พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่935 กระบี่สยบเซียนในตำนาน

บทที่935 กระบี่สยบเซียนในตำนาน

บทที่935 กระบี่สยบเซียนในตำนาน

ชัยโรจน์เห็นปฏิกิริยาโต้ตอบและน้ำเสียงของรพีพงษ์ ก็รู้แล้วว่าการคาดเดาของเขาไม่มีผิด กระบี่ทองที่อยู่ในมือของรพีพงษ์ เป็นกระบี่สยบเซียนในตำนานนั้นจริงๆ

ยังไงเขาก็ไม่คาดคิด กระบี่เล่มนี้มีพลังอันน่าเกรงขามอย่างมาก เป็นอาวุธในตำนาน คิดไม่ถึงว่าจะปรากฏอยู่ในโลกจิตวิญญาณของรพีพงษ์ได้

ก็ไม่แปลกที่การจู่โจมของจิตวิญญาณเทพของเขาไร้ประโยชน์ เพราะกระบี่นี้ได้ยินมาว่าสามารถตัดขาดทุกสิ่งทุกอย่างได้ ไม่ต้องพูดถึงพลังจิตวิญญาณเทพ ถ้าผู้ที่มีกระบี่นี้ไว้ในครอบครองแข็งแกร่งพอ แม้จะเป็นเทพ เวลา ก็ต้องถูกตัดออกเป็นสองซีกด้วยกันทั้งนั้น

“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฉันจะได้เห็นกระบี่ในตำนานที่นี่ เป็นอาวุธที่วิเศษแบบนี้นี่เอง อยู่ในมือของแก ชั่งเสียดายจริงๆ” ชัยโรจน์อุทานออกมาก

เขาถูกการจู่โจมเมื่อกี้ของรพีพงษ์ทำให้เจ็บหนัก จิตร่างเทพไม่มั่นคงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์ถือกระบี่สยบเซียน สำหรับเขาแล้ว ไร้ซึ่งศัตรูใดๆเลยล่ะ ดังนั้นวันนี้เขารู้ดีถึงจุดจบของตัวเองว่าเป็นอย่างไรแล้ว

“ไอ้แก่ รีบบอกที่มาของกระบี่นี้ให้ฟังเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น ฉันจะฆ่าแกด้วยดาบเดียว” รพีพงษ์กล่าวต่อชัยโรจน์อย่างเยือกเย็น

ชัยโรจน์ไม่พอใจกับคำพูดของรพีพงษ์ แต่ทว่าแม้เขาจะมีวิธีมากมาย ยังไงวันนี้ก็ไม่มีทางเป๋นคู่ต่อกรของรพีพงษ์ที่ในมือมีกระบี่สยบเซียนได้

เขาถอนหายใจอย่างไร้ซึ่งทางออก แล้วกล่าว “ช่างมัน เล่าให้แกฟังก็ได้ ข่าวลือของกระบี่สยบเซียนเป็นอาวุธของจอมมารที่ฝีมือสะท้านฟ้าท่านหนึ่งในอดีตกาล อาวุธที่จอมมารใช้นั้น ถือเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์”

“จอมมารท่านนี้ไม่ค่อยชอบในการเรียกเขาว่าเป็นเซียนหรือเทพเจ้า และพวกเขายังมีความแค้นกันอย่างมาก ดังนั้นจึงได้ตั้งชื่อกระบี่นี้ว่ากระบี่สยบเซียน สาบานว่าจะฆ่าเทพเซียนในปฐพีให้หมด”

“ที่ว่ากระบี่เทพเซียนสามารถฆ่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมในปฐพีได้นั้น ผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงที่สุด ก็คือดาบเดียวตัดขาด พลังอย่างอื่นนั้น ไม่พูดก็พอจะรู้”

“แต่แม้ว่ากระบี่นี้จะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่จอมมารยุคก่อนสุดท้ายก็ต้องตายด้วยน้ำมือของเทพเจ้าที่รวมตัวกันโจมตี ตอนนั้นมีข่าวลือว่าจอมมารตายแล้ว แต่กระบี่สยบเซียนยังคงอยู่บนโลกนี้ ตอนนั้นมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนค้นหากระบี่นี้จนแทบบ้า แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ”

“ดังนั้นกระบี่นี้จึงเป็นวัตถุในตำนาน คิดไม่ถึงว่าฉันจะเห็นกระบี่นี้ในเมืองของแก เด็กน้อย พลังของกระบี่นี้แข็งแกร่งกว่าที่แกคิดไว้เยอะ กระบี่นี้อยู่ในมือแก มันทำลายสิ่งของได้ตามอำเภอใจเลยนะ”

รพีพงษ์ดูแคลนแล้วกล่าว “ทำไม? ดังนั้นความหมายแกคือให้ฉันเอากระบี่ให้แกงั้น?”

สำหรับตำนานที่ชัยโรจน์พูดไว้เกี่ยวกับกระบี่สยบเซียน รพีพงษ์ยังรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง

จอมมาร เซียน เทพเจ้า ถูกฆ่า เรื่องราวพวกนี้สำหรับรพีพงษ์แล้วเมื่อได้ยินรู้สึกไม่คุ้นหู และเมื่อฟังก็เหมือนกับเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา ถ้าบนโลกนี้สิ่งที่ชัยโรจน์กล่าวมาทั้งหมดมีอยู่จริง งั้นโลกนี้ก็ต้องพังลงเพราะสงครามไปหลายครั้งแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นชัยโรจน์บอกว่าเรื่องพวกนี้เป็นข่าวลือ ความน่าเชื่อถือมีไม่มากนัก

แต่จากที่เข้าใจโลกนี้เพิ่มมากขึ้น บางครั้งแม้รพีพงษ์จะไม่ยอมเชื่อก็ตาม ตัวอย่างเช่นจิตวิญญาณเทพแปลกประหลาดที่อยู่มาห้าร้อยปีตรงหน้านี้

ชัยโรจน์ยิ้มให้กับรพีพงษ์ แล้วกล่าว “ฉันไม่หวังให้แกเอาของสิ่งนี้ให้ฉัน แต่แกมีกระบี่สยบเซียนนี่ สำหรับแกฉันก็ไม่มีอำนาจใดๆ สู้พวกเราแลกเปลี่ยนกันดีกว่า แกปล่อยฉันไป แล้วหาร่างให้ฉันเข้าสิง เพียงแค่ฉันสามารถตื่นขึ้นมาได้ ฉันจะมอบความสามารถทุกสิ่งทุกอย่างให้แก ถึงเวลานั้นก็จะเป็นเจ้ายุทธภพ แข็งแกร่งที่สุด ว่าไง?”

รพีพงษ์ครุ่นคิด จากนั้นก็ดูแคลน แล้วกล่าว “แกคิดว่าฉันจะเชื่อไอ้ตัวประหลาดที่แม้แต่คนรุ่นหลังของแกเองก็ยังไม่ปล่อยอย่างแกมั้ย? ฉันไม่เสียดายความสามารถพวกนั้นของแกหรอกนะ แกเหลือเอาไว้ฝึกชาติหน้าล่ะกัน!”

พูดจบ รพีพงษ์ก็ยกกระบี่สยบเซียนที่อยู่ในมือขึ้นมา ฟันไปที่ชัยโรจน์

พลังกระบี่ที่ไร้เทียมทานปรากฏออกมา พุ่งไปที่ชัยโรจน์

ชัยโรจน์หน้าตาเกรี้ยวกราด คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะตัดกันขนาดนี้ ไม่ทันใดก็ลงมือกับตัวเองแล้ว เขาคิดจะหลอกล่อรพีพงษ์ ให้รพีพงษ์ล่ะทิ้งการควบคุมร่างของตัวเอง ตอนนี้ดูๆไป ไร้ซึ่งความหวังใดๆแล้ว

“แกสมควรตายจริงๆ แกไม่อยากเรียนวิชาฝึกจิตวิญญาณ? แกรีบฆ่าฉันขนาดนี้ มีประโยชน์อะไร!” ชัยโรจน์ตะคอกใส่รพีพงษ์

“เหอะเหอะ ฉันไม่คิดว่าแกจะใจดีสอนวิชาจิตวิญญาณให้ฉัน ฉันว่าแกกำลังคิดที่จะสิงร่างฉันต่างหากล่ะ คนจิตวิปริตอย่างแก อยู่ในโลกก็มีแต่สร้างหายนะ ดังนั้นแกไปอยู่ที่กับพญายมอย่างสงบสุขจะดีกว่านะ!”

รพีพงษ์ไม่ลังเล พูดจบ กระบี่อันรุ่งโรจน์เล่มนั้นได้ไปอยู่ตรงหน้าของชัยโรจน์ จากนั้นก็แทงเข้าไปที่จิตวิญญาณเทพของชัยโรจน์

ชัยโรจน์คิดจะต่อต้าน เสียดายกระบี่สยบเซียน เหมือนกับกระดาษสีขาว ไม่นาน จิตวิญญาณเทพของเขาก็ถูกตัดออกสองท่อน จากนั้นก็กลายเป็นพลังจิตวิญญาณเทพที่โปร่งใสสองท่อน ล่องลอยอยู่ในโลกจิตวิญญาณของรพีพงษ์

ที่รพีพงษ์ไม่สนใจในข้อเรียกร้องที่ชัยโรจน์กล่าวมานั้น เพราะว่าเพียงแค่รพีพงษ์อยู่ในโลกจิตวิญญาณของตัวเอง ใช้กระบี่สยบเซียน จึงจะต่อกรกับชัยโรจน์ได้

ถ้าชัยโรจน์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ไม่มีใครรู้ว่าเขามีความสามารถอย่างไรบ้าง และถ้าชัยโรจน์ที่รู้ว่ารพีพงษ์มีกระบี่สยบเซียนฟื้นคืนชีพขึ้นมา คนแรกที่จะฆ่า เกรงว่าจะเป็นรพีพงษ์ เพราะชัยโรจน์มองว่ากระบี่สยบเซียนเป็นของวิเศษ รพีพงษ์ไม่คิดว่าชัยโรจน์จะปฏิเสธสิ่งยั่วยวนสิ่งนี้ได้

อีกอย่างที่รพีพงษ์ตอบรับชัยโรจน์ แล้วไปหาร่างให้เขาสิงแทนเขา ในเบื้องลึกของจิตใจ รพีพงษ์ไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้

ดังนั้นเหมือนเอามารวมกันแล้ว เขามีเพียงจัดการชัยโรจน์ จึงจะหลบหลีกจากปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าได้

หลังจากที่จัดการชัยโรจน์แล้ว รพีพงษ์ก็โล่งอก กระบี่สยบเซียนใช้พลังไปไม่น้อย เปลี่ยนเป็นสีอ่อนลงมาก

แต่ต่อมา กระบี่สยบเซียนก็ลอยออกจากมือของรพีพงษ์ ไปยังพลังจิตวิญญาณสองกลุ่มที่ชัยโรจน์ได้ทำขึ้นไว้ เจ้าเข้าไปหนึ่งในนั้น เริ่มสูดพลังจิตวิญญาณของชัยโรจน์ไป ไม่นาน มันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม

และพลังจิตวิญญาณเทพของชัยโรจน์นั้นหอมกรุ่น หลังจากที่กระบี่สยบเซียนฟื้นฟูแล้ว ก็ยังไม่หยุด ได้เริ่มใช้กลุ่มพลังจิตวิญญาณเทพนี้ฟื้นฟูจุดอ่อนของตัวเอง

รพีพงษ์กำลังดูเหตุการณ์ที่ประหลาดนี้อยู่ กำลังคิดว่าจิตวิญญาณเทพของชัยโรจน์อยู่มาได้ห้าร้อยปีไม่สลาย พลังจิตวิญญาณเทพจะต้องแข็งแกร่งอย่างแน่นอน ตรงนั้นยังเหลืออีกกลุ่มของพลังจิตวิญญาณเทพ ถ้าตัวเองดูเข้าไปแล้ว ไม่ใช่ว่าจะทำให้จิตวิญญาณเทพของตัวเองแกร่งขึ้นอีกขั้นหรอกหรอ?

คิดดังนี้ รพีพงษ์ก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปที่กลุ่มพลังจิตวิญญาณเทพนั้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท