พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่944 ฝีมือสะท้านโลกันต์

บทที่944 ฝีมือสะท้านโลกันต์

บทที่944 ฝีมือสะท้านโลกันต์

ทุกคนกำลังดูรพีพงษ์ดึงดาบออกอย่างไม่เข้าใจ พวกเขาคิดไม่ออกจริงๆว่ารพีพงษ์จะใช้ดาบในการเอาธงรบออกมาได้ไงกัน

“เขาคิดจะใช้ดาบตัดธงรบลงมางั้นหรือ? ไม่พูดเรื่องพลังของเขาก่อนนะ ถ้าตัดธงรบล่ะก็ ก็มีแต่จะยั่วโมโหเหล่าทหารของทหารมังกรเท่านั้นแหละ” ชนสรณ์ดูแคลนพลางกล่าว

เขามั่นใจแน่แล้วว่ายังไงรพีพงษ์ก็ไม่มีทางเอาธงรบลงมาได้ภายในเวลาหนึ่งนาที วันนี้เขาต้องเสียหน้าแน่นอนแล้ว

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนี้มันได้ตบหน้าเขาเข้าอย่างจัง บนหน้าดูแคลนของเขาต้องหุบไป กลับเป็นตะลึงขึ้นทันใด

เห็นเพียงแค่ตอนที่รพีพงษ์เอามุรามาสะออกมาเท่านั้น บนดาบก็มีออร่าประกายออกมา เหตุการณ์นี้ มันก็ประหลาดมากพอแล้ว

จากนั้นร่างของรพีพงษ์ก็เริ่มขยับ ลอยขึ้นไปบนหน้าผาอย่างรวดเร็ว ตามก้าวของเขา พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมา

และความเร็วของรพีพงษ์ได้ไปถึงจุดที่คนธรรมดาจินตนาการไม่ออกแล้ว ชนสรณ์ที่ยืนดูอยู่ไกลๆเห็นเพียงแค่ภาพติดต่อเท่านั้น ความรู้สึกนั้น เหมือนกับใช้คอมพิวเตอร์ตัดต่อออกมาอย่างไรอย่างนั้น

ในขณะที่รพีพงษ์พุ่งขึ้นไปที่หน้าผานั้น เขาใช้เท้าเหยียบพื้นอย่างแรง จากนั้นทั้งตัวก็ปรากฏการเคลื่อนไหลของพลังที่ปล่อยออกมา จากนั้นตัวเขาก็เหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ พุ่งขึ้นไปข้างบน

เพียงเว็บเดียว รพีพงษ์ก็พุ่งผ่านสิบกว่าเมตรไป ทำให้ทุกคนตะลึง

หลังจากที่ความเร็วลดลงแล้ว รพีพงษ์ได้ยื่นมุรามาสะในมือของตัวเองเสียบเขาไปในภูเขา แล้วเหยียบบนดาบที่ลงพลังวิเศษเสนไว้

มุรามาสะระเบิดพลังอันมหาศาลออกมาทันใด รพีพงษ์ใช้พลังโจมตีนี้ พุ่งขึ้นต่อไปอีก แค่สองอึดใจ เขาก็ไปถึงจุดที่ธงรบปักอยู่

หลังจากที่ยื่นมือไปหยิบธงรบออกแล้ว รพีพงษ์ไม่หยุด ได้ขึ้นไปด้านบนต่อ จากนั้นก็นั่งบนหน้าผา

เขาเอาธงรบวางไว้ข้างตัว มองลงไปยังผู้คนที่ฐานทัพ รพีพงษ์ในเวลานี้ ราวกับเป็นเทพสงครามองค์หนึ่ง ทุกคนในสายตาเขา เป็นแค่มดเท่านั้น

ทุกคนด้านล่างล้วนรู้สึกได้ถึงความรู้สึกกดดันบนตัวของรพีพงษ์ ความรู้สึกแบบนี้ ไม่ใช่หัวหน้าครูฝึกจะทำได้

“นี่……นี่ยังเป็นคนอยู่มั้ย? เขาทำได้อย่างไรกัน? ปีนเขาร้อยเมตร……แบบนี้เนี่ยนะ?” เฮียดำตะลึง

“พระเจ้า เมื่อกี้ฉันฝันไปหรือเปล่าเนี่ย? ทำไมเหมือนกับดูหนังอยู่อย่างไรอย่างนั้นเลย หัวหน้าครูฝึกคนนี้ของเรา คงไม่เชิญคนตัดต่ออยู่ใกล้ๆหรอกนะ?” เฮียเบิดพูดกับตัวเอง

“น่ากลัวชะมัด ยอดฝีมือวงการบู๊ในตำนาน เกรงว่าจะไม่เก่งกาจเท่าหัวหน้าครูฝึกคนนี้ของเราหรอกนะ?”

……

ชนสรณ์มองเหตุการณ์อย่างเหม่อลอย ถ้าบอกว่าเมื่อก่อนค่อนข้างเหยียดหยามรพีพงษ์ ตอนนี้เขาไม่กล้าจะมีความคิดนี้แม้แต่สักครึ่งเดียว

ความสามารถที่รพีพงษ์แสดงออกมาทั้งหมดนั้น เกรงว่าแม้แต่ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ก็เทียบไม่ได้ เขาไม่คาดคิดจริงๆว่าหัวหน้าครูฝึกคนใหม่ที่ผู้บัญชาการหามาคนนี้ จะมีฝีมือขนาดนี้

“ฉันมองผิดไปจริงๆ คนที่ผู้บัญชาการหามาเองนั้น จะไร้ซึ่งความสามารถได้อย่างไรกัน ฉันยังคิดจะแสดงอำนาจกับเขาอีก แล้วยังคิดว่าตัวเองใช้อุปกรณ์ปีนเขาใช้เวลาสามสิบนาทีเอาธงรบลงมานั้นเก่งกาจมาก สุดท้ายเค้าใช้แค่สองครั้งก็ลอยขึ้นไปเป็นร้อยๆเมตรได้ ฉันนี่มันน่าตลกจริงๆ”

ชนสรณ์ส่ายหัวอย่างไม่มีทางออก ด้วยอารมณ์อึดอัดจนไม่รู้จะทำอย่างไร

ทัตดาที่อยู่ข้างๆก็ประหลาดใจ จ้องรพีพงษ์ที่ยืนอยู่บนหน้าผาอย่างไม่กล้าเชื่อ เหม่อลอยอยู่สักพักใหญ่

เมื่อก่อนเป็นเพราะชนสรณ์ เธอจึงรู้สึกว่ารพีพงษ์เป็นคนที่โชคดี ที่ผู้บัญชาการเลือก เรียกให้มาเป็นหัวหน้าครูฝึก สิ่งสำคัญที่สุด ความจริงก็คือมาฝึกฝนจิตใจของเหล่าทหารมังกร

ตอนนี้เห็นฝีมือทุกอย่างที่รพีพงษ์ปล่อยออกมา เธอเพิ่งจะรู้ ว่าชนสรณ์นั้นคิดผิดเสียแล้ว ที่รพีพงษ์ถูกผู้บัญชาการเลือกนั้น ไม่ใช่เพราะโชคหรืออะไรนั่น และที่ให้รพีพงษ์มาเป็นหัวหน้าครูฝึก ไม่ใช่แค่มาฝึกสภาพจิตใจของทหารมังกรแค่นี้อย่างแน่นอน

“คนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเก่งขนาดนี้ ดู……ดูไม่ออกจริงๆ” ทัตดาอุทาน ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดนี้ทำให้เธอยิ่งมองว่ารพีพงษ์รุนแรงเข้าไปอีก ถ้ารพีพงษ์แสดงฝีมือแบบนี้ออกมาแต่แรก เธอก็คงจะไม่มีอาการแบบตอนนี้

“ชิ เห็นแก่ความแข็งแกร่งของคุณ ฉันจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องที่คุณทำโทษฉันโดยการวิดพื้นอีก” ดวงตาของทัตดาแสดงออกถึงความขี้เล่นความแค้นที่มีต่อรพีพงษ์ได้สลายไป

“หัวหน้าครูฝึกเก่งจริงๆ แต่เขาขึ้นไปแบบนี้ แล้วจะลงมายังไง? ลงโดยทางลาดชันนั้นขั้นต่ำก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยนะ” ในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงกับฝีมือของรพีพงษ์อยู่นั้น ทหารมังกรคนหนึ่งก็กล่าวขึ้นมา

ทุกคนก็อยากรู้ขึ้นมาแล้วว่ารพีพงษ์จะลงมาอย่างไร เพราะตอนที่เขาขึ้นไปมันชั่งทำให้คนตะลึงเหลือเกิน ถ้าตอนลงมาลงทางลาดชันนั้น ก็จะฮาแน่

“ไม่ว่าจะลงมาอย่างไร ฝีมือของหัวหน้าครูฝึกคนนี้ก็ทำให้พวกเรานับถือ ฝีมือในการขึ้นหน้าผานี้ของเขา ชาตินี้ฉันไม่เห็นเป็นครั้งที่สอง”

“ใช่ ฝีมือเมื่อกี้ก็น่าตกใจแล้ว แต่แม้จะพูดแบบนี้ แต่ก็อยากดูว่าตอนเข้าลงมาจะทำให้คนตะลึงได้อีกมั้ย”

“พวกแกดูเร็ว เหมือนกับหัวหน้าครูฝึกยืนบนหน้าผาแล้ว หรือเข้าจะกระโดดลงมา?”

“เชรด อย่าตลก นี่มันหน้าผาสูงร้อยเมตรนะเว้ย แม้เขาจะเก่ง ถ้ากระโดดลงมา ก็กระดูกหักหมดอะ ด้านล่างนี้ไม่มีโคลนนะ”

……

ชนสรณ์และทัตดาทั้งสองมองรพีพงษ์อย่างเป็นห่วง แม้รพีพงษ์ฝีมือที่รพีพงษ์ใช้เมื่อกี้จะเหนือความคาดหมายของพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่คิดว่าร้อยเมตรลงมา จะสามารถยืนขึ้นมา

ทัตดากำหมัดของตัวเองอย่างแน่น ขมวดคิ้วมองรพีพงษ์ที่อยู่บนหน้าผา แล้วพึมพำ “ทุกคนรู้ว่าคุณเก่งกาจแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องทำมันอีกต่อไป กระโดดจากที่สูงขนาดนั้น ต่อให้กระดูกเหล็กก็แตกได้นะ”

ชนสรณ์เดินไปข้างหน้า จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังไปที่รพีพงษ์ “หัวหน้าครูฝึก คุณรออยู่ข้างบนก่อนนะ ผมจะให้ฮอร์ไปรับคุณลงมาเดี๋ยวนี้! ใจเย็นๆ หน้าผาสูงขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องตลกที่จะกระโดดลงมา!”

แม้รพีพงษ์จะได้ยินที่ชนสรณ์ตะโกนมา แต่ก็ไม่สนใจ แต่กลับรู้สึกตื่นเต้น

กระโดดลงจากที่สูงขนาดนี้ เขาไม่เคยลองทำมาก่อน ไม่รู้ว่าจะมีความรู้สึกยังไง

ไม่คิดมาก รพีพงษ์ก้าวไปข้างหน้า ลอยไปยังพื้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท