บทที่950 คุณคือเทพเจ้าหรอ
เวลาต่อจากนี้ไป ทหารมังกรได้เริ่มการฝึกฝนที่ยากเย็นแสนเข็ญที่สุดในประวัติศาสตร์ ฉากในฐานฝึกของทหารมังกรเรียกได้ว่าน่าเวทนาเลยทีเดียว
โดยเฉพาะตอนเริ่มต้นช่วงไม่กี่วันแรกๆ เหล่าทหารมังกรถูกทรมานแบบตายทั้งเป็น การฝึกในทุกๆนาทีเหมือนกับจะฆ่าชีวิตพวกเขาไปให้ได้ วันที่สองมีทหารเกือบครึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองยืนหยัดกับการฝึกฝนที่ทรมานแบบนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว อาจจะตายในระหว่างฝึกได้ คิดว่าจะขอออกจากการฝึกโดยตรง
แต่คนเหล่านี้ถูกชนสรณ์ด่าจนกลับไป บอกว่าพวกเขาทำให้ทหารเสียหน้า ถ้าแม้แต่การฝึกนี้ยังเอาชนะไม่ได้ แล้วพวกเขาจะรับกับภารกิจที่สำคัญของทหารมังกรได้อย่างไรกัน
แม้ชนสรณ์ก็เริ่มรู้สึกว่าต้านทานกับการฝึกฝันระดับนี้ไม่ค่อยไหวแล้ว แต่เขาคือผู้ช่วยหัวหน้าครูฝึกทหารมังกร ถ้าเขากล้ายอมแพ้ เกรงว่ารพีพงษ์จะตบเค้าตายคนแรก
แน่นอน ว่ารพีพงษ์ได้คาดเดาไว้แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ดังนั้นกลางคืนของวันที่สอง ได้เรียกทหารมังกรมารวมตัว เพื่ออธิบายถึงความสำคัญของวิธีการหายใจออก
ทหารมังกร
หลังจากที่เหล่าทหารมังกรได้ทำตามคำอธิบายของรพีพงษ์มาไหลเวียนวิธีการหายใจออก มีความรู้สึกของพลังในร่างกายที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเกิดขึ้นจริงๆ เพราะตอนกลางวันใ้ช้พลังงานไปมาก ดังนั้นตอนกลางคืนที่กำลังไหลเวียนการหายใจออกอยู่นั้น เซลล์ทุกส่วนในร่างกายได้สูบพลังนี้เข้าไป ทำให้พวกเขามีความสุข
วันที่สามในช่วงการฝึก ทุกคนพบว่าเนื่องจากที่ได้ฝึกฝนวิธีการหายใจออก แม้ว่าการฝึกฝนของเมื่อวานจะวิปริตถึงขั้นสุด แต่พวกเราก็ไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยแต่อย่างใด แต่กลับมีชีวิตชีวา
และพลังของพวกเขา เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทหารมังกรผู้ได้ประโยชน์ก็ยกเลิกความคิดที่จะยอมแพ้ไป ถ้าทำตามแผนการฝึกของรพีพงษ์ หนึ่งเดือนให้หลัง พวกเขาจะสามารถถอดรูปแปลงร่างได้จริงๆ
การฝึกฝนทำตามแผนที่เป็นระเบียบของรพีพงษ์ต่อไป บรรยากาศในสนามฝึกเริ่มไม่ตึงเครียด ทุกคนรู้ว่าต่อจากนี้ไปเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนทุกคนต้องทำอะไรบ้าง เพียงแค่ยืนหยัดให้ได้ หลังจากหนึ่งเดือนไปแล้ว พวกเขาก็จะเห็นตัวเองในแบบใหม่
ทัตดา
แม้ทัตดาไม่ต้องเข้าร่วมฝึกซ้อม แต่เพราะตีสี่ของทุกวันรพีพงษ์จะต้องตื่นขึ้นมาดูทุกคนฝึก เธอในฐานะที่เป็นผู้ให้คำแนะนำรพีพงษ์ก็ต้องตื่นมาพร้อมกันด้วย แนะนำการใช้ชีวิตและการจัดการต่างๆของรพีพงษ์
เพราะแปลกประหลาด ทัตดาจึงได้เอาวิธีการหายใจออกจากชนสรณ์มาด้วยหนึ่งฉบับ ฝึกฝนไปพร้อมๆกับทุกๆคน ทัตดาที่เดิมทีเป็นกังวลว่าถ้าตื่นเช้าเกินจะมีผลกระทบต่อผิวพรรณ แต่หลังจากที่ฝึกฝนวิธีการหายใจออกแล้ว เธอรู้สึกว่าผิวหนังของเธอไม่เพียงไม่แย่ลง แต่กลับดูมีออร่าเรียบเนียนขึ้น
นี่ทำให้ทัตดายิ่งรู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่ธรรมดา ในใจเต็มไปด้วยความประหลาดใจต่อรพีพงษ์ มักจะอ้างความเป็นผู้ชี้แนะของรพีพงษ์ ไปหารพีพงษ์ที่ที่พัก อยากดูว่าพอจะเจอความลับอะไรของรพีพงษ์บ้างมั้ย
รพีพงษ์หลีกเลี่ยงทัตดา แต่เธอเป็นผู้แนะนำของตัวเอง ตนก็ไม่สามารถไล่เธอไปได้โดยตรง ดังนั้นหลบได้ก็จะหลบ ถ้าหลบไม่ได้ก็เผชิญหน้า
และในกองทัพมีหลายเรื่องที่ต้องให้ทัตดาจัดการ กำลังของรพีพงษ์มีจำกัด ไม่สามารถทำเองได้ทุกเรื่อง
ช่วงบ่าย ทหารมังกรอยู่ภายใต้การนำของชนสรณ์ กำลังเข้าร่วมการทำสงครามเสมือนจริง เพราะการฝึกเริ่มเข้าที่ รพีพงษ์ไม่จำเป็นต้องเฝ้าตลอดเวลาแล้ว ดังนั้นตอนนี้รพีพงษ์กำลังอยู่ในห้องตัวเอง ฝึกฝนวิชาจิตวิญญาณเทพ
สองขาของรพีพงษ์นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง สองมือประสานกันเป็นตราที่แปลกประหลาด แล้วยังคงที่อยู่ในท่านี้ไม่ขยับ เหมือนกำลังนั่งสมาธิอยู่
แต่ถ้าตอนนี้มีคนที่มีจิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์มาที่นี่ ก็สามารถเห็นพลังรอบๆตัวรพีพงษ์ที่ลอยอยู่เป็นออร่า พลังพวกนี้ผ่านสมองของรพีพงษ์ไปอย่างไม่หยุดยั้ง รวมกันที่ดวงจิตนั้นในสมองของรพีพงษ์
ดวงจิตในสมองรพีพงษ์ขณะนี้รวมกันได้ดีกว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก ออร่าที่อยู่รอบๆตัวก็ชัดเจนขึ้น พลังจิตวิญญาณเทพก็แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก
หลังจากที่ได้จิตวิญญาณเทพของตระกูลตรีศาสตร์มาแล้ว รพีพงษ์ฝึกฝนทุกวัน ความจะไม่เร็ว แต่รพีพงษ์รู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณเทพของตัวเองแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ความเร็วในการฟื้นฟูกระบี่สยบเซียน ก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเร็ว
ก่อนหน้านี้เขาได้ทดลองแผนผังค่ายกลวิเศษนั้นที่ได้มาจากตระกูลนนท์สัจทัศน์ ตอนนั้นเขาคิดว่าด้วยจิตวิญญาณเทพของตัวเอง ไม่พอที่จะปล่อยใช้วิชากระบี่
แต่จากการที่ฝึกฝนจิตวิญญาณเทพในช่วงนี้ รพีพงษ์รู้สึกว่าพลังจิตวิญญาณเทพของตนแข็งแกร่งขึ้นตลอดเวลา เชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน เขาก็สามารถใช้พลังแผนผังค่ายกลวิเศษนั้นได้แล้ว
ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์เสร็จสิ้นการฝึกฝน หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆพลังที่อยู่รอบๆก็ถูกดูดเข้าไป ขณะนี้ออร่าจิตวิญญาณของเขา ปรากฏกลลวงตาออกมารอบๆตัวของรพีพงษ์
กลลวงตารพีพงษ์ มีออร่าที่ใหญ่มากประกายสีทองคลุมตัวรพีพงษ์เอาไว้ เหตุการณ์นี้ทำให้รพีพงษ์ดูประหลาด เหมือนกับเทพจุติมาเกิด
ในขณะเดียวกันนี้ ทัตดาผลักประตูเข้ามาในห้องของรพีพงษ์ เห็นฉากที่รพีพงษ์สิ้นสุดการฝึกฝนจิตวิญญาณเทพพอดี
ทัตดาเดิมทีที่คิดว่าจะเรียกชื่อรพีพงษ์แว็บเดียวก็แข็งอยู่กับที่ มองรพีพงษ์ที่ประกายแสงสีทองรอบๆตัวอย่างยากที่จะเชื่อได้
ขณะนี้ ทัตดารู้สึกว่าตัวเองเห็นเทพจุติมาเกิด
เพราะตอนเสร็จสิ้นรพีพงษ์ไม่ได้ปล่อยพลังจิต ดังนั้นจึงไม่เห็นว่าทัตดาเข้ามาในห้องของตัวเอง เมื่อเขาเสร็จสิ้นการฝึกฝน ลืมตาขึ้นมา จึงเห็นทัตดาที่กำลังยืนอยู่ในห้องของตัวเอง จ้องมองตัวเองด้วยความอึ้ง
เขาลงมาจากเตียง แล้วพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนี้ทำไม? จะมาปูผ้าให้อีกแล้วหรอ?”
ทัตดากลืนน้ำลาย จากนั้นถาม “หัว……หัวหน้าครูฝึก คุณเป็นเทพหรอ?”
รพีพงษ์อึ้ง แล้วกล่าว “ถ้าผมเป็นเทพ ก็ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว จะอยู่ที่นี่ทำไม”
“แต่เมื่อกี้ฉันเห็น บนร่างของคุณมีออร่า แล้วคุณยังมีร่างใหญ่ที่ครอบไว้รอบๆคุณด้วย นี่เป็นความสามารถที่เทพเจ้ามีกันไม่ใช่หรอ?” ทัตดากล่าวอย่างไม่เชื่อ
“เมื่อกี้เป็นแค่สิ่งลวงตาที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผมฝึกฝนเสร็จก็เท่านั้น ผมเป็นคนมีชีวิต พอล่ะ ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้ว พูดมาดีกว่าว่าคุณมีธุระอะไร” รพีพงษ์กล่าว
แม้รพีพงษ์จะบอกว่าตัวเองเป็นคนมีชีวิต แต่ทัตดารู้ดี ว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ภาพลวงตาเมื่อกี้ บ่งบอกได้ทุกสิ่ง
อยากจะเข้าใจเรื่องนี้ สายตาของทัตดายืนหยัดขึ้นมา จากนั้นก็หันไปหารพีพงษ์ แล้วถาม “หัวหน้าครูฝึก ที่ฉันมาหาคุณ ความจริงมีเรื่องที่อยากให้คุณช่วย”
“อ๋อ? เรื่องอะไร?” รพีพงษ์ถาม
ทัตดาเริ่มเขินอาย ลูบนิ้วโป้งตอนเองอย่างเคร่งเครียด จากนั้นก็ใช้น้ำเสียงอ้อนแล้วพูดว่า “ฉันอยาก……ให้คุณเป็นแฟนของฉันสักกี่วัน”