พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่946 การต่อสู้

บทที่946 การต่อสู้

บทที่946 การต่อสู้

ชนสรณ์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็สะดุ้ง จิตใต้สำนึกต้องการขอโทษรพีพงษ์ แสดงท่าทีที่ว่าตัวเองมีตาแต่หามีแววไม่ ไม่รู้ว่ารพีพงษ์เก่งกาจขนาดนี้

แต่เมื่อกลับมาคิด ถ้าเขาขี้ขลาดตาขาวต่อหน้าเหล่าทหารมังกรพวกนี้ ต่อไปก็จะเบ่งอำนาจต่อหน้าทหารมังกรไม่ได้ ก็คือเขา

เหล่าทหารมังกรได้ยินคำพูดของรพีพงษ์แล้วนั้นก็แสดงท่าทีรอคอย ดูออกชัดเจนว่าอยากเห็นรพีพงษ์ต่อสู้กับชนสรณ์อย่างมาก

“ชนสรณ์ ต่อสู้กับหัวหน้าครูฝึกของเราหน่อย ให้พวกเราได้เห็น การต่อสู้ของพวกคุณทั้งสอง ต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆ!”

“พูดถูก ฝีมือของหัวหน้าครูฝึกน่าตะลึง แต่ฝีมือของชนสรณ์ก็ไม่ด้อย ถ้าชกต่อยกันจริงๆจะต้องสร้างสีสันอย่างแน่นอน”

“ต่อสู้กัน! ชนสรณ์ ถึงเวลาที่ต้องแสดงความแมนออกมาแล้ว! แกพูดมาตลอดไม่ใช่หรอว่าแกเก่งนักเก่งหนา ตอนนี้หัวหน้าครูฝึกมาแล้ว ให้เขาได้ลิ้มลองความเก่งกาจของแกหน่อย!” มีคนตะโกนออกมาอย่างไม่กลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่

ชนสรณ์ได้ยินคนนั้นตะโกนเมื่อกี้ ก็มีแค่วู่วามที่อยากจะพุ่งไปบีบคอคนนั้นให้ตายซะ เมื่อกี้เขากำลังว่าจะปฏิเสธรพีพงษ์ยังไง ให้ตัวเองไม่ขายหน้า

สุดท้ายทหารพวกนี้ตะโกนมา ถ้าเขาไม่ต่อสู้กับรพีพงษ์ ก็เป็นขี้ขลาดตาขาวแล้วจริงๆ

ทัตดาที่อยู่ข้างๆเห็นชนสรณ์หน้าเหมือนกินขี้มา ก็อดไม่ได้ที่จะขำ แล้วกล่าว “ชนสรณ์ ในเมื่อทุกคนอยากเห็นคุณต่อยกับหัวหน้าครูฝึก งั้นคุณก็ตอบรับหัวหน้าครูฝึกเถอะ”

ชนสรณ์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ หันไปหารพีพงษ์ คิดในใจว่าฝีมือของรพีพงษ์เมื่อกี้ทำให้คนตะลึงจริง น้อยคนนักที่จะทำได้ แต่ถ้าในการต่อสู้จริงๆบางทีรพีพงษ์อาจไม่เก่งเท่าเขาก็ได้

มวยไทยถูกขนานนามว่าเป็นวิชาหมัดฆ่าคน ต่อยออกมาถึงขั้นเอาชีวิต ต่อให้รพีพงษ์จะไม่ง่ายในการต่อกร ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่แพ้ก็ได้

หลังจากที่ตัดสินใจแล้ว แววตาของชนสรณ์ก็เปลี่ยนเป็นยืนหยัดขึ้นมา ยกมือคำนับรพีพงษ์ แล้วกล่าว “ในเมื่อหัวหน้าครูฝึกต้องการต่อสู้ การเคารพเทียบไม่ได้เท่ากับฟังคำสั่ง ถ้าทำผิดอะไรต่อหัวหน้าครูฝึก ขอหัวหน้าครูฝึกให้อภัย”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วทำมือเชิญให้ชนสรณ์

แม้จะรู้ว่าตัวเองทำแบบนี้คือกำลังรังแกชนสรณือยู่ แต่เขาต้องการสร้างศักดิ์ศรีของตัวเองต่อหน้ากลุ่มทหารมังกร ต่อยกับชนสรณ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

และเขาก็รู้สึกแปลกใจกับมวยไทย ต่อให้รพีพงษ์เข้าไม่ถึงวิชามวยไทย แต่สามารถเรียนข้อดีบางอย่างจากมวยไทยได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี

ทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าของทหารมังกร แล้วจัดที่ว่างกว้างๆเอาไว้ เพื่อการต่อสู้

รพีพงษ์จ้องชนสรณ์ จากนั้นก็กล่าว “เริ่มเลยล่ะกัน”

ชนสรณ์ไม่ลังเล หลังจากที่ตั้งหลักแล้ว ก็พุ่งเข้าหารพีพงษ์อย่างเร็ว

รพีพงษ์มองกิริยาของชนสรณ์ ในสายตาเขา ท่าทางของชนสรณ์ไม่ต่างจากเต่าคลาน ถ้ารพีพงษ์อยากลงมือตั้งแต่ตอนที่ชนสรณ์ขยับตัว เขาก็กดชนสรณ์ลงกับพื้นไปแล้ว

หลังจากที่ชนสรณ์พุ่งมาด้านหน้าของรพีพงษ์แล้ว ก็ชกไปที่จุดที่อ่อนแอที่สุดบนร่างกายอย่างเร็ว

รพีพงษ์จ้องท่าของชนสรณ์ ตอนแรกไม่ได้โจมตีใดๆ คิดว่าอยากจะลองวิชามวยไทยสักหน่อย

ชนสรณ์เห็นรพีพงษ์ได้แต่หลบแต่ไม่โต้ตอบ คิดว่ารพีพงษ์ไม่รู้ว่าจะโต้ตอบอย่างไร ในใจก็ดูแคลนออกมา

“ดูๆแล้วเขาน่าจะไม่เคยมีประสบการณ์ในการประลองจริงๆ ก็แค่มีฝีมือในการปีนเข้าก็เท่านั้น ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็อย่าโทษฉันว่ารุนแรงเกินไปก็แล้วกัน”

คิดแบบนี้ การจู่โจมของชนสรณ์ยิ่งรุนแรงขึ้น ปล่อยหมัดไม่เว้นหมัดไปที่รพีพงษ์ แต่สิ่งที่แปลกคือ หมัดต่างๆของเขาไม่โดนตัวรพีพงษ์เลยแม้แต่น้อย

นี่ทำให้รพีพงษ์เริ่มร้อนใจขึ้นมา เพราะต่อให้รพีพงษ์ไม่โจมตีกลับ เขาต่อยไม่โดนรพีพงษ์ ก็ไม่มีทางชนะได้

หลังจากที่เรียนรู้เกี่ยวกับมวยไทยโดยละเอียดแล้ว รพีพงษ์ก็ส่ายหัวอย่างเซ็ง รู้สึกว่าแม้หมัดพวกนี้จะรุนแรง แต่จุดอ่อนก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว ต่อให้ตะเป็นยอดฝีมือที่เพิ่งเป็นเน่ยจิ้ง ตอนที่ต่อสู้กับชนสรณ์ ก็เห็นจุดอ่อนของเขาตั้งนาน ล่ะชนะเขาไปนานแล้ว

แม้ในวงการการต่อสู้มวยไทยจะมีชื่อ แต่เมื่อเทียบกับวงการบู๊ของศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีน ก็มีความแตกต่างอยู่มาก

หลังจากที่เข้าใจเกี่ยวกับมวยไทย รพีพงษ์ก็ไม่ตัดสินใจที่จะเสียเวลากับชนสรณ์อีก ตอนที่เขาปล่อยหมัดในตอนนั้น จู่โจมเข้าไปที่จุดอ่อนของเขาโดยตรง ตบเดียวก็ทำเอาเขาล้มลงกับพื้น

ทหารมังกรที่ดูการต่อสู้อยู่นั้นเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ก็เปล่งเสียงตะลึงขึ้นมา เห็นทั้งสองเคล้ากันอยู่นาน สุดท้ายก็ระเบิดพลังออกมาสักที

ชนสรณ์ก็ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์ที่หลบไปมาจะตบเขาล้มลงกับพื้นด้วยฉาดเดียว รีบลุกขึ้นจากพื้น แล้วตั้งท่าต่อสู้อีกครั้ง

“ตุดอ่อนของแกเยอะมาก ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันต่อไปแล้ว” รพีพงษ์กล่าว

“หัวหน้าครูฝึก เมื่อกี้ผมพลาด กรุณาอย่าดูถูกกัน!”

ชนสรณ์ตะคอก แล้วพุ่งไปที่รพีพงษ์ คิดในใจว่าตัวเองจะต้องทำให้รพีพงษ์ล้มลงให้ได้สักครั้ง เพื่อกอบกู้เกียรติยศ

แต่เขาเพิ่งถึงด้านหน้ารพีพงษ์ รพีพงษ์ก็ตบลงมาอีก ตบจนเขาล้มลงกับพื้น

ชนสรณ์ลุกขึ้นมาอีกครั้ง จะโจมตีรพีพงษ์ วินาทีต่อมา เขาก็ล้มอีกครั้ง

แม้แต่ชนสรณ์เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองล้มลงได้อย่างไร ตอนที่เขารู้ตัว อีกที ก็พบว่าหน้าของตัวเองก็ได้ถูกับพื้นอีกแล้ว

ทุกคนมองเหตุการณ์นี้อย่างตะลึง ชนสรณ์ล้มลงไปไม่ถึงสองวินาทีก็ล้มลงไปอีก ต่อหน้ารพีพงษ์เขาเหมือนกับเด็กที่ไร้เรี่ยวแรง มีแต่โดนต่อยเท่านั้น

จนกระทั่งถึงตอนนี้ ชนสรณ์เพิ่งจะรู้ตัว ก่อนหน้านี้ที่รพีพงษ์ไม่โต้ตอบ แต่ก็แค่ยอมให้ตัวเองเท่านั้น ความสามารถแค่นี้ของตัวเองต่อหน้ารพีพงษ์ ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้กันเลยเสียด้วยซ้ำ

เขาไม่อยากเสียหน้าอีกต่อไป หลังจากที่ยืนขึ้นแล้ว มองรพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ โค้งคำนับแล้วกล่าว “หัวหน้าครูฝึก ความสามารถของคุณยอดเยี่ยม เกินกว่าที่ผมจะเทียบได้ ผมยอมแพ้ และขอโทษกับท่าทีก่อนหน้านี้ที่มีต่อหัวหน้าครูฝึก หวังว่าครูฝึกผู้ใจกว้าง จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องที่ผ่านมา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชนสรณ์จะเป็นผู้ช่วยหัวหน้าครูฝึกอย่างเต็มที่!”

รพีพงษ์พยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นก็หันหลังไปมองเหล่าทหารมังกร แล้วกล่าว “วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะอบรมพวกคุณอย่างเป็นทางการ ผมตั้งเกณฑ์ของพวกคุณไว้สูงมาก หวังว่าพวกคุณจะรับแรงกดดันได้ ผมรับรอง ถ้าพวกคุณสามารถยืนหยัดกับการฝึกฝนของผมได้ ในภายภาคหน้าพวกคุณจะต้องถอดรูปแปลงร่างแน่นอน!”

“รับทราบ! หัวหน้าครูฝึก!” ทหารมังกรตะโกนพร้อมกัน

รพีพงษ์ไม่พูดอะไรต่อ รับมอบวันนี้ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ทัตดาเดินไปที่รพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วกล่าว “หัวหน้าครูฝึก ฉันพาไปดูที่พักที่เตรียมไว้สำหรับคุณ”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วเดินไปที่ฐานฝึกกับทัตดา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท