บทที่948 วิชาหายใจออกฉบับเร่งรัด
ค่ายฝึกทหารมังกร ในห้องประชุม
ขณะนี้รพีพงษ์และระดับสูงของทหารมังกรกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะประชุม กำลังถกเถียงกัน
ชนสรณ์และทัตดาทั้งสองกำลังนั่งขนาบข้างรพีพงษ์ ทัตดารับผิดชอบจดบันทึกการประชุมในครั้งนี้ ธีรนัยทหารมังกรนั่งอยู่ตรงข้ามรพีพงษ์ด้วยความตั้งใจ คนอื่นที่นั่งอยู่ด้านหน้าของโต๊ะประชุม เป็นหัวหน้าของแต่ล่ะกองของทหารมังกร
“หัวหน้าครูฝึก สถานการณ์ก็จะประมาณนี้ เดือนหน้าจะเป็นการแข่งขันครั้งใหญ่ของแต่ล่ะกองทัพ ทัพที่เข้ามาแข่งขันกับพวกเรา คือกลุ่มหมาป่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเปร์คิง ความสามารถของกลุ่มหมาป่านี้ด้อยกว่าทหารมังกรเพียงนิดเดียว การประลองฝีมือครั้งที่แล้วพวกเราแข่งกับพวกเขา พวกเราฟลุ๊คชนะพวกเขา”
ขณะนี้ชนสรณ์กำลังพูดกับรพีพงษ์เรื่องการแข่งขันของกองทัพที่จะมาถึง
“เพราะกลุ่มหมาป่าถูกเรากดไว้ ดังนั้นจึงอยากหาโอกาสชนะพวกเราสักครั้ง อยากที่จะแย่งชื่อเสียงของกองทัพอันดับหนึ่งไป การแข่งขันครั้งนี้ พวกเขามีความหวังที่จะชนะเต็มร้อย แล้วยังประกาศศักดาอีกว่าจะต้องเหยียบเราให้มิด”
“ถ้ากลุ่มหมาป่าเป็นกองทัพธรรมดา พวกเราก็ไม่สนแล้ว เพราะไม่มีใครเทียบกับทหารมังกรของเราได้ แต่กลุ่มหมาป่าไม่ใช่ พวกเขามีกงอทัพที่แข็งแกร่งจริงๆ ต่อให้เป็นพวกเรา ก็จะไม่ให้ความสำคัญกับการแข่งขันในครั้งนี้ไม่ได้”
“ผมได้ยินมาว่าพวกเขาได้หาแดนปรมาจารย์ที่เก่งกาจในวงการบู๊มาเป็นครูฝึกของพวกเขา พวกเขาอยากใช้เวลาสั้นๆ ฝึกทหารแต่ล่ะคนให้เก่งถึงขั้นขีดสุด ดังนั้นความกดดันของพวกเราจึงเยอะมาก”
“แต่พวกเราก็ได้เห็นความสามารถของหัวหน้าครูฝึกแล้ว ไม่มีทางแย่ไปกว่าแดนปรมาจารย์ที่กลุ่มหมาป่าหามาแน่นอน ดังนั้นพวกเรายังคงมั่นใจอย่างมากว่าจะชนะกลุ่มหมาป่าได้””
หลังจากที่พูดจบ ชนสรณ์มองไปที่รพีพงษ์ รอให้รพีพงษ์พูด
รพีพงษ์พยักหน้าให้เขา แล้วถาม “ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ที่กลุ่มหมาป่าหามานั้นชื่ออะไร?”
ชนสรณ์ส่ายหน้า กล่าว “นี่เป็นความลับของกลุ่มหมาป่า ก่อนหน้าการแข่งขัน พวกเขาไม่มีทางเผยไต๋ออกมาแน่ แม้แต่เรื่องที่พวกเขาหายอดฝีมือแดนปรมาจารย์มาเป็นครูฝึกนั้น ผมก็ได้รู้จากปากของเพื่อนอีกคน ไม่งั้น พวกเราก็คงไม่รู้ว่าพวกเขาเตรียมการแบบนี้ไว้ด้วย
รพีพงษ์ครุ่นคิด พยักหน้า แล้วกล่าว “ไม่เป็นไร ก็แค่หายอดฝีมือแดนปรมาจารย์เท่านั้นเอง อยากที่จะชนะพวกเขาก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดาย”
หลังจากที่ทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์ได้ยินคำพูดนี้ของรพีพงษ์แล้วนั้นก็แปลกใจ ไม่คิดว่าเขาจะเชื่อมั่นขนาดนี้ ก่อนหน้าที่จะประชุมในวันนี้ ชนสรณ์ได้อธิบายให้ทุกคนฟังถึงความน่ากลัวของยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ ทุกคนได้ยินแล้วก็รู้ถึงผลการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในการแข่งขันครั้งนี้แล้ว
ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะดูถูกยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ขนาดนี้ เหมือนกับแดนปรมาจารย์ในสายตาเขาแม้แต่ตดก็ยังไม่ใช่
ก่อนหน้านี้ ในกองทัพได้มีความคิดที่จะส่งเสริมการฝึกฝนของวงการบู๊เพื่อพัฒนาความสามารถในการต่อสู้ของเหล่าทหาร แต่คิดว่าเหล่าตระกูลใหญ่ของวงการบู๊เอาวิชาที่ตัวเองฝึกฝนมาเป็นของล้ำค่า สอนเพียงแค่ไม่กี่ท่า ถ้าไม่มีตัวช่วยของวิชาหายใจออก ต่อให้เป็นหลายท่า ด้านพลัง ก็ไม่ต่างจากพลังกำลังทหารเท่าไหร่นัก
บอกกับผู้ที่เป็นทหาร เปลี่ยนรุ่นเร็วมาก โดยทั่วไปส่วนใหญ่เป็นทหารสองปีก็กลับบ้าน ถึงแม้ตอนอยู่ในค่ายมีวิชาหายใจออก ในสองปี ก็เรียนไม่ได้อะไร
ถ้าวิชาหายใจออกมีฉบับเร่งรัดล่ะก็ ตอนนี้ในกองทัพก็คงส่งเสริมวิชาหายใจออกไปนานแล้ว
ถึงแม้เหล่าตระกูลใหญ่ของวงการบู๊ไม่เปิดเผยวิชาหายใจออกมา ถ้ามีฉบับเร่งรัด ถ้าต้องแย่งกัน ก็ต้องแย่งมาให้ได้
ศิลปะการต่อสู้ต้องดูพรสวรรค์ อัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาอย่างรพีพงษ์นี้ ทั้งโลกน่าจะมีแค่คนเดียว
และยอดฝีมือที่ตระกูลใหญ่ของวงการบู๊ฝึกฝนออกมานั้น เป็นเพราะตั้งแต่เล็กก็เริ่มฝึกฝนคนในครอบครัวตัวเองแล้ว แต่ตอนที่ทหารในกองทัพมาเป็นทหารอายุน้อยสุดก็สิบแปดปีไปแล้ว อยากจะเป็นยอดฝีมือศิลปะการต่อสู้ ยิ่งยากเข้าไปอีก
ครั้งนี้ที่กลุ่มหมาป่าสามารถหาครูฝึกที่เป็นแดนปรมาจารย์ท่านหนึ่งมาได้นั้น ก็ทำให้ชนสรณ์แปลกใจมากแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่ายอดฝีมือของศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่จะใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือนก็ฝึกฝนสำเร็จ แต่มีการแนะนำของแดนปรมาจารย์ ทำให้ความสามารถของเหล่าทหารของพวกเขาพัฒนาขึ้นอีกขั้นก็ไม่มีปัญหา
“หัวหน้าครูฝึก คุณมั่นใจขนาดนี้ คุณคือยอดฝีมือแดนปรมาจารย์หรอ?” ชนสรณ์ถามด้วยความแปลกใจ
รพีพงษ์ส่ายหน้า
ทุกคนเดิมที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยทันใดนั้นก็ซึมเศร้าลงทันที พวกเขาคิดว่าที่รพีพงษ์เก่งขนาดนี้ จะต้องเป็นแดนปรมาจารย์ด้วยอย่างแน่นอน แต่ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะบอกว่าตัวเองไม่ใช่ งั้นการแข่งขันในครั้งนี้ก็รู้ผลได้เลย
รพีพงษ์ไม่ใส่ใจกับปฏิกิริยาของผู้คน แม้เขาจะไม่ใช่แดนปรมาจารย์ แต่เขาเป็นแดนครึ่งดังเทพแล้ว และยังเป็นยอดฝีมือพลังวิเศษเสน เก่งกว่าแดนปรมาจารย์ไม่รู้กี่เท่า
แต่รพีพงษ์แค่ขี้เกียจจะอธิบายก็เท่านั้น
“หัวหน้าครูฝึก พวกเรารู้ว่าคุณเก่งกาจ แต่พวกเราอย่ามั่นใจแบบผิดๆอีกเลย เตรียมใจไว้บ้างก็ดี” ชนสรณ์พูดอย่างเซ็ง
“ผมบอกว่าชนะได้ ก็ต้องชนะ” รพีพงษ์กล่าวอย่างมั่นใจ
ชนสรณ์คิดว่ารพีพงษ์เพียงแค่ปลอบประโลมพวกเขาเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ดีใจไม่ออก
ขณะนี้รพีพงษ์ได้เอาสมุดออกมาจากชุดตัวเอง แล้วยื่นให้ชนสรณ์ แล้วกล่าว “ไปถ่ายเอกสารสมุดเล่มนี้ ให้กับทหารมังกรทุกคน ตั้งแต่พรุ่งนี้ให้พวกเขา ฝึกฝนตามเนื้อหาทั้งหมดที่อยู่ในสมุดนี้ หลังจากหนุ่งเดือน คนของกลุ่มหมาป่า จะไม่ใช่คู่แข่งของทหารมังกรอีกต่อไป”
ชนสรณ์รับสมุดนั้นมา จ้องดู พบว่าไม่มีชื่อ หลังจากที่เปิดออกแล้ว ด้านในเขียนเกี่ยวกับวิชาหายใจออก
“หัวหน้าครูฝึก คุณแน่ใจว่าเรียนตามนี้ แล้วพวกเราจะชนะกลุ่มหมาป่าได้” ชนสรณ์ถามรพีพงษ์อย่างไม่ค่อยมั่นใจ
รพีพงษ์พยักหน้า กล่าว “เนื้อหาที่สมุดเล่มนี้พูดถึง เป็นสิ่งที่ผมแก้ไขจากวิชาหายใจออกของศิลปะการต่อสู้ เหมาะกับการฝึกฝนของทหาร เพียงแค่ให้เหล่าทหารทำตามสิ่งที่เขียนไว้ข้างในทุกวัน ไม่ถึงหนึ่งเดือน ความสามารถของพวกเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ราวกับฟ้าและเหว”
เนื้อหาในสมุดเล่มนี้ รพีพงษ์ได้แรงบันดาลใจจากปีนั้นที่อนันยชได้แก้ไขวิชาหายใจออกจากฉบับดั้งเดิม ฉบับนี้ที่เขาแก้ไข ครบถ้วนกว่าฉบับนั้นของอนันยชเสียอีก
วิชาหายใจออกฉบับแก้ไขนี้แม้ว่าจะไม่มีวิธีทำให้เหล่าทหารเป็นเน่ยจิ้งได้ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้พลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ ฉบับแก้ไขนี้เหมาะสำหรับทุกคน ถึงแม้คนนั้นจะไม่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ ก็สามารถทำให้พลังของตัวเองแข็งแกร่งขึ้นอีกเยอะ
และฉบับแก้ไขนี้เร่งรัด ในเวลาหนึ่งเดือน เพียงพอที่จะให้ผู้ที่เรียนวิชาการหายใจออก ถอดรูปแปลงร่างแน่นอน
นี่ เป็นสิ่งที่รพีพงษ์มีความเชื่อว่าจะชนะกลุ่มหมาป่าได้อย่างแน่นอน
แม้พวกเขาจะเชิญแดนปรมาจารย์มา สอนหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องใช้ทั้งชีวิตเพื่อเรียนรู้ ก็เทียบไม่ได้ก็ความเร็วในการเร่งรัดของวิชาการหายใจออกของรพีพงษ์