึงว่าจะปรากฏอยู่ในโลกจิตวิญญาณของรพีพงษ์ได้
ก็ไม่แปลกที่การจู่โจมของจิตวิญญาณเทพของเขาไร้ประโยชน์ เพราะกระบี่นี้ได้ยินมาว่าสามารถตัดขาดทุกสิ่งทุกอย่างได้ ไม่ต้องพูดถึงพลังจิตวิญญาณเทพ ถ้าผู้ที่มีกระบี่นี้ไว้ในครอบครองแข็งแกร่งพอ แม้จะเป็นเทพ เวลา ก็ต้องถูกตัดออกเป็นสองซีกด้วยกันทั้งนั้น
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฉันจะได้เห็นกระบี่ในตำนานที่นี่ เป็นอาวุธที่วิเศษแบบนี้นี่เอง อยู่ในมือของแก ชั่งเสียดายจริงๆ” ชัยโรจน์อุทานออกมาก
เขาถูกการจู่โจมเมื่อกี้ของรพีพงษ์ทำให้เจ็บหนัก จิตร่างเทพไม่มั่นคงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์ถือกระบี่สยบเซียน สำหรับเขาแล้ว ไร้ซึ่งศัตรูใดๆเลยล่ะ ดังนั้นวันนี้เขารู้ดีถึงจุดจบของตัวเองว่าเป็นอย่างไรแล้ว
“ไอ้แก่ รีบบอกที่มาของกระบี่นี้ให้ฟังเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น ฉันจะฆ่าแกด้วยดาบเดียว” รพีพงษ์กล่าวต่อชัยโรจน์อย่างเยือกเย็น
ชัยโรจน์ไม่พอใจกับคำพูดของรพีพงษ์ แต่ทว่าแม้เขาจะมีวิธีมากมาย ยังไงวันนี้ก็ไม่มีทางเป๋นคู่ต่อกรของรพีพงษ์ที่ในมือมีกระบี่สยบเซียนได้
เขาถอนหายใจอย่างไร้ซึ่งทางออก แล้วกล่าว “ช่างมัน เล่าให้แกฟังก็ได้ ข่าวลือของกระบี่สยบเซียนเป็นอาวุธของจอมมารที่ฝีมือสะท้านฟ้าท่านหนึ่งในอดีตกาล อาวุธที่จอมมารใช้นั้น ถือเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์”
“จอมมารท่านนี้ไม่ค่อยชอบในการเรียกเขาว่าเป็นเซียนหรือเทพเจ้า และพวกเขายังมีความแค้นกันอย่างมาก ดังนั้นจึงได้ตั้งชื่อกระบี่นี้ว่ากระบี่สยบเซียน สาบานว่าจะฆ่าเทพเซียนในปฐพีให้หมด”
“ที่ว่ากระบี่เทพเซียนสามารถฆ่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมในปฐพีได้นั้น ผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงที่สุด ก็คือดาบเดียวตัดขาด พลังอย่างอื่นนั้น ไม่พูดก็พอจะรู้”
“แต่แม้ว่ากระบี่นี้จะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่จอมมารยุคก่อนสุดท้ายก็ต้องตายด้วยน้ำมือของเทพเจ้าที่รวมตัวกันโจมตี ตอนนั้นมีข่าวลือว่าจอมมารตายแล้ว แต่กระบี่สยบเซียนยังคงอยู่บนโลกนี้ ตอนนั้นมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนค้นหากระบี่นี้จนแทบบ้า แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ”
“ดังนั้นกระบี่นี้จึงเป็นวัตถุในตำนาน คิดไม่ถึงว่าฉันจะเห็นกระบี่นี้ในเมืองของแก เด็กน้อย พลังของกระบี่นี้แข็งแกร่งกว่าที่แกคิดไว้เยอะ กระบี่นี้อยู่ในมือแก มันทำลายสิ่งของได้ตามอำเภอใจเลยนะ”
รพีพงษ์ดูแคลนแล้วกล่าว “ทำไม? ดังนั้นความหมายแกคือให้ฉันเอากระบี่ให้แกงั้น?”
สำหรับตำนานที่ชัยโรจน์พูดไว้เกี่ยวกับกระบี่สยบเซียน รพีพงษ์ยังรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง
จอมมาร เซียน เทพเจ้า ถูกฆ่า เรื่องราวพวกนี้สำหรับรพีพงษ์แล้วเมื่อได้ยินรู้สึกไม่คุ้นหู และเมื่อฟังก็เหมือนกับเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา ถ้าบนโลกนี้สิ่งที่ชัยโรจน์กล่าวมาทั้งหมดมีอยู่จริง งั้นโลกนี้ก็ต้องพังลงเพราะสงครามไปหลายครั้งแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นชัยโรจน์บอกว่าเรื่องพวกนี้เป็นข่าวลือ ความน่าเชื่อถือมีไม่มากนัก
แต่จากที่เข้าใจโลกนี้เพิ่มมากขึ้น บางครั้งแม้รพีพงษ์จะไม่ยอมเชื่อก็ตาม ตัวอย่างเช่นจิตวิญญาณเทพแปลกประหลาดที่อยู่มาห้าร้อยปีตรงหน้านี้
ชัยโรจน์ยิ้มให้กับรพีพงษ์ แล้วกล่าว “ฉันไม่หวังให้แกเอาของสิ่งนี้ให้ฉัน แต่แกมีกระบี่สยบเซียนนี่ สำหรับแกฉันก็ไม่มีอำนาจใดๆ สู้พวกเราแลกเปลี่ยนกันดีกว่า แกปล่อยฉันไป แล้วหาร่างให้ฉันเข้าสิง เพียงแค่ฉันสามารถตื่นขึ้นมาได้ ฉันจะมอบความสามารถทุกสิ่งทุกอย่างให้แก ถึงเวลานั้นก็จะเป็นเจ้ายุทธภพ แข็งแกร่งที่สุด ว่าไง?”
รพีพงษ์ครุ่นคิด จากนั้นก็ดูแคลน แล้วกล่าว “แกคิดว่าฉันจะเชื่อไอ้ตัวประหลาดที่แม้แต่คนรุ่นหลังของแกเองก็ยังไม่ปล่อยอย่างแกมั้ย? ฉันไม่เสียดายความสามารถพวกนั้นของแกหรอกนะ แกเหลือเอาไว้ฝึกชาติหน้าล่ะกัน!”
พูดจบ รพีพงษ์ก็ยกกระบี่สยบเซียนที่อยู่ในมือขึ้นมา ฟันไปที่ชัยโรจน์
พลังกระบี่ที่ไร้เทียมทานปรากฏออกมา พุ่งไปที่ชัยโรจน์
ชัยโรจน์หน้าตาเกรี้ยวกราด คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะตัดกันขนาดนี้ ไม่ทันใดก็ลงมือกับตัวเองแล้ว เขาคิดจะหลอกล่อรพีพงษ์ ให้รพีพงษ์ล่ะทิ้งการควบคุมร่างของตัวเอง ตอนนี้ดูๆไป ไร้ซึ่งความหวังใดๆแล้ว
“แกสมควรตายจริงๆ แกไม่อยากเรียนวิชาฝึกจิตวิญญาณ? แกรีบฆ่าฉันขนาดนี้ มีประโยชน์อะไร!” ชัยโรจน์ตะคอกใส่รพีพงษ์
“เหอะเหอะ ฉันไม่คิดว่าแกจะใจดีสอนวิชาจิตวิญญาณให้ฉัน ฉันว่าแกกำลังคิดที่จะสิงร่างฉันต่างหากล่ะ คนจิตวิปริตอย่างแก อยู่ในโลกก็มีแต่สร้างหายนะ ดังนั้นแกไปอยู่ที่กับพญายมอย่างสงบสุขจะดีกว่านะ!”
รพีพงษ์ไม่ลังเล พูดจบ กระบี่อันรุ่งโรจน์เล่มนั้นได้ไปอยู่ตรงหน้าของชัยโรจน์ จากนั้นก็แทงเข้าไปที่จิตวิญญาณเทพของชัยโรจน์
ชัยโรจน์คิดจะต่อต้าน เสียดายกระบี่สยบเซียน เหมือนกับกระดาษสีขาว ไม่นาน จิตวิญญาณเทพของเขาก็ถูกตัดออกสองท่อน จากนั้นก็กลายเป็นพลังจิตวิญญาณเทพที่โปร่งใสสองท่อน ล่องลอยอยู่ในโลกจิตวิญญาณของรพีพงษ์
ที่รพีพงษ์ไม่สนใจในข้อเรียกร้องที่ชัยโรจน์กล่าวมานั้น เพราะว่าเพียงแค่รพีพงษ์อยู่ในโลกจิตวิญญาณของตัวเอง ใช้กระบี่สยบเซียน จึงจะต่อกรกับชัยโรจน์ได้
ถ้าชัยโรจน์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ไม่มีใครรู้ว่าเขามีความสามารถอย่างไรบ้าง และถ้าชัยโรจน์ที่รู้ว่ารพีพงษ์มีกระบี่สยบเซียนฟื้นคืนชีพขึ้นมา คนแรกที่จะฆ่า เกรงว่าจะเป็นรพีพงษ์ เพราะชัยโรจน์มองว่ากระบี่สยบเซียนเป็นของวิเศษ รพีพงษ์ไม่คิดว่าชัยโรจน์จะปฏิเสธสิ่งยั่วยวนสิ่งนี้ได้
อีกอย่างที่รพีพงษ์ตอบรับชัยโรจน์ แล้วไปหาร่างให้เขาสิงแทนเขา ในเบื้องลึกของจิตใจ รพีพงษ์ไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้
ดังนั้นเหมือนเอามารวมกันแล้ว เขามีเพียงจัดการชัยโรจน์ จึงจะหลบหลีกจากปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าได้
หลังจากที่จัดการชัยโรจน์แล้ว รพีพงษ์ก็โล่งอก กระบี่สยบเซียนใช้พลังไปไม่น้อย เปลี่ยนเป็นสีอ่อนลงมาก
แต่ต่อมา กระบี่สยบเซียนก็ลอยออกจากมือของรพีพงษ์ ไปยังพลังจิตวิญญาณสองกลุ่มที่ชัยโรจน์ได้ทำขึ้นไว้ เจ้าเข้าไปหนึ่งในนั้น เริ่มสูดพลังจิตวิญญาณของชัยโรจน์ไป ไม่นาน มันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม
และพลังจิตวิญญาณเทพของชัยโรจน์นั้นหอมกรุ่น หลังจากที่กระบี่สยบเซียนฟื้นฟูแล้ว ก็ยังไม่หยุด ได้เริ่มใช้กลุ่มพลังจิตวิญญาณเทพนี้ฟื้นฟูจุดอ่อนของตัวเอง
รพีพงษ์กำลังดูเหตุการณ์ที่ประหลาดนี้อยู่ กำลังคิดว่าจิตวิญญาณเทพของชัยโรจน์อยู่มาได้ห้าร้อยปีไม่สลาย พลังจิตวิญญาณเทพจะต้องแข็งแกร่งอย่างแน่นอน ตรงนั้นยังเหลืออีกกลุ่มของพลังจิตวิญญาณเทพ ถ้าตัวเองดูเข้าไปแล้ว ไม่ใช่ว่าจะทำให้จิตวิญญาณเทพของตัวเองแกร่งขึ้นอีกขั้นหรอกหรอ?
คิดดังนี้ รพีพงษ์ก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปที่กลุ่มพลังจิตวิญญาณเทพนั้น