พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่956 ฐานยิน

บทที่956 ฐานยิน

บทที่956 ฐานยิน

พรภวิษย์มองคนที่จู่ๆก็ปรากฏกลางสนาม สีหน้าถอดสี จากนั้นก็ส่งเสียงตกใจว่า “ฐานยิน! แก!”

ผู้ที่ถูกเรียกว่าฐานยินเป็นผู้เฒ่าร่างผอมเพศชายที่สวมฉางผาวผ้าลินิน หนวดยาว จมูกงุ้มแบบเหยี่ยว ดูลักษณะแล้วชั่วร้าย

ฐานยินจ้องพรภวิษย์ดูแคลน แล้วกล่าว “เหอะเหอะ โครตแม่งเอ้ย ตอนนั้นมึงมายุ่งเรื่องของกู ถ้าไม่ใช่เพราะมึง หญิงงามคนนั้นเป็นของกูไปนานแล้ว เรื่องนี้กูไม่มีทางลืมได้ตลอดชีวิต”

“วันนี้ กูจะล้างแค้นมึง และให้มึงรู้ ว่าไอการที่มึงมายุ่งเรื่องของกูจะพบกับจุดจบยังไง!”

พรภวิษย์มองไปรอบๆ จากนั้นก็รีบพูดกับเมธชนันว่า “คนนี้เป็นคู่แค้นของฉันเมื่อหลายปีก่อน ไม่คิดว่าวันนี้จะมาหาถึงที่ ความสามารถของมันยากที่จะคาดเดาได้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ คุณรีบพาพวกเขาออกไปให้ไกลๆ”

เมธชนันเคร่งเครียด เขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลังที่ออกมาจากฐานยิน ว่าเก่งกว่าพรภวิษย์

การต่อสู้ระหว่างแดนดั่งเทพ พวกเขาไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้

เขาตะโกนใส่ทุกคนของตระกูลจันวราสกุลแล้วเพื่อนเหล่านั้นว่า “ทุกคนกลับไปคฤหาสน์กับผม เรื่องนี้ พรภวิษย์จะจัดการเอง”

ทุกคนรู้ดีจู่ๆก็ปรากฏคนที่ไม่ควรแตะต้องมากะทันหัน ดังนั้นจึงรีบเข้าไปในคฤหาสน์กับเมธชนันทันที

เป้าหมายของฐานยินในวันนี้คือพรภวิษย์ ดังนั้นจึงไม่สนใจคนอื่น

พรภวิษย์หันไปมองปรวีร์ แล้วกล่าว “ฐานยินนี้มันซับซ้อน วันนี้เกรงว่าจะไปคงไม่ได้แล้ว เดี๋ยวฉันจะต่อสู้กับมัน ถ้าเห็นฉันท่าไม่ดี แกรีบหนีไป อนาคตถ้าฝีมือดีแล้ว ค่อยล้างแค้นให้ฉัน ”

ปรวีร์รู้ว่าพรภวิษย์ไม่ได้ล้อเล่น จึงได้พยักหน้า

ตอนนี้เขาทำได้เพียงเชื่อฟังพรภวิษย์ เพราะแดนครึ่งแดนปรมาจารย์ ในสายตาของแดนดั่งเทพ ไม่ต่างอะไรกับมด

รพีพงษ์อยากสนใจฐานยิน จากลักษณะท่าทางแล้ว ความสามารถของคนนี้น่าจะเป็นแดนดั่งเทพขั้นกลางแล้ว ถือว่าเป็นยอดฝีมือที่รพีพงษ์รู้มา รองจากธัชธรรมและนิรภัฏสองคน

แต่นี่คือความแค้นระหว่างพรภวิษย์และฐานยิน เขาเข้าไปยุ่งไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้อยู่เงียบๆจะดีกว่า

ในคฤหาสน์ที่ทุกคนกลับไปพร้อมกับเมธชนัน เปิดม่านหน้าต่างอยู่ในคฤหาสน์ เพื่อดูสถานการณ์ด้านนอก

พรภวิษย์เห็นทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์แล้ว ในใจก็เป็นกังวลน้อยลง แล้วหันไปมองฐานยินอย่างโกรธา

“ฐานยิน มึงไอ้เลว ตอนนั้นจะชิงพรหมจรรย์ของหญิงสาวเค้าไป แล้วยังให้เธอเป็นเครื่องมือในการฝึกวิทยายุทธ เรื่องไร้ซึ่งคุณธรรมแบบนี้ กูเห็นเข้าจะนิ่งเฉยไม่ได้หรอก วันนี้มึงยังมีหน้ามากูอีก ตลกฉะมัด!” พรภวิษย์ดูแคลน

ฐานยินเยาะเย้ย แล้วกล่าว “ถ้าไม่ใช่เพราะมึงเข้ามายุ่ง กูก็ไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนี้ จึงจะบรรลุได้!”

“ฐานยิน จะบอกให้นะ ปัจจุบันนี้ ตอนนี้กูเป็นแดนดั่งเทพขั้นกลาง แค้นหนี้ต้องชำระ แค้นในปีนั้น วันนี้ต้องชำระให้ได้!”

สีหน้าพรภวิษย์เปลี่ยนเป็นดุดัน แต่ไม่นานก็นิ่งสงบลง แม้ความสามารถของเขาเพียงแดนดั่งเทพขั้นต้น แต่ถ้าต่อสู้กันจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องแพ้ให้ฐานยินเสมอไป

“แดนดั่งเทพขั้นกลางแล้วไง อย่างแกสำส่อนขนาดนี้ แม้ฝีมือจะแข็งแกร่ง น่าจะไตอ่อนแอไปนานแล้ว!”

พรภวิษย์ตะโกน ไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ พุ่งไปที่ฐานยินโดยตรง

ฐานยินหลับตา ชาตินี้เขาเกลียดที่สุดคือคนอื่นว่าเขาว่าไตอ่อนแอ พรภวิษย์ได้พูดกระทบจิตใจเขาอย่างที่สุดแล้ว

บนมือเขา ปรากฏแสงขึ้นมา จากนั้นออร่าลักษณะที่เป็นมีดได้ปรากฏอยู่บนมือของเขา

หลังจากที่พรภวิษย์พุ่งไปข้างหน้าของฐานยิน ทันใดนั้นในมือก็ปรากฏแส้ยาว ฟาดไปที่ฐานยิน

ฐานยินใช้มีดที่อยู่ในมือขวางแส้ไว้ ทันใดนั้น ลำแสงดาบได้ฟันไปที่พรภวิษย์

พรภวิษย์ไม่กล้าตั้งรับท่านี้ของฐานยิน แต่ลอยอย่างเร็ว แล้วหลบ

ลำแสงดาบฟันไปที่ประตูรั้วของคฤหาสน์ ตัดเหล็กของประตูรั้วขาดเป็นท่อน จากนั้นก็ไปอีกไกล

ผู้คนที่อยู่ในคฤหาสน์เห็นเหตุการณ์นี้ก็ตาโต ไม่คิดว่าพลังทำลายล้างของแดนดั่งเทพจะน่ากลัวได้ขนาดนี้

ถ้าลำแสงเมื่อกี้ฟาดไปที่พวกเขาล่ะก็ ผู้คนเกือบครึ่งอาจต้องเสียชีวิต

“นี่คือพลังของแดนดั่งเทพหรอ น่ากลัวไปนะ?” ทัตดาพึมพำกับตัวเอง

จากนั้นเธอก็หันไปมองรพีพงษ์ ตอนนั้นที่เธอเข้าไปเห็นรพีพงษ์นั้น ก็เห็นเป็นภาพลวงตา และรู้สึกว่าประหลาดกว่าแดนดั่งเทพทั้งสองที่กำลังประลองกันอยู่

“น่าจะเป็นเพราะฉันคิดมากไป ต่อให้พรสวรรค์ของรพีพงษ์จะเยี่ยมขนาดไหน ก็ไม่มีทางเก่งกว่าพวกเขาได้ เขาก็พูดเอง ว่าเขาเป็นแดนครึ่งดั่งเทพ ต้องไม่เก่งเท่าด้านนอกสองคนนั้นแน่นอน” ทัตดาพึมพำ

สีหน้าปรวีร์เคร่งเครียด เขาสังเกตเห็นพรภวิษย์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากเย็น แม้จะไม่รู้ว่าใครเก่งกว่าใครอ่อนกว่า แต่ตอนนี้ชักจะไม่ไหวแล้ว

“คุณปู่ คุณปู่ต้องชนะมันให้ได้นะ!” ปรวีร์กำหมัดแน่น ในสมองได้เตรียมใจไว้บ้างแล้ว

ประตูคฤหาสน์ของตระกูลจันวราสกุลเป็นป่าละเมาะ เพื่อไม่ให้การประลองกระทบกับคนในคฤหาสน์ พรภวิษย์จึงได้พุ่งไปที่ป่าละเมาะนั้น

ทุกคนในคฤหาสน์ไม่สามารถมองการประลองที่อยู่ในป่าละเมาะได้ แต่ก็กลัวว่าจะโดนลูกหลง ดังนั้นจึงไม่กล้าออกไป

แต่เสียงจากภายนอกด้านนอกดีงสนั่น และแว็บๆพลังที่ปล่อยออกมาทำให้พวกเขารับรู้ได้ แค่พวกนี้ ก็ทำให้พวกเขาใจสั่นแล้ว

ผ่านไปไม่นาน ต้นไม้ในป่าละเมาะเริ่มหล่นลงมาเป็นแผ่นๆ ทุกคนพอจะได้เห็นบ้างบางเหตุการณ์

ไม่นาน มีร่างพุ่งเข้ามาในคฤหาสน์ เป็นร่างของพรภวิษย์

พรภวิษย์ขณะนี้เต็มไปด้วยเลือด อยู่ในสถานการณ์ลำบาก เสื้อผ้าก็ขาดรุ่งริ่ง ตอนที่พุ่งเข้ากับคฤหาสน์นั้น ก็ล้มลง

พรภวิษย์ที่พุ่งเข้ามาในคฤหาสน์โบกมือ ส่งสัญญาณให้เขารีบหนีไป

ปรวีร์เห็นคุณปู่ของตัวเองท่าทางอนาถ จะหนีได้ยังไงกัน อยากจะเข้าไปช่วยเขาในบัดนั้น

ขณะนี้ฐานยินได้ตามมาจากด้านหลัง เขาหยุดอยู่ด้านหลังของพรภวิษย์ ด้วยความดูแคลน แล้วกล่าว “ไอ้เลว จะหนีหรอ ไม่ง่ายหรอกนะ!”

“ถ้ากูเดาไม่ผิดล่ะก็ หลานชายของมึงอยู่ในกลุ่มนี้ใช่มั้ย? วางใจได้ รุ่นหลังของมึง กูจะไม่ปล่อยไว้สักคน”

พูดจบ ฐานยินก็มองไปที่หน้าต่าง

“หลายชายของไอ้เลวพรภวิษย์ รีบออกมา แล้วก็สาวสวยคนนั้นด้วย มึงก็ออกมาด้วย เพียงแค่พวกมึงทั้งสองเชื่อฟัง วันนี้กูจะไม่ทำอะไรใคร ไม่งั้น พวกมึงทุกคนที่อยู่ที่นี่ จะต้องตายไปพร้อมกับไอ้เลวพรภวิษย์!”

พูดพลาง เขาก็ยกมือขึ้น ชี้ไปที่หน้าต่าง สายตาทอดไปที่ ทัตดาผู้สวยงาม

ของดีขนาดนี้ ไอ้เลวฐานยิน จะพลาดได้ยังไง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท