พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่953 เขาสิบคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม

บทที่953 เขาสิบคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม

บทที่953 เขาสิบคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม

เมธชนันเห็นรพีพงษ์ไม่ก้าวร้าวหรือถ่อมตัวจนเกินไป แล้วยังบอกว่าตัวเองไม่ได้ปลอมตัวอีก ก็เลยเกิดโมโหขึ้นมา

“เด็กน้อย แกมองว่าฉันเช็คตัวตนของแกไม่ได้หรือไง? ฉันอยู่กองทัพมานานขนาดนี้ ถ้าต้องการเช็คเรื่องเล็กๆแค่นี้ ไม่ยาก”

พูดจบ เมธชนันหันไปหาคนข้างแล้วกล่าว “ไปเอามือถือฉันมา”

คนนั้นรีบพยักหน้า แล้วไปเอามือถือ

ทุกคนมองไปที่รพีพงษ์และทัตดาด้วยความแปลกใจ ถกเถียงกันไม่หยุด

“คิดไม่ถึงว่าคุณหนูจะพาผู้ชายกลับมาจริงๆนะเนี่ย ที่ผ่านมาเขาก็แค่ล้อเล่นกับคุณท่าน คุณท่านไม่คิดว่าจะจริง ดูๆไปครั้งนี้เอาจริงแล้วล่ะ”

“ที่สำคัญคือคนที่คุณหนูพามามันแย่มากเลยนะ รูปลักษณ์ธรรมดาก็ว่าแล้ว แล้วยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอีก ทหารมังกรคือทหารเก่งกาจที่สุดของประเทศจีนนะ การที่จะเป็นหัวหน้าครูฝึกได้นั้น ต้องเป็นคนที่มีฝีมือสะท้านฟ้า เขาไม่ดูตัวเองเลย พูดออกมาไม่อายเลยสักนิด”

“เห็นปู่หลานตระกูลธนาพัชร์กุลทั้งสองสีหน้าไม่ดีเลยนะ เดี๋ยวถ้าหาเจอว่าเด็กนี่มันปลอมตัวล่ะก็ คุณท่านไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ ปู่หลานตระกูลธนาพัชร์กุลต้องลำบากแล้วล่ะ”

……

ไม่นาน คนนั้นที่ไปเอามือถือมาถึงตรงหน้าของเมธชนัน เมธชนันกดโทรออก หลังจากที่พูดอะไรแล้ว ก็วางสาย

ไม่ถึงสองนาที เมธชนันก็ได้รับเอกสารจากฐานทัพ เป็นข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับหัวหน้าครูฝึกคนใหม่ของทหารมังกร

“เด็กน้อย ตอนนี้ฉันได้รับเอกสารเกี่ยวกับหัวหน้าครูฝึกทหารมังกรแล้ว ถ้าแกรู้จักกาลเทศะอยู่ล่ะก็ รีบขอโทษซะ แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชัดเจน ฉันจะเห็นแก่ทัตดาที่ให้แกมาแสดงละคร ไม่เอาเรื่องแก”

“แต่ถ้าแกยังไม่ยอมรับล่ะก็ รอให้ฉันดูเอกสารนี้ก่อน ถ้าแกคิดจะออกจากคฤหาสน์ตระกูลจันวราสกุลของฉันไปอย่างปลอดภัยโดยสวัสดิภาพนั้น ยาก”

เมธชนันจ้องรพีพงษ์แล้วดูแคลน

รพีพงษ์ยักไหล่ แล้วกล่าว “ตามสบาย”

เห็นท่าทีของรพีพงษ์ยังคงเหยียดหยัน เมธชนันก็หลับตา จากนั้นก็ดูเอกสารที่อยู่ในมือถือของเขา คิดว่าหลังจากที่รู้ความจริงแล้ว จะต้องเล่นงานไอ้เด็กที่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอย่างแน่นอน

ผู้คนที่อยู่ในห้องรับแขกรู้สึกว่ารพีพงษ์คิดว่าตัวเองใหญ่ คิดว่าเขาต้องไม่รู้แน่เลยว่าในอดีตเมธชนันเป็นบุคคลสำคัญของกองทัพ ดังนั้นจึงได้ไม่หวาดหวั่นขนาดนี้

เมธชนันจ้องไปที่เอกสาร เห็นด้านในเขียนว่าชื่อหัวหน้าครูฝึกคนใหม่ รพีพงษ์

ใต้ชื่อ เป็นรูปของรพีพงษ์ หลังจากที่เมธชนันเห็นรูปนั้นแล้ว ก็ตาโต จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาเทียบกับรพีพงษ์ พบว่าทั้งสองเหมือนกัน

เขาคิดว่าตัวเองตาลาย จึงได้ดูอีกหลายครั้ง หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าคนที่เขียนอยู่บนเอกสารนั้น คือรพีพงษ์ที่ขณะนี้ยืนอยู่ในห้องรับแขกแล้วนั้น

เขาถึงขั้นสงสัยว่าเอกสารฉบับนี้เป็นของปลอม แต่เอกสารเป็นเพื่อนเก่าของเขาที่อยู่ในกองทัพส่งมาให้ คนนั้นให้เอกสารมา ไม่มีทางเป็นเท็จได้

ดังนั้นทำได้เพียงบอกว่า รพีพงษ์ เป็นหัวหน้าครูฝึกของทหารมังกรจริง

รพีพงษ์เห็นสีหน้าของเมธชนันเปลี่ยนไป จึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาหัวเราะแล้วกล่าว “คุณท่าน ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังคงสงสัยในตัวตนของผมอยู่อีกหรือไม่?”

เมธชนันเงยหน้าขึ้น หน้านิ่ง ต่อให้รพีพงษ์จะเป็นหัวหน้าครูฝึกทหารมังกร เขาก็รู้สึกไม่ดีกับรพีพงษ์อยู่ดี

“ไม่รู้จริงๆว่าไอ้พวกนั้นที่อยู่ในกองทัพคิดจะทำอะไร ให้ไอ้โง่เป็นหัวหน้าครูฝึก ทั้งประเทศจีน หาหัวหน้าครูฝึกทหารมังกรที่เหมาะสมกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือไง? ผิดหวังที่สุด” เมธชนันพึมพำกับตัวเอง

จากนั้นเขาก็มองรพีพงษ์ แล้วกล่าว “แม้แกจะเป็นหัวหน้าครูฝึกทหารมังกร อย่าคิดที่จะได้หลานสาวฉันไป ไม่มีใครรู้ว่าแกใช้อะไรถึงได้เป็นหัวหน้าครูฝึกได้ ตัวตนนี้ของแก ฉันไม่ยอมรับ”

หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำพูดของเมธชนันแล้ว ก็ตะลึง ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะเป็นหัวหน้าครูฝึกทหารมังกรจริงๆ นี่มันเหนือความคาดหมายของพวกเขาจริงๆ

พวกเขาได้เกิดความคิดแบบเดียวกับเมธชนัน คือที่รพีพงษ์สามารถเป็นหัวหน้าครูฝึกทหารมังกรได้นั้น ต้องใช้วิธีสกปรกอะไรแน่ๆ

ปรวีร์หลับตาลง คนอย่างรพีพงษ์สามารถเป็นหัวหน้าครูฝึกทหารมังกรได้ ดูๆแล้วทหารมังกรอะไรนี่ ก็ไม่ได้เป็นกองทัพที่เก่งกาจอะไรนักหรอก

ในฐานะที่เป็นคนของวงการบู๊ และเป็นยอดฝีมือแดนครึ่งปรมาจารย์คนหนึ่ง ปรวีร์รู้สึกว่าตัวเองจะต้องเก่งกว่าหัวหน้าครูฝึกคนใหม่ของทหารมังกรอะไรนี่อย่างแน่นอน

ทัตดาเห็นเมธชนันได้เช็คตัวตนของรพีพงษ์แล้ว แต่ก็ยังไม่พอใจกับท่าทีของเขาอยู่ จึงได้ร้อนรนขึ้นมา “คุณปู่ หัวหน้าครูฝึกทหารมังกรคืออะไรก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ทำไมคุณปู่ต้องเหยียดรพีพงษ์ขนาดนี้?”

“แกจะเข้าใจอะไร ฉันวางแผนเรื่องคู่ให้แกแล้ว ท่านนี้คือพรภวิษย์ เป็นปรมาจารย์แดนดั่งเทพของวงการบู๊ นี่คือหลายชายของเขา ปรวีร์ อัจฉริยะที่หาได้ยากในวงการบู๊ แต่อายุยี่สิบสี่ปี เป็นแดนครึ่งปรมาจารย์ได้ แกกับเขาสิ จึงจะเมหาะสมกัน” เมธชนันแนะนำพรภวัษย์และปรวีร์สองคนให้รู้จัก

ทัตดามองปรวีร์ พบว่าปรวีร์ก็กำลังมองเธอด้วยสายตามั่นใจตัวเอง เห็นตัวเองมองไป เขายังยืดอกขึ้นอีก

ปรวีร์ถือว่าหล่อ และบุคลิกภาพดี พรสวรรค์ล้นหลาม ถือว่าเป็นอัจฉริยะหนึ่งในหมื่นคนจริงๆ

แต่ทัตดามองปรวีร์แว็บแรก ก็รู้สึกว่าปรวีร์ไม่ใช่สไตล์ที่เธอชอบ เธอไม่สนใจ อัจฉริยะอย่างปรวีร์

“อนาคตหนูจะแต่งกับใคร หนูเลือกเอง คุณปู่ว่าเหมาะสม แต่หนูไม่โอเค ชาตินี้หนูยอมรับแค่รพีพงษ์เพียงคนเดียว ไม่ว่าใครก็ไม่มีประโยชน์” ทัตดาพูดอย่างเกรี้ยวกราด

เมธชนันโมโห คิดไม่ถึงว่าหลานสาวของตัวเองจะไม่รู้เรื่องขนาดนี้

เขากำลังจะสั่งสอนทัตดา ในขณะเดียวกันนี้พรภวัษย์ที่ไม่พูดใดๆมาโดยตลอดก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ทัตดาหาคนที่ตัวเองชอบได้นั้น เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่หลานชายของฉันก็ไม่ได้แย่ไปกว่าหัวหน้าครูฝึกทหารมังกรเลยนะ หนูยังไม่ได้ทำความรู้จักกับปรวีร์เลย จะรู้ได้ไงว่าไม่เหมาะสมกัน ดังนั้นฉันแนะนำนะ ให้ปรวีร์ต่อสู้กับน้องชายคนนี้สักตั้ง คิดว่าไง ดีมั้ย?”

เมธชนันตาลุกวาว แล้วกล่าว “ไม่เลว ในเมื่อแกรับรพีพงษ์ ก็ต้องให้ฉันเห็นความสามารถของมัน ให้มันต่อสู้กับปรวีร์สักตั้ง แล้วแกจะรู้ว่าใครเหมาะสมกับแกมากกว่ากัน”

ทัตดาเซ็ง ในความคิดเธอ เหมาะไม่เหมาะสม ไม่ใช่ต่อสู้แล้วจะรู้ แต่ความคิดของเมธชนันโบราณ เธอเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้

เธอหันไปมองรพีพงษ์ วันนี้ทำได้เพียงมอบความหวังให้กับรพีพงษ์แล้ว

รพีพงษ์ก็ค่อนข้างสนใจ ในเมื่อสามารถตัดสินด้วยการต่อสู้ได้ ก็ง่ายขึ้นมาก

“เอาจริงๆ เขาสิบคน ก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของผมอยู่ดี”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท