พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่939 เขาไปแล้ว

บทที่939 เขาไปแล้ว

บทที่939 เขาไปแล้ว

รพีพงษ์หยุดอยู่ด้านหน้าของสองพี่น้อง จ้องไปที่พวกเธอทั้งสองสักแป๊ป พบว่าพวกเธอทั้งสองเหมือนจะไม่เห็นเขา

ได้ยินสองคนนี้ยังคงพูดคุยกันเรื่องที่ผ่านไปของรพีพงษ์แล้วนั้น รพีพงษ์ทำได้เพียงหัวเราะ จากนั้นก็เดินลงด้านล่างไป

เมธีราที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ห้องรับแขกด้านล่าง ในหัวกำลังคิดเรื่องบางอย่าง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เห็นรพีพงษ์เดินลงมา ก็รีบยืนขึ้น

“รพีพงษ์น้องชาย หนังสือโบราณพวกนั้น คุณอ่านจบแล้ว?” เมธีราถาม

รพีพงษ์เห็นเมธีรามองเห็นตัวเอง ก็หัวเราะอย่างเซ็ง

เมื่อกี้ที่เขาปล่อยออกมานั้น เป็นพลังตบตาที่ใช้พลังจิตวิญญาณเทพปล่อยออกมา สามารถทำให้จิตใต้สำนึก มองข้ามบางเรื่องไป

เมื่อกี้เพราะนลินีสองพี่น้องมองข้ามรพีพงษ์ไป ดังนั้นจึงไม่เห็นว่ารพีพงษ์เดินผ่านพวกเธอทั้งสองไป

แต่วิธีแบบนี้ใช้ได้กับจิตวิญญาณของคนธรรมดาที่อ่อนแอเท่านั้น สำหรับผู้ที่ฝึกฝนจิตวิญญาณเทพ โดยปกติจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ นอกเสียจากจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ไปถึงระดับหนึ่ง

แม้นลินสองพี่น้องจะเคยฝึกฝนวิชาจิตวิญญาณเทพ แต่เพราะบาดเจ็บหนัก และความสนใจก็ไปอยู่ที่การพูดคุยเรื่องของรพีพงษ์ ดังนั้นก็โดนวิชาเข้าได้ง่าย

เมธีราเป็นผู้เฒ่าที่อายุมากกว่าสองพี่น้องคู่นี้ ไม่ได้โดนอะไรง่ายๆ

ที่รพีพงษ์ใช้ความสามารถนี้กับหญิงสาวทั้งสอง แน่นอนว่าเพราะไม่อยากสร้างปัญหาอะไรอีกแล้ว หรือได้ยินทั้งสองว่าจะนอนกับตัวเอง ตอนนี้แค่คิดเขาก็ปวดหัวแล้ว ดังนั้นสู้ไม่คบค้าสมาคมกับพวกเธอเลยดีกว่า

“ผมอ่านหนังสือโบราณจบ ท้องฟ้าก็มืดมิดแล้ว ผมเลยไม่อยากรบกวนอะไร” รพีพงษ์ตอบเมธีรา

เมธีรารีบกล่าว “ไม่รบกวน น้องชายรพีพงษ์มีบุญคุณกับตระกูลตรีศาสตร์ของเรา พวกเราจะรู้สึกว่าคุณรบกวนได้อย่างไรกัน ต่อให้คุณพักที่นี่ก็ไม่เป็นไรเลย”

รพีพงษ์ยักไหล่ แสดงท่าทีว่าตัวเองไม่อยากพักที่นี่

เขาเดินออกไปด้านนอก แล้วกล่าว “ผมไปก่อนล่ะกัน ถ้าอนาคตต้องการอะไร ผมจะมาอีกครั้ง”

เมธีราไม่เชื่องช้า รีบกล่าว “คุณสบายใจได้ หนังสือโบราณของตระกูลตรีศาสตร์ รอน้องชายมาอ่านเสมอ ไม่ว่าคุณจะมาเมื่อไหร่ ก็อ่านหนังสือโบราณของเราตระกูลตรีศาสตร์ได้เสมอ”

รพีพงษ์พยักหน้า ไม่พูดอะไร แล้วออกจากตระกูลตรีศาสตร์ไป

ขณะนี้รถแลนด์โรเวอร์ของธิติสรณ์คันนั้นได้จอดอยู่หน้าคฤหาสน์แล้ว แม้รถคันนี้จะชนกับรถซานทาน่าแล้ว แต่เพราะใช้วัสดุดี บนรถจึงมีแค่รอยขีดข่วนเท่านั้น ปัญหาเล็กๆ

กุญแจวางไว้ตรงนี้ รพีพงษ์ไม่เกรงใจ เปิดประตูแล้วเข้าไป

หลังจากเห็นรพีพงษ์ขับรถออกไปแล้ว เมธีราก็โล่งอก จากนั้นบนหน้าก็แสดงสีหน้าแปลกใจ แล้วพูดกับตัวเองว่า “เด็กหญิงสองคนนั้นรออยู่ที่ห้องสมุดไม่ใช่หรอ ทำไมรพีพงษ์ไปแล้วพวกเธอยังไม่ลงตามมา?”

คิดแบบนี้ เมธีราก็กลับไปยังคฤหาสน์ เดินขึ้นไปชั้นสองเห็นนลินีและธีรนุชยังคงพูดคุยอย่างเฮฮาอยู่

“พวกแกทั้งสองคุยอะไรกันอยู่ตรงนี้? ทำไมรพีพงษ์ไปแล้วพวกแกไม่ไปส่ง?” เมธีรากล่าว

ผู้หญิงทั้งสองเห็นเมธีรามา ก็รีบปิดปาก จากนั้นได้ยินคำพูดของเมธีราแล้ว ก็ตกใจ นลินีกล่าว “เขายังไม่ไป พวกเรายืนตรงนี้ตลอด ยังไม่เห็นเขาออกมาเลย”

“ใช่ คุณปู่ คุณปู่มึนหรือเปล่า รพีพงษ์ยังไม่ออกมาเลยนะ” ธีรนุชก็พูดตาม

เมธีรามองไปที่ผู้หญิงทั้งสองอย่างไม่พอใจ แล้วกล่าว “ฉันมึนอะไร ฉันเห็นพวกแกพูดคุยอย่างเมามันอยู่ตรงนี้ แม้แต่รพีพงษ์ออกไปยังไม่เห็น ถ้าพวกแกไม่เชื่อ ก็เข้าไปดูในห้องสมุดเลย”

หญิงสาวทั้งสองคนรีบวิ่งเข้าไปในห้องสมุด ผลักประตูห้องสมุดออก เห็นหน้าในว่างเปล่า ทั้งสองก็ประหลาดใจ

“เป็น……เป็นไปได้ไง พวกเรายืนรออยู่ที่ทางเดินตลอดนะ ถ้าเขาไป พวกเราต้องเห็นสิ” นลินีพูดกับตัวเอง

“ใช่ ต่อให้เราก็เม้าท์กันจนมันส์ แต่ก็ไม่มีทางมองไม่เห็นคนเดินผ่านเราไปได้นะ หรือเขากระโดดออกทางหน้าต่าง?” ธีรนุชกล่าวอย่างสงสัย

“ฉันเห็นเขาเดินลงบันไดมากับตา แล้วจะกระโดดลงทางหน้าต่างได้ไง” เมธีรากล่าว

ทั้งสามคนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไร ผ่านไปสักพัก เมธีราก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วกล่าว “ดูๆไปรพีพงษ์ไมม่อยากเจอพวกแกสองคนนะ เขาจะต้องใช้วิชาอะไรบางอย่างแน่นอน ให้พวกแกมองไม่เห็น แบบนี้เขาก็ไม่มีปัญหาแล้ว”

หลังจากที่นลินีและธีรนุชได้ยินแล้วนั้น ก็นิ่งลง บนใบหน้า ผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก

……

คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ รพีพงษ์ขับรถมาถึงที่จอดรถใต้ดิน ผู้ดูแลที่จอดรถรีบมาเปิดประตูให้รพีพงษ์ หลังจากที่เห็นรพีพงษ์รถที่รพีพงษ์ขับกลับมาไม่ใช่ซานตาน่า ก็สงสัยขึ้นมา

แต่เขาก็ไม่กล้าถามอะไรมาก เผชิญหน้ากับบุคคลระดับนี้อย่างรพีพงษ์ ต่อให้รพีพงษ์จะรังเกียจซานตาน่าที่คร่ำครึของเขา แล้วทิ้งมันไป เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร

รพีพงษ์ได้จอดรถแลนด์โรเวอร์ไว้ที่จอดของซานตาน่าเคยจอดเมื่อก่อนนั้น หลังจากที่ลงมาจากรถแล้ว ก็เดินไปที่ผู้ดูแล

ผู้ดูแลเห็นรพีพงษ์เดินมา ก็กระวนกระวาย เดาว่ารพีพงษ์จะต้องมาว่าเขาเรื่องรถคันนั้นของเขาแน่นอน

รพีพงษ์เปลี่ยนรถ อาจเป็นไปได้มากว่ารถซานตาน่าคันนั้นเกิดอุบัติเหตุ ถ้าเพราะเหตุผลนี้กระทบการทำธุระของรพีพงษ์ งั้นเขาก็ต้องรับผิดชอบ บางทีรพีพงษ์อาจจะไล่เขาออกด้วยเหตุผลนี้ จะให้ไม่เครียดก็เป็นไปไม่ได้

“นายใหญ่” ผู้ดูแลทักทายรพีพงษ์อย่างมีมารยาท

รพีพงษ์เอากุญแจแลนด์โรเวอร์ให้ยื่นเขาไป

ผู้ดูแลคิดว่ารพีพงษ์ให้เขาเก็บกุญแจไว้ รับมาแล้วก็วางไว้ในห้องทำงานล่วงเวลาของตัวเอง

“ไม่ต้องวาง ต่อไปรถคันนี้เป็นของแกแล้ว” รพีพงษ์กล่าว

ผู้ดูแลชะงัก มองไปหารพีพงษ์ด้วยความงง

รพีพงษ์ยิ้ม จากนั้นก็อธิบายให้ผู้ดูแลฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างรู้สึกผิด แสดงท่าทีว่าเขาเสียใจกับการที่รถซานตาน่าถูกชน หวังว่าผู้ดูแลจะให้อภัยเขา รถแลนด์โรเวอร์นี้คนชนชดใช้ให้เขา

ผู้ดูแลงงงวย เขารู้ดีอย่างมากว่ารถซานตาน่าของเขาราคาเท่าไหร่ รถแลนด์โรเวอร์คันนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ล้านกว่า เอาแลนด์โรเวอร์แลกกับซานตาน่า นี่มันฝันไปชัดๆ

และที่รพีพงษ์ขับแลนด์โรเวอร์กลับมา นั่นหมายถึงเค้าให้เกียรติรพีพงษ์

ผู้ดูแลจะเอากุญแจแลนด์โรเวอร์คืนให้รพีพงษ์ เพราะรถคันนี้มันแพงไป เขารับไว้ไม่ได้ แต่รพีพงษ์บอกว่ารถคันนี้ชดใช้ให้เขา

หลังจากที่ผลักกุญแจกลับไปให้ผู้ดูแลแล้ว รพีพงษ์ก็หันหลังแล้วเดินไป

ผู้ดูแลกำลังดูกุญแจที่อยู่ในมือตัวเอง ด้วยความซาบซึ้ง ในใจรู้สึกดีใจที่ตัวเองได้งานดีแบบนี้ หรือพูดได้ว่าเจอเข้ากับเจ้านายที่ดี

เขาสาบานในใจ ต่อให้ตัวเองเป็นแค่คนดูแลที่จอดรถ ก็จะต้องทำงานนี้ให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้รพีพงษ์ผิดหวัง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท