บทที่939 เขาไปแล้ว
รพีพงษ์หยุดอยู่ด้านหน้าของสองพี่น้อง จ้องไปที่พวกเธอทั้งสองสักแป๊ป พบว่าพวกเธอทั้งสองเหมือนจะไม่เห็นเขา
ได้ยินสองคนนี้ยังคงพูดคุยกันเรื่องที่ผ่านไปของรพีพงษ์แล้วนั้น รพีพงษ์ทำได้เพียงหัวเราะ จากนั้นก็เดินลงด้านล่างไป
เมธีราที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ห้องรับแขกด้านล่าง ในหัวกำลังคิดเรื่องบางอย่าง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เห็นรพีพงษ์เดินลงมา ก็รีบยืนขึ้น
“รพีพงษ์น้องชาย หนังสือโบราณพวกนั้น คุณอ่านจบแล้ว?” เมธีราถาม
รพีพงษ์เห็นเมธีรามองเห็นตัวเอง ก็หัวเราะอย่างเซ็ง
เมื่อกี้ที่เขาปล่อยออกมานั้น เป็นพลังตบตาที่ใช้พลังจิตวิญญาณเทพปล่อยออกมา สามารถทำให้จิตใต้สำนึก มองข้ามบางเรื่องไป
เมื่อกี้เพราะนลินีสองพี่น้องมองข้ามรพีพงษ์ไป ดังนั้นจึงไม่เห็นว่ารพีพงษ์เดินผ่านพวกเธอทั้งสองไป
แต่วิธีแบบนี้ใช้ได้กับจิตวิญญาณของคนธรรมดาที่อ่อนแอเท่านั้น สำหรับผู้ที่ฝึกฝนจิตวิญญาณเทพ โดยปกติจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ นอกเสียจากจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ไปถึงระดับหนึ่ง
แม้นลินสองพี่น้องจะเคยฝึกฝนวิชาจิตวิญญาณเทพ แต่เพราะบาดเจ็บหนัก และความสนใจก็ไปอยู่ที่การพูดคุยเรื่องของรพีพงษ์ ดังนั้นก็โดนวิชาเข้าได้ง่าย
เมธีราเป็นผู้เฒ่าที่อายุมากกว่าสองพี่น้องคู่นี้ ไม่ได้โดนอะไรง่ายๆ
ที่รพีพงษ์ใช้ความสามารถนี้กับหญิงสาวทั้งสอง แน่นอนว่าเพราะไม่อยากสร้างปัญหาอะไรอีกแล้ว หรือได้ยินทั้งสองว่าจะนอนกับตัวเอง ตอนนี้แค่คิดเขาก็ปวดหัวแล้ว ดังนั้นสู้ไม่คบค้าสมาคมกับพวกเธอเลยดีกว่า
“ผมอ่านหนังสือโบราณจบ ท้องฟ้าก็มืดมิดแล้ว ผมเลยไม่อยากรบกวนอะไร” รพีพงษ์ตอบเมธีรา
เมธีรารีบกล่าว “ไม่รบกวน น้องชายรพีพงษ์มีบุญคุณกับตระกูลตรีศาสตร์ของเรา พวกเราจะรู้สึกว่าคุณรบกวนได้อย่างไรกัน ต่อให้คุณพักที่นี่ก็ไม่เป็นไรเลย”
รพีพงษ์ยักไหล่ แสดงท่าทีว่าตัวเองไม่อยากพักที่นี่
เขาเดินออกไปด้านนอก แล้วกล่าว “ผมไปก่อนล่ะกัน ถ้าอนาคตต้องการอะไร ผมจะมาอีกครั้ง”
เมธีราไม่เชื่องช้า รีบกล่าว “คุณสบายใจได้ หนังสือโบราณของตระกูลตรีศาสตร์ รอน้องชายมาอ่านเสมอ ไม่ว่าคุณจะมาเมื่อไหร่ ก็อ่านหนังสือโบราณของเราตระกูลตรีศาสตร์ได้เสมอ”
รพีพงษ์พยักหน้า ไม่พูดอะไร แล้วออกจากตระกูลตรีศาสตร์ไป
ขณะนี้รถแลนด์โรเวอร์ของธิติสรณ์คันนั้นได้จอดอยู่หน้าคฤหาสน์แล้ว แม้รถคันนี้จะชนกับรถซานทาน่าแล้ว แต่เพราะใช้วัสดุดี บนรถจึงมีแค่รอยขีดข่วนเท่านั้น ปัญหาเล็กๆ
กุญแจวางไว้ตรงนี้ รพีพงษ์ไม่เกรงใจ เปิดประตูแล้วเข้าไป
หลังจากเห็นรพีพงษ์ขับรถออกไปแล้ว เมธีราก็โล่งอก จากนั้นบนหน้าก็แสดงสีหน้าแปลกใจ แล้วพูดกับตัวเองว่า “เด็กหญิงสองคนนั้นรออยู่ที่ห้องสมุดไม่ใช่หรอ ทำไมรพีพงษ์ไปแล้วพวกเธอยังไม่ลงตามมา?”
คิดแบบนี้ เมธีราก็กลับไปยังคฤหาสน์ เดินขึ้นไปชั้นสองเห็นนลินีและธีรนุชยังคงพูดคุยอย่างเฮฮาอยู่
“พวกแกทั้งสองคุยอะไรกันอยู่ตรงนี้? ทำไมรพีพงษ์ไปแล้วพวกแกไม่ไปส่ง?” เมธีรากล่าว
ผู้หญิงทั้งสองเห็นเมธีรามา ก็รีบปิดปาก จากนั้นได้ยินคำพูดของเมธีราแล้ว ก็ตกใจ นลินีกล่าว “เขายังไม่ไป พวกเรายืนตรงนี้ตลอด ยังไม่เห็นเขาออกมาเลย”
“ใช่ คุณปู่ คุณปู่มึนหรือเปล่า รพีพงษ์ยังไม่ออกมาเลยนะ” ธีรนุชก็พูดตาม
เมธีรามองไปที่ผู้หญิงทั้งสองอย่างไม่พอใจ แล้วกล่าว “ฉันมึนอะไร ฉันเห็นพวกแกพูดคุยอย่างเมามันอยู่ตรงนี้ แม้แต่รพีพงษ์ออกไปยังไม่เห็น ถ้าพวกแกไม่เชื่อ ก็เข้าไปดูในห้องสมุดเลย”
หญิงสาวทั้งสองคนรีบวิ่งเข้าไปในห้องสมุด ผลักประตูห้องสมุดออก เห็นหน้าในว่างเปล่า ทั้งสองก็ประหลาดใจ
“เป็น……เป็นไปได้ไง พวกเรายืนรออยู่ที่ทางเดินตลอดนะ ถ้าเขาไป พวกเราต้องเห็นสิ” นลินีพูดกับตัวเอง
“ใช่ ต่อให้เราก็เม้าท์กันจนมันส์ แต่ก็ไม่มีทางมองไม่เห็นคนเดินผ่านเราไปได้นะ หรือเขากระโดดออกทางหน้าต่าง?” ธีรนุชกล่าวอย่างสงสัย
“ฉันเห็นเขาเดินลงบันไดมากับตา แล้วจะกระโดดลงทางหน้าต่างได้ไง” เมธีรากล่าว
ทั้งสามคนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไร ผ่านไปสักพัก เมธีราก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วกล่าว “ดูๆไปรพีพงษ์ไมม่อยากเจอพวกแกสองคนนะ เขาจะต้องใช้วิชาอะไรบางอย่างแน่นอน ให้พวกแกมองไม่เห็น แบบนี้เขาก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
หลังจากที่นลินีและธีรนุชได้ยินแล้วนั้น ก็นิ่งลง บนใบหน้า ผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก
……
คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ รพีพงษ์ขับรถมาถึงที่จอดรถใต้ดิน ผู้ดูแลที่จอดรถรีบมาเปิดประตูให้รพีพงษ์ หลังจากที่เห็นรพีพงษ์รถที่รพีพงษ์ขับกลับมาไม่ใช่ซานตาน่า ก็สงสัยขึ้นมา
แต่เขาก็ไม่กล้าถามอะไรมาก เผชิญหน้ากับบุคคลระดับนี้อย่างรพีพงษ์ ต่อให้รพีพงษ์จะรังเกียจซานตาน่าที่คร่ำครึของเขา แล้วทิ้งมันไป เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร
รพีพงษ์ได้จอดรถแลนด์โรเวอร์ไว้ที่จอดของซานตาน่าเคยจอดเมื่อก่อนนั้น หลังจากที่ลงมาจากรถแล้ว ก็เดินไปที่ผู้ดูแล
ผู้ดูแลเห็นรพีพงษ์เดินมา ก็กระวนกระวาย เดาว่ารพีพงษ์จะต้องมาว่าเขาเรื่องรถคันนั้นของเขาแน่นอน
รพีพงษ์เปลี่ยนรถ อาจเป็นไปได้มากว่ารถซานตาน่าคันนั้นเกิดอุบัติเหตุ ถ้าเพราะเหตุผลนี้กระทบการทำธุระของรพีพงษ์ งั้นเขาก็ต้องรับผิดชอบ บางทีรพีพงษ์อาจจะไล่เขาออกด้วยเหตุผลนี้ จะให้ไม่เครียดก็เป็นไปไม่ได้
“นายใหญ่” ผู้ดูแลทักทายรพีพงษ์อย่างมีมารยาท
รพีพงษ์เอากุญแจแลนด์โรเวอร์ให้ยื่นเขาไป
ผู้ดูแลคิดว่ารพีพงษ์ให้เขาเก็บกุญแจไว้ รับมาแล้วก็วางไว้ในห้องทำงานล่วงเวลาของตัวเอง
“ไม่ต้องวาง ต่อไปรถคันนี้เป็นของแกแล้ว” รพีพงษ์กล่าว
ผู้ดูแลชะงัก มองไปหารพีพงษ์ด้วยความงง
รพีพงษ์ยิ้ม จากนั้นก็อธิบายให้ผู้ดูแลฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างรู้สึกผิด แสดงท่าทีว่าเขาเสียใจกับการที่รถซานตาน่าถูกชน หวังว่าผู้ดูแลจะให้อภัยเขา รถแลนด์โรเวอร์นี้คนชนชดใช้ให้เขา
ผู้ดูแลงงงวย เขารู้ดีอย่างมากว่ารถซานตาน่าของเขาราคาเท่าไหร่ รถแลนด์โรเวอร์คันนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ล้านกว่า เอาแลนด์โรเวอร์แลกกับซานตาน่า นี่มันฝันไปชัดๆ
และที่รพีพงษ์ขับแลนด์โรเวอร์กลับมา นั่นหมายถึงเค้าให้เกียรติรพีพงษ์
ผู้ดูแลจะเอากุญแจแลนด์โรเวอร์คืนให้รพีพงษ์ เพราะรถคันนี้มันแพงไป เขารับไว้ไม่ได้ แต่รพีพงษ์บอกว่ารถคันนี้ชดใช้ให้เขา
หลังจากที่ผลักกุญแจกลับไปให้ผู้ดูแลแล้ว รพีพงษ์ก็หันหลังแล้วเดินไป
ผู้ดูแลกำลังดูกุญแจที่อยู่ในมือตัวเอง ด้วยความซาบซึ้ง ในใจรู้สึกดีใจที่ตัวเองได้งานดีแบบนี้ หรือพูดได้ว่าเจอเข้ากับเจ้านายที่ดี
เขาสาบานในใจ ต่อให้ตัวเองเป็นแค่คนดูแลที่จอดรถ ก็จะต้องทำงานนี้ให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้รพีพงษ์ผิดหวัง