พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่948 วิชาหายใจออกฉบับเร่งรัด

บทที่948 วิชาหายใจออกฉบับเร่งรัด

บทที่948 วิชาหายใจออกฉบับเร่งรัด

ค่ายฝึกทหารมังกร ในห้องประชุม

ขณะนี้รพีพงษ์และระดับสูงของทหารมังกรกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะประชุม กำลังถกเถียงกัน

ชนสรณ์และทัตดาทั้งสองกำลังนั่งขนาบข้างรพีพงษ์ ทัตดารับผิดชอบจดบันทึกการประชุมในครั้งนี้ ธีรนัยทหารมังกรนั่งอยู่ตรงข้ามรพีพงษ์ด้วยความตั้งใจ คนอื่นที่นั่งอยู่ด้านหน้าของโต๊ะประชุม เป็นหัวหน้าของแต่ล่ะกองของทหารมังกร

“หัวหน้าครูฝึก สถานการณ์ก็จะประมาณนี้ เดือนหน้าจะเป็นการแข่งขันครั้งใหญ่ของแต่ล่ะกองทัพ ทัพที่เข้ามาแข่งขันกับพวกเรา คือกลุ่มหมาป่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเปร์คิง ความสามารถของกลุ่มหมาป่านี้ด้อยกว่าทหารมังกรเพียงนิดเดียว การประลองฝีมือครั้งที่แล้วพวกเราแข่งกับพวกเขา พวกเราฟลุ๊คชนะพวกเขา”

ขณะนี้ชนสรณ์กำลังพูดกับรพีพงษ์เรื่องการแข่งขันของกองทัพที่จะมาถึง

“เพราะกลุ่มหมาป่าถูกเรากดไว้ ดังนั้นจึงอยากหาโอกาสชนะพวกเราสักครั้ง อยากที่จะแย่งชื่อเสียงของกองทัพอันดับหนึ่งไป การแข่งขันครั้งนี้ พวกเขามีความหวังที่จะชนะเต็มร้อย แล้วยังประกาศศักดาอีกว่าจะต้องเหยียบเราให้มิด”

“ถ้ากลุ่มหมาป่าเป็นกองทัพธรรมดา พวกเราก็ไม่สนแล้ว เพราะไม่มีใครเทียบกับทหารมังกรของเราได้ แต่กลุ่มหมาป่าไม่ใช่ พวกเขามีกงอทัพที่แข็งแกร่งจริงๆ ต่อให้เป็นพวกเรา ก็จะไม่ให้ความสำคัญกับการแข่งขันในครั้งนี้ไม่ได้”

“ผมได้ยินมาว่าพวกเขาได้หาแดนปรมาจารย์ที่เก่งกาจในวงการบู๊มาเป็นครูฝึกของพวกเขา พวกเขาอยากใช้เวลาสั้นๆ ฝึกทหารแต่ล่ะคนให้เก่งถึงขั้นขีดสุด ดังนั้นความกดดันของพวกเราจึงเยอะมาก”

“แต่พวกเราก็ได้เห็นความสามารถของหัวหน้าครูฝึกแล้ว ไม่มีทางแย่ไปกว่าแดนปรมาจารย์ที่กลุ่มหมาป่าหามาแน่นอน ดังนั้นพวกเรายังคงมั่นใจอย่างมากว่าจะชนะกลุ่มหมาป่าได้””

หลังจากที่พูดจบ ชนสรณ์มองไปที่รพีพงษ์ รอให้รพีพงษ์พูด

รพีพงษ์พยักหน้าให้เขา แล้วถาม “ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ที่กลุ่มหมาป่าหามานั้นชื่ออะไร?”

ชนสรณ์ส่ายหน้า กล่าว “นี่เป็นความลับของกลุ่มหมาป่า ก่อนหน้าการแข่งขัน พวกเขาไม่มีทางเผยไต๋ออกมาแน่ แม้แต่เรื่องที่พวกเขาหายอดฝีมือแดนปรมาจารย์มาเป็นครูฝึกนั้น ผมก็ได้รู้จากปากของเพื่อนอีกคน ไม่งั้น พวกเราก็คงไม่รู้ว่าพวกเขาเตรียมการแบบนี้ไว้ด้วย

รพีพงษ์ครุ่นคิด พยักหน้า แล้วกล่าว “ไม่เป็นไร ก็แค่หายอดฝีมือแดนปรมาจารย์เท่านั้นเอง อยากที่จะชนะพวกเขาก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดาย”

หลังจากที่ทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์ได้ยินคำพูดนี้ของรพีพงษ์แล้วนั้นก็แปลกใจ ไม่คิดว่าเขาจะเชื่อมั่นขนาดนี้ ก่อนหน้าที่จะประชุมในวันนี้ ชนสรณ์ได้อธิบายให้ทุกคนฟังถึงความน่ากลัวของยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ ทุกคนได้ยินแล้วก็รู้ถึงผลการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในการแข่งขันครั้งนี้แล้ว

ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะดูถูกยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ขนาดนี้ เหมือนกับแดนปรมาจารย์ในสายตาเขาแม้แต่ตดก็ยังไม่ใช่

ก่อนหน้านี้ ในกองทัพได้มีความคิดที่จะส่งเสริมการฝึกฝนของวงการบู๊เพื่อพัฒนาความสามารถในการต่อสู้ของเหล่าทหาร แต่คิดว่าเหล่าตระกูลใหญ่ของวงการบู๊เอาวิชาที่ตัวเองฝึกฝนมาเป็นของล้ำค่า สอนเพียงแค่ไม่กี่ท่า ถ้าไม่มีตัวช่วยของวิชาหายใจออก ต่อให้เป็นหลายท่า ด้านพลัง ก็ไม่ต่างจากพลังกำลังทหารเท่าไหร่นัก

บอกกับผู้ที่เป็นทหาร เปลี่ยนรุ่นเร็วมาก โดยทั่วไปส่วนใหญ่เป็นทหารสองปีก็กลับบ้าน ถึงแม้ตอนอยู่ในค่ายมีวิชาหายใจออก ในสองปี ก็เรียนไม่ได้อะไร

ถ้าวิชาหายใจออกมีฉบับเร่งรัดล่ะก็ ตอนนี้ในกองทัพก็คงส่งเสริมวิชาหายใจออกไปนานแล้ว

ถึงแม้เหล่าตระกูลใหญ่ของวงการบู๊ไม่เปิดเผยวิชาหายใจออกมา ถ้ามีฉบับเร่งรัด ถ้าต้องแย่งกัน ก็ต้องแย่งมาให้ได้

ศิลปะการต่อสู้ต้องดูพรสวรรค์ อัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาอย่างรพีพงษ์นี้ ทั้งโลกน่าจะมีแค่คนเดียว

และยอดฝีมือที่ตระกูลใหญ่ของวงการบู๊ฝึกฝนออกมานั้น เป็นเพราะตั้งแต่เล็กก็เริ่มฝึกฝนคนในครอบครัวตัวเองแล้ว แต่ตอนที่ทหารในกองทัพมาเป็นทหารอายุน้อยสุดก็สิบแปดปีไปแล้ว อยากจะเป็นยอดฝีมือศิลปะการต่อสู้ ยิ่งยากเข้าไปอีก

ครั้งนี้ที่กลุ่มหมาป่าสามารถหาครูฝึกที่เป็นแดนปรมาจารย์ท่านหนึ่งมาได้นั้น ก็ทำให้ชนสรณ์แปลกใจมากแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่ายอดฝีมือของศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่จะใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือนก็ฝึกฝนสำเร็จ แต่มีการแนะนำของแดนปรมาจารย์ ทำให้ความสามารถของเหล่าทหารของพวกเขาพัฒนาขึ้นอีกขั้นก็ไม่มีปัญหา

“หัวหน้าครูฝึก คุณมั่นใจขนาดนี้ คุณคือยอดฝีมือแดนปรมาจารย์หรอ?” ชนสรณ์ถามด้วยความแปลกใจ

รพีพงษ์ส่ายหน้า

ทุกคนเดิมที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยทันใดนั้นก็ซึมเศร้าลงทันที พวกเขาคิดว่าที่รพีพงษ์เก่งขนาดนี้ จะต้องเป็นแดนปรมาจารย์ด้วยอย่างแน่นอน แต่ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะบอกว่าตัวเองไม่ใช่ งั้นการแข่งขันในครั้งนี้ก็รู้ผลได้เลย

รพีพงษ์ไม่ใส่ใจกับปฏิกิริยาของผู้คน แม้เขาจะไม่ใช่แดนปรมาจารย์ แต่เขาเป็นแดนครึ่งดังเทพแล้ว และยังเป็นยอดฝีมือพลังวิเศษเสน เก่งกว่าแดนปรมาจารย์ไม่รู้กี่เท่า

แต่รพีพงษ์แค่ขี้เกียจจะอธิบายก็เท่านั้น

“หัวหน้าครูฝึก พวกเรารู้ว่าคุณเก่งกาจ แต่พวกเราอย่ามั่นใจแบบผิดๆอีกเลย เตรียมใจไว้บ้างก็ดี” ชนสรณ์พูดอย่างเซ็ง

“ผมบอกว่าชนะได้ ก็ต้องชนะ” รพีพงษ์กล่าวอย่างมั่นใจ

ชนสรณ์คิดว่ารพีพงษ์เพียงแค่ปลอบประโลมพวกเขาเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ดีใจไม่ออก

ขณะนี้รพีพงษ์ได้เอาสมุดออกมาจากชุดตัวเอง แล้วยื่นให้ชนสรณ์ แล้วกล่าว “ไปถ่ายเอกสารสมุดเล่มนี้ ให้กับทหารมังกรทุกคน ตั้งแต่พรุ่งนี้ให้พวกเขา ฝึกฝนตามเนื้อหาทั้งหมดที่อยู่ในสมุดนี้ หลังจากหนุ่งเดือน คนของกลุ่มหมาป่า จะไม่ใช่คู่แข่งของทหารมังกรอีกต่อไป”

ชนสรณ์รับสมุดนั้นมา จ้องดู พบว่าไม่มีชื่อ หลังจากที่เปิดออกแล้ว ด้านในเขียนเกี่ยวกับวิชาหายใจออก

“หัวหน้าครูฝึก คุณแน่ใจว่าเรียนตามนี้ แล้วพวกเราจะชนะกลุ่มหมาป่าได้” ชนสรณ์ถามรพีพงษ์อย่างไม่ค่อยมั่นใจ

รพีพงษ์พยักหน้า กล่าว “เนื้อหาที่สมุดเล่มนี้พูดถึง เป็นสิ่งที่ผมแก้ไขจากวิชาหายใจออกของศิลปะการต่อสู้ เหมาะกับการฝึกฝนของทหาร เพียงแค่ให้เหล่าทหารทำตามสิ่งที่เขียนไว้ข้างในทุกวัน ไม่ถึงหนึ่งเดือน ความสามารถของพวกเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ราวกับฟ้าและเหว”

เนื้อหาในสมุดเล่มนี้ รพีพงษ์ได้แรงบันดาลใจจากปีนั้นที่อนันยชได้แก้ไขวิชาหายใจออกจากฉบับดั้งเดิม ฉบับนี้ที่เขาแก้ไข ครบถ้วนกว่าฉบับนั้นของอนันยชเสียอีก

วิชาหายใจออกฉบับแก้ไขนี้แม้ว่าจะไม่มีวิธีทำให้เหล่าทหารเป็นเน่ยจิ้งได้ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้พลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ ฉบับแก้ไขนี้เหมาะสำหรับทุกคน ถึงแม้คนนั้นจะไม่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ ก็สามารถทำให้พลังของตัวเองแข็งแกร่งขึ้นอีกเยอะ

และฉบับแก้ไขนี้เร่งรัด ในเวลาหนึ่งเดือน เพียงพอที่จะให้ผู้ที่เรียนวิชาการหายใจออก ถอดรูปแปลงร่างแน่นอน

นี่ เป็นสิ่งที่รพีพงษ์มีความเชื่อว่าจะชนะกลุ่มหมาป่าได้อย่างแน่นอน

แม้พวกเขาจะเชิญแดนปรมาจารย์มา สอนหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องใช้ทั้งชีวิตเพื่อเรียนรู้ ก็เทียบไม่ได้ก็ความเร็วในการเร่งรัดของวิชาการหายใจออกของรพีพงษ์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท