พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่949 การฝึกฝนปีศาจ

บทที่949 การฝึกฝนปีศาจ

บทที่949 การฝึกฝนปีศาจ

การประชุมเสร็จสิ้น ทุกคนออกมาจากห้องประชุม ธีรนัยและหัวหน้าแต่ล่ะกองของทหารมังกรไม่มั่นใจ ขณะนี้ในมือของพวกเรามีสมุดวิชาการหายใจออกที่รพีพงษ์ได้เขียนขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือควรจะเป็นกังวลดี

“พวกแกว่า ของที่หัวหน้าครูฝึกให้พวกเรานี้ จะทำให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้นมั้ย? ฉันมักจะรู้สึกว่าใช้ไม่ได้ว่ะ เนื้อหาด้านในส่วนใหญจะเป็นวิธีของการหายใจออกมา และยังมีวิธีการไหลเวียนพลัง ฟังๆไปแลดูน่าเหลือเชื่อนะ” เฮียดำกล่าว

“ไม่รู้นะ แต่หัวหน้าครูฝึกเก่งกาจขนาดนั้นเหมือนกับใช้สิ่งพวกนี้ในทำได้เหมือนกันนะ เขาไม่น่าจะเอาอะไรที่ไม่มีประโยชน์ให้พวกเราหรอก” เฮียเบิดตอบกลับ

หัวหน้าของแต่ล่ะกองที่เหลือก็เริ่มสงสัยขึ้นมา มักจะรู้สึกว่าง่ายขนาดนี้แล้วจะแข็งแกร่งได้ มันไม่ค่อยเป็นความจริงสักเท่าไหร่

“พอล่ะ ในเมื่อหัวหน้าครูฝึกพูดว่าใช้วิธีนี้เพื่อให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้น งั้นพวกเราก็ฟังหัวหน้าครูฝึก อย่าคิดมาก กลับไปแล้วลองทำตามที่ในสมุดบอกก็จะรู้แล้วว่าใช้ได้มั้ย” ธีรนัยมองไปที่ผู้คน

ผู้คนพยักหน้า แล้วออกจากที่นี่ไป

พวกเขาไม่รู้เลย วิธีการหายใจออกฉบับเร่งรัด รพีพงษ์ทำให้พื้นฐานของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น รอให้พวกเขาฝึกได้ก่อน และยังมีการฝึกปีศาจที่แข็งแกร่งมากของรพีพงษ์ที่จัดทำขี้นเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ

การใช้วิธีการหายใจออก เป็นการกระตุ้นศักยภาพของภายในร่างกาย ให้ร่างกายปล่อยพลังที่มากกว่าปกติออกมา และให้พวกเขารับกับสภาพแบบนี้ได้ในระยะเวลาอันสั่น แน่นอนว่าต้องใช้การบีบคั้นเพื่อทำให้สำเร็จ

ตีสี่หัวรุ่ง ค่ายฝึกทหารมังกร เสียงของนกหวีดเรียกรวมด่วนดังขึ้นกะทันหัน เหล่าทหารทุกคนรีบลุกขึ้นจากที่นอน หลังจากที่แต่งตัวอย่างรวดเร็วเสร็จแล้ว ก็รีบพุ่งออกไปด้านนอก

ขณะนี้รพีพงษ์ได้ยืนรออยู่ที่สนามกีฬาของฐานฝึก ชนสรณ์ยืนอยู่ข้างๆเขา เมื่อกี้เขาเป็นคนเป่านกหวีดเรียกรวมด่วนนั่นเอง

ทัตดาหน้าตาเหน็ดเหนื่อยเดินไปข้างๆรพีพงษ์ ด้วยความมึนๆ ไม่รู้ว่ารพีพงษ์ให้พวกเขารวมตัวกันแต่เช้านี่เพื่อทำอะไร

เธอมองไปที่รพีพงษ์ พบว่ารพีพงษ์มีท่าทางกระปรี้ประเปร่า แววตาสดใส เหมือนไม่มีง่วงเลยแม้แต่น้อย ในใจคิดว่าตัวเองไม่ง่วงเลยต้องเรียกคนอื่นมา น่าเกลียดจริงๆ

ผ่านไปไม่นาน ทหารมังกรทุกคนได้มารวมตัวกันสนามกีฬาแล้ว

รพีพงษ์จ้องไปที่พวกเขา แล้วกล่าว “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เวลานี้ เปิดเวลาเริ่มต้นของการฝึกของพวกคุณ ผมได้วางแผนการฝึกอย่างละเอียดให้พวกคุณแล้ว ทุกๆวินาที หวังว่าพวกคุณจะสามารถยืนหยัดได้ตลอดรอดฝั่ง”

เมื่อคำพูดของเขาได้พูดออกไป ทุกคนก็ส่งเสียงตะลึง รพีพงษ์หวังว่าพวกเขาจะสามารถยืนหยัดได้ตลอดรอดฝั่ง ถ้างั้นการฝึกนี้มันจะวิปริตสักเท่าไหร่เชียวนะ?

“หัวหน้าครูฝึกคงไม่ทำจริงๆใช่มั้ย? เขาเพียงแค่หวังว่าพวกเราจะยืนหยัดได้ตลอดรอดฝั่ง งั้นถ้ายืนหยัดไม่ได้ล่ะ ต้องเสียชีวิตเลยหรอ?”

“น่าจะแค่ล้อเล่นหน่า เป็นการพูดที่เกินจริงไปหน่อย แม้ว่าหัวหน้าครูฝึกจะรุนแรง ก็ไม่มีทางล้อเล่นกับชีวิตพวกเราหรอก”

คนหมู่มากคิดว่าที่รพีพงษ์พูดนั้นเป็นการพูดที่ค่อนข้างเกินจริงไปหน่อย ไม่เชื่อว่าการฝึกของรพีพงษ์จะฝึกจนคนเสียชีวิตได้

ขณะนี้ในมือของรพีพงษ์มีกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ ด้านบนเขียนว่า รายการสำหรับการฝึกในครั้งนี้

เขายื่นกระดาษนี้ให้ชนสรณ์ ให้ชนสรณ์อ่านให้ทุกคนฟัง

ชนสรณ์รับกระดาษนั้นมา ก็แปลกใจอย่างมากว่าการฝึกของรพีพงษ์เป็นยังไงกันแน่ ตอนที่เขาเห็นเนื้อหาบนกระดาษ เขาก็แข็งทื่อ เหลือบมองรพีพงษ์ด้วยความยากที่จะเชื่อได้ เหมือนกับไม่เชื่อแผนการฝึกฝนที่รพีพงษ์ทำขึ้นมาทั้งหมด

“หัวหน้าครูฝึก จะ……จะฝึกแบบนี้จริงๆหรอครับ?” ชนสรณ์ถาม

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วกล่าว “อ่านเถอะ”

ชนสรณ์สูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็อ่านตามที่เขียนในกระดาษทั้งหมด อ่านออกมาเสียงดัง “วิดพื้น สามร้อย ลุกนั่งสามร้อย ซิทอัพ สามร้อย ยกเข่าสูง สามร้อย…….”

เหล่าทหารได้ยินเนื้อหาที่ชนสรณ์อ่านออกมา เดิมที่มีค่อนข้างรู้สึกเคร่งเครียดทันใดนั้นก็โล่งอกออกมา

“ฉันคิดว่าจะเป็นการฝึกที่น่ากลัวขนาดไหนกัน ที่แท้ก็แค่ฝึกความแข็งแกร่งของร่างกาย การฝึกครั้งนี้เหนื่อยกว่าการฝึกเมื่อก่อนไม่มาก ดูๆแล้วหันหน้าครูฝึกไม่เคยผ่านชีวิตในค่ายมาเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าเนื้อหาในการฝึกของพวกเราในทุกวัน ก็เป็นแบบนี้นี่แหละ” มีคนยิ้มพลางพูดออกมา

“พูดถูก ตอนแรกฉันก็คิดว่าเป็นการฝึกอะไรที่ทำให้คนกลัวเสียอีก ที่แท้ก็พวกนี้ งั้นก็สบายใจได้แล้ว”

“พวกแกพูดเบาๆหน่อย อย่าให้หัวหน้าครูฝึกได้ยินนะ ไม่งั้นเดี๋ยวเค้าจะเปลี่ยนจำนวนเข้าไป”

……

ในขณะที่ทุกคนกำลังโล่งอกอยู่นั้น ชนสรณ์หยุดลง จากนั้นก็กล่าว “รายการด้านบนพวกนั้น เป็นการวอร์มอัพของทุกๆวัน ต้องเสร็จ ถ้าไม่เสร็จ วันที่สองเพิ่มขึ้นไปหนึ่งเท่า!”

ทหารมังกรที่เดิมกำลังมีความสุขกันอยู่นั้นก็อ้าปากค้าง ทั้งสนามกีฬา แว็บเดียวก็เงียบลงสงัด

“อะไรนะ! พวกนี้……เป็นเพียงการวอร์มอัพเท่านั้น? ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย?”

“โอ้วแม่เจ้า พวกนี้ ก่อนหน้านี้พวกเราใช้เวลาอย่างน้อยก็ครึ่งวันทำมัน ตอนนี้ต้องใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่งทำให้เสร็จ นี่มันเอาชีวิตกันเลยนะเนี่ย”

“ร้องไห้ล่ะ ที่แท้หัวหน้าครูฝึกไม่ได้ล้อเล่น แค่วอร์มอัพก็วิปริตขนาดนี้แล้ว งั้นของจริงต้องน่ากลัวกว่านี้แน่นอน หัวหน้าครูฝึกจะฝึกเราให้ตายจริงๆใช่มั้ยเนี่ย”

ทหารมังกรทั้งหมดเริ่มโวยวายออกมา

ชนสรณ์ไม่สนใจปฏิกิริยาของทุกคน อ่านเนื้อหาที่อยู่ในกระดาษต่อไป

ที่รพีพงษ์จัดการฝึกให้กับทหารมังกร เป็นแผนการฝึกที่ตอนนั้นอาจารย์จัดให้รพีพงษ์ฝึกโดยเฉพาะ เพียงแค่ในตอนนั้นรพีพงษ์มียาทาสีดำของอาจารย์ ดังนั้นร่างกายจึงสามารถรองรับกับจำนวนการฝึกที่น่ากลัวแบบนั้นได้ หลังจากที่ได้ไตร่ตรองเกี่ยวกับสภาพของเหล่าทหารแล้ว รพีพงษ์ได้ลดจำนวนในการฝึกแต่ล่ะโปรแกรมลงไปมากแล้ว

และตอนนี้ทหารพวกนี้ก็มีวิธีการหายใจออกฉบับเร่งรัดที่รพีพงษ์ให้ไว้ ดังนั้นการฟื้นฟูค่อนข้างเร็ว และยังสามารถกระตุ้นความสามารถของพวกเขาได้อีกด้วย

ตามที่รพีพงษ์คำนวณไว้ เพียงแค่พวกเขามีวิธีการหายใจออกฉบับเร่งรัด การฝึกแบบนี้ เป็นขีดจำกัดของพวกเขาในแต่ล่ะวันพอดี

แน่นอน เจ็บปวดมันก็ค่อนข้างเจ็บปวด อยากจะแข็งแกร่ง ต้องรับกับความยากเข็ญนี้ให้ได้

ฟังเสียงของชนสรณ์ไปเรื่อยๆ สีหน้าทุกคนของทหารมังกรดูแย่ลง แผนการฝึกฝนของรพีพงษ์นี้ เป็นแผนที่วิปริตที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอมาแน่นอน

พอชนสรณ์อ่านจบ ทั้งสนามก็เงียบสงัดลง ทุกคนก็เหมือนกินยาพิษเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น อยากจะโดนพิษแล้วตายไปซะ

รพีพงษ์เห็นทุกคนไม่พูดอะไร ก็ยิ้มพลางกล่าว “แผนการฝึกฝนนี้เป็นเพียงขั้นพื้นฐานเท่านั้น ถ้าพวกคุณทำได้ดี ผมอาจจะไตร่ตรงในการเพิ่มจำนวนเข้าไปอีก”

“วันนี้เป็นการฝึกวันแรก หวังว่าพวกคุณจะใช้วิธีการหายใจออกที่ผมให้พวกคุณไปได้อย่างเต็มที่ สิ่งนั้นทำให้คุณรู้สึกดีในขณะที่ฝึกฝนอย่างมาก”

“ผมพูดแค่นี้แล้วกัน ขอให้ทุกคนโชคดี”

พูดจบ รพีพงษ์คิดแล้วคิดอีก จากนั้นก็เสริมเข้าไปอีกว่า “อ้อ เพื่อให้การฝึกของพวกคุณฮึกเหิมขึ้น ผมให้ชนสรณ์ร่วมฝึกไปกับพวกคุณด้วย หวังว่าชนสรณ์จะเป็นผู้นำที่ดี!”

ชนสรณ์ที่อยู่ข้างๆก็เกิดคำถามขึ้น อีกนิดเดียวตาก็ถลุงออกมาแล้ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท