พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่950 คุณคือเทพเจ้าหรอ

บทที่950 คุณคือเทพเจ้าหรอ

บทที่950 คุณคือเทพเจ้าหรอ

เวลาต่อจากนี้ไป ทหารมังกรได้เริ่มการฝึกฝนที่ยากเย็นแสนเข็ญที่สุดในประวัติศาสตร์ ฉากในฐานฝึกของทหารมังกรเรียกได้ว่าน่าเวทนาเลยทีเดียว

โดยเฉพาะตอนเริ่มต้นช่วงไม่กี่วันแรกๆ เหล่าทหารมังกรถูกทรมานแบบตายทั้งเป็น การฝึกในทุกๆนาทีเหมือนกับจะฆ่าชีวิตพวกเขาไปให้ได้ วันที่สองมีทหารเกือบครึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองยืนหยัดกับการฝึกฝนที่ทรมานแบบนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว อาจจะตายในระหว่างฝึกได้ คิดว่าจะขอออกจากการฝึกโดยตรง

แต่คนเหล่านี้ถูกชนสรณ์ด่าจนกลับไป บอกว่าพวกเขาทำให้ทหารเสียหน้า ถ้าแม้แต่การฝึกนี้ยังเอาชนะไม่ได้ แล้วพวกเขาจะรับกับภารกิจที่สำคัญของทหารมังกรได้อย่างไรกัน

แม้ชนสรณ์ก็เริ่มรู้สึกว่าต้านทานกับการฝึกฝันระดับนี้ไม่ค่อยไหวแล้ว แต่เขาคือผู้ช่วยหัวหน้าครูฝึกทหารมังกร ถ้าเขากล้ายอมแพ้ เกรงว่ารพีพงษ์จะตบเค้าตายคนแรก

แน่นอน ว่ารพีพงษ์ได้คาดเดาไว้แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ดังนั้นกลางคืนของวันที่สอง ได้เรียกทหารมังกรมารวมตัว เพื่ออธิบายถึงความสำคัญของวิธีการหายใจออก

ทหารมังกร

หลังจากที่เหล่าทหารมังกรได้ทำตามคำอธิบายของรพีพงษ์มาไหลเวียนวิธีการหายใจออก มีความรู้สึกของพลังในร่างกายที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเกิดขึ้นจริงๆ เพราะตอนกลางวันใ้ช้พลังงานไปมาก ดังนั้นตอนกลางคืนที่กำลังไหลเวียนการหายใจออกอยู่นั้น เซลล์ทุกส่วนในร่างกายได้สูบพลังนี้เข้าไป ทำให้พวกเขามีความสุข

วันที่สามในช่วงการฝึก ทุกคนพบว่าเนื่องจากที่ได้ฝึกฝนวิธีการหายใจออก แม้ว่าการฝึกฝนของเมื่อวานจะวิปริตถึงขั้นสุด แต่พวกเราก็ไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยแต่อย่างใด แต่กลับมีชีวิตชีวา

และพลังของพวกเขา เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ทหารมังกรผู้ได้ประโยชน์ก็ยกเลิกความคิดที่จะยอมแพ้ไป ถ้าทำตามแผนการฝึกของรพีพงษ์ หนึ่งเดือนให้หลัง พวกเขาจะสามารถถอดรูปแปลงร่างได้จริงๆ

การฝึกฝนทำตามแผนที่เป็นระเบียบของรพีพงษ์ต่อไป บรรยากาศในสนามฝึกเริ่มไม่ตึงเครียด ทุกคนรู้ว่าต่อจากนี้ไปเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนทุกคนต้องทำอะไรบ้าง เพียงแค่ยืนหยัดให้ได้ หลังจากหนึ่งเดือนไปแล้ว พวกเขาก็จะเห็นตัวเองในแบบใหม่

ทัตดา

แม้ทัตดาไม่ต้องเข้าร่วมฝึกซ้อม แต่เพราะตีสี่ของทุกวันรพีพงษ์จะต้องตื่นขึ้นมาดูทุกคนฝึก เธอในฐานะที่เป็นผู้ให้คำแนะนำรพีพงษ์ก็ต้องตื่นมาพร้อมกันด้วย แนะนำการใช้ชีวิตและการจัดการต่างๆของรพีพงษ์

เพราะแปลกประหลาด ทัตดาจึงได้เอาวิธีการหายใจออกจากชนสรณ์มาด้วยหนึ่งฉบับ ฝึกฝนไปพร้อมๆกับทุกๆคน ทัตดาที่เดิมทีเป็นกังวลว่าถ้าตื่นเช้าเกินจะมีผลกระทบต่อผิวพรรณ แต่หลังจากที่ฝึกฝนวิธีการหายใจออกแล้ว เธอรู้สึกว่าผิวหนังของเธอไม่เพียงไม่แย่ลง แต่กลับดูมีออร่าเรียบเนียนขึ้น

นี่ทำให้ทัตดายิ่งรู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่ธรรมดา ในใจเต็มไปด้วยความประหลาดใจต่อรพีพงษ์ มักจะอ้างความเป็นผู้ชี้แนะของรพีพงษ์ ไปหารพีพงษ์ที่ที่พัก อยากดูว่าพอจะเจอความลับอะไรของรพีพงษ์บ้างมั้ย

รพีพงษ์หลีกเลี่ยงทัตดา แต่เธอเป็นผู้แนะนำของตัวเอง ตนก็ไม่สามารถไล่เธอไปได้โดยตรง ดังนั้นหลบได้ก็จะหลบ ถ้าหลบไม่ได้ก็เผชิญหน้า

และในกองทัพมีหลายเรื่องที่ต้องให้ทัตดาจัดการ กำลังของรพีพงษ์มีจำกัด ไม่สามารถทำเองได้ทุกเรื่อง

ช่วงบ่าย ทหารมังกรอยู่ภายใต้การนำของชนสรณ์ กำลังเข้าร่วมการทำสงครามเสมือนจริง เพราะการฝึกเริ่มเข้าที่ รพีพงษ์ไม่จำเป็นต้องเฝ้าตลอดเวลาแล้ว ดังนั้นตอนนี้รพีพงษ์กำลังอยู่ในห้องตัวเอง ฝึกฝนวิชาจิตวิญญาณเทพ

สองขาของรพีพงษ์นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง สองมือประสานกันเป็นตราที่แปลกประหลาด แล้วยังคงที่อยู่ในท่านี้ไม่ขยับ เหมือนกำลังนั่งสมาธิอยู่

แต่ถ้าตอนนี้มีคนที่มีจิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์มาที่นี่ ก็สามารถเห็นพลังรอบๆตัวรพีพงษ์ที่ลอยอยู่เป็นออร่า พลังพวกนี้ผ่านสมองของรพีพงษ์ไปอย่างไม่หยุดยั้ง รวมกันที่ดวงจิตนั้นในสมองของรพีพงษ์

ดวงจิตในสมองรพีพงษ์ขณะนี้รวมกันได้ดีกว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก ออร่าที่อยู่รอบๆตัวก็ชัดเจนขึ้น พลังจิตวิญญาณเทพก็แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก

หลังจากที่ได้จิตวิญญาณเทพของตระกูลตรีศาสตร์มาแล้ว รพีพงษ์ฝึกฝนทุกวัน ความจะไม่เร็ว แต่รพีพงษ์รู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณเทพของตัวเองแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ความเร็วในการฟื้นฟูกระบี่สยบเซียน ก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเร็ว

ก่อนหน้านี้เขาได้ทดลองแผนผังค่ายกลวิเศษนั้นที่ได้มาจากตระกูลนนท์สัจทัศน์ ตอนนั้นเขาคิดว่าด้วยจิตวิญญาณเทพของตัวเอง ไม่พอที่จะปล่อยใช้วิชากระบี่

แต่จากการที่ฝึกฝนจิตวิญญาณเทพในช่วงนี้ รพีพงษ์รู้สึกว่าพลังจิตวิญญาณเทพของตนแข็งแกร่งขึ้นตลอดเวลา เชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน เขาก็สามารถใช้พลังแผนผังค่ายกลวิเศษนั้นได้แล้ว

ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์เสร็จสิ้นการฝึกฝน หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆพลังที่อยู่รอบๆก็ถูกดูดเข้าไป ขณะนี้ออร่าจิตวิญญาณของเขา ปรากฏกลลวงตาออกมารอบๆตัวของรพีพงษ์

กลลวงตารพีพงษ์ มีออร่าที่ใหญ่มากประกายสีทองคลุมตัวรพีพงษ์เอาไว้ เหตุการณ์นี้ทำให้รพีพงษ์ดูประหลาด เหมือนกับเทพจุติมาเกิด

ในขณะเดียวกันนี้ ทัตดาผลักประตูเข้ามาในห้องของรพีพงษ์ เห็นฉากที่รพีพงษ์สิ้นสุดการฝึกฝนจิตวิญญาณเทพพอดี

ทัตดาเดิมทีที่คิดว่าจะเรียกชื่อรพีพงษ์แว็บเดียวก็แข็งอยู่กับที่ มองรพีพงษ์ที่ประกายแสงสีทองรอบๆตัวอย่างยากที่จะเชื่อได้

ขณะนี้ ทัตดารู้สึกว่าตัวเองเห็นเทพจุติมาเกิด

เพราะตอนเสร็จสิ้นรพีพงษ์ไม่ได้ปล่อยพลังจิต ดังนั้นจึงไม่เห็นว่าทัตดาเข้ามาในห้องของตัวเอง เมื่อเขาเสร็จสิ้นการฝึกฝน ลืมตาขึ้นมา จึงเห็นทัตดาที่กำลังยืนอยู่ในห้องของตัวเอง จ้องมองตัวเองด้วยความอึ้ง

เขาลงมาจากเตียง แล้วพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนี้ทำไม? จะมาปูผ้าให้อีกแล้วหรอ?”

ทัตดากลืนน้ำลาย จากนั้นถาม “หัว……หัวหน้าครูฝึก คุณเป็นเทพหรอ?”

รพีพงษ์อึ้ง แล้วกล่าว “ถ้าผมเป็นเทพ ก็ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว จะอยู่ที่นี่ทำไม”

“แต่เมื่อกี้ฉันเห็น บนร่างของคุณมีออร่า แล้วคุณยังมีร่างใหญ่ที่ครอบไว้รอบๆคุณด้วย นี่เป็นความสามารถที่เทพเจ้ามีกันไม่ใช่หรอ?” ทัตดากล่าวอย่างไม่เชื่อ

“เมื่อกี้เป็นแค่สิ่งลวงตาที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผมฝึกฝนเสร็จก็เท่านั้น ผมเป็นคนมีชีวิต พอล่ะ ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้ว พูดมาดีกว่าว่าคุณมีธุระอะไร” รพีพงษ์กล่าว

แม้รพีพงษ์จะบอกว่าตัวเองเป็นคนมีชีวิต แต่ทัตดารู้ดี ว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ภาพลวงตาเมื่อกี้ บ่งบอกได้ทุกสิ่ง

อยากจะเข้าใจเรื่องนี้ สายตาของทัตดายืนหยัดขึ้นมา จากนั้นก็หันไปหารพีพงษ์ แล้วถาม “หัวหน้าครูฝึก ที่ฉันมาหาคุณ ความจริงมีเรื่องที่อยากให้คุณช่วย”

“อ๋อ? เรื่องอะไร?” รพีพงษ์ถาม

ทัตดาเริ่มเขินอาย ลูบนิ้วโป้งตอนเองอย่างเคร่งเครียด จากนั้นก็ใช้น้ำเสียงอ้อนแล้วพูดว่า “ฉันอยาก……ให้คุณเป็นแฟนของฉันสักกี่วัน”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท