พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่958 กูเป็นแค่แดนครึ่งดั่งเทพ

บทที่958 กูเป็นแค่แดนครึ่งดั่งเทพ

บทที่958 กูเป็นแค่แดนครึ่งดั่งเทพ

หล้งจากที่ยืนถนัดในสนามแล้ว ฐานยินหลับตามองรพีพงษ์ ท่าทาง ปรากฏความตะลึงออกมา

“เด็กน้อย ทำไมมึงแปลกประหลาดขนาดนี้ กำลังถืออาวุธอยู่แท้ๆ แต่กลับมีพลังแดนดั่งเทพ มึงไม่รู้จักเน่ยจิ้งหรอวะ?” ฐานยินถาม

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “กูเป็นแค่แดนครึ่งดั่งเทพ ดังนั้นจึงต้องใช้อาวุธเข้ามาช่วยในการปล่อยพลัง”

ฐานยินตาโต นี่เป็นครึ่งแรกที่เขาได้ยินแดนครึ่งดั่งเทพ

ในขณะเดียวกันในใจของเขาได้ตะลึงกับพรสวรรค์และของรพีพงษ์ เด็กนี่ดูๆไปอายุราวๆยี่สิบกว่าปี คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแดนครึ่งดั่งเทพอะไรนั่นแล้ว ชั่งน่ากลัวจริงๆ

แต่ถึงแม้จะมีพรสวรรค์ที่เก่งกาจ รพีพงษ์ก็ยังไม่ถึงขั้นแดนดั่งเทพจริงๆ สำหรับฐานยิมแล้ว ไม่มีความน่ากลัวใดๆ

เพียงแค่เขาฆ่ารพีพงษ์ตั้งแต่ตอนนี้ พรสวรรค์และพลังทั้งหมด ก็แค่หายไปกับอากาศเท่านั้น

“เด็กน้อย มึงพรสวรรค์ดีขนาดนี้ ยังจะมาหาที่ตายอีก สมองมีปัญหาจริงๆ มึงคิดว่าพรสวรรค์มึงดี และจะมาต่อกรกับแดนดั่งเทพได้งั้นหรือ?” ฐานยินเยาะเย้ยแล้วถาม

รพีพงษ์ยิ้ม แลเวกล่าว “บางทีกูอาจจะพึ่งพรสวรรค์นี้ชนะมึงก็ได้นะ”

“ฝันไปเถอะ” ฐานยินกล่าวอย่างไม่เกรงใจ

พรภวิษย์ที่ล้มลงกับพื้นส่ายหน้าอย่างเซ็ง แล้วพึมพำ “เสียดายจริงๆ ด้วยพรสวรรค์ของเขา จะเป็นแดนดั่งเทพ ก็เป็นแค่ปัญหาเรื่องเวลาเท่านั้น ถ้าเขาสามารถอดทนได้ อนาคตสามารถล้างแค้นฐานยินได้แน่นอน ตอนนี้ออกมา ก็เหมือนหาที่ตาย”

รพีพงษ์ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถือมุรามาสะแล้วเดินออกไปข้างนอก ในร่างกายไหลเวียนพลังวิเศษเสน อยู่รอบๆกระบี่

ฐานยินเห็นดังนี้ ก็ไม่พูดอะไรต่อ บนฝ่ามือ ดาบนั้นโผล่ขึ้นมาอีกครั้งในมือของเขา

“จากนี้ไปกูจะให้มึงลิ้มลอง แดนดั่งเทพของจริง ฝีมือเป็นยังไง!”

เมื่อพูดจบ ลำแสงของดาบได้ฟาดไปที่รพีพงษ์ พลังมหาศาล สะเทือนฟ้าดิน

รพีพงษ์ไม่เชื่องช้า ใช้พลังทั้งหมดที่มีทันที รวบรวมไปที่กระบี่ แล้วฟันไปด้านหน้า

มุรามาสะกับลำแสงดาบชนเข้าด้วยกัน ทั้งสองเกิดการสั่นสะเทือนที่น่ากลัวเกิดขึ้น กระจายไปรอบๆ

กระจกที่คฤหาสน์ที่อยู่ด้านหลังรพีพงษ์แตกเป็นเสี่ยงๆ คนที่ยืนอยู่ในคฤหาสน์ถูกแรงดันนี้ทำให้ล้มลงไป

แม้ท่าที่จะกินแรงรพีพงษ์ แต่ก็ได้ทำลายพลังของฐานยินสำเร็จ

ฐานยินเห็นเหตุการณ์นี้ ก็คิ้วกระตุก ราวกับไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะตั้งรับท่านี้ของเขาได้

เพราะพลังทั้งหมดของแดนดั่งเทพขั้นกลางของเขา ไม่ใช่คนที่เป็นแดนครึ่งอย่างเขาจะรับได้

ความจริงรพีพงษ์ก็ยังสงสัยกับความสามารถของเขาในตอนนี้อยู่เช่นกัน แม้เขาจะหยุดอยู่ที่แดนครึ่งดั่งเทพ แต่ด้วยเวลา พลังวิเศษเสนที่อยู่ในร่างกายของเขาได้เพิ่มขึ้นตลอด

ตามที่เขาได้วิเคราะห์ว่าตัวเองเป็นแดนครึ่งดั่งเทพนั้น คือตัวเองยังไม่เป็นพลังวิเศษเสนชั้นยอด แต่จนถึงปัจจุบันนี้ ราวกับว่าพลังเกินจากแดนดั่งเทพขั้นต้นไปแล้ว

ตอนนี้ความแตกต่างของรพีพงษ์กับแดนดั่งเทพ ไม่สามารถแยกจากพลังวิเศษเสนได้ อย่างอื่นรพีพงษ์ก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองจะแตกต่างจากแดนดั่งเทพซักเท่าไหร่

ก่อนหน้านี้รพีพงษ์คิดมาตลอดว่าพลังวิเศษเสนคือขั้นสูงกว่าของเน่ยจิ้ง ลำดับเลื่อนขั้นแดนของทั้งสองก็น่าจะไม่ต่างกัน แต่จากการพัฒนาพลังของตัวเอง รพีพงษ์ก็ได้พบความแตกต่างของทั้งสองอย่างช้าๆ

เน่ยจิ้งเสร็จสมบูรณ์ คือปรมาจารย์ แต่รพีพงษ์ห่างจากพลังวิเศษเสนพลังวิเศษเสนชั้นยอดอีกหนึ่งขั้น ก็จะมีฝีมือแดนดั่งเทพ

ระหว่างทั้งสองมีความแตกต่างค่อนข้างมากอยู่

รพีพงษ์คิดว่าถ้าตัวเองเป็นพลังวิเศษเสนชั้นยอด พลังน่าจะไม่ธรรมดาเหมือนแดนดั่งเทพขั้นต้นแบบนั้นแน่นอน

ไม่คิดอะไรมาก หลังจากที่รพีพงษ์ได้รับท่านั้นของฐานยินแล้ว ก็ได้ลอยไปที่ป่าละเมาะที่อยู่ทางนั้นโดยเร็ว เดี๋ยวคนในคฤหาสน์จะได้ไม่โดนลูกหลงจากการประลอง

ฐานยิงเห็นดังนี้ ก็รีบตามไปอย่างเร็ว พร้อมกับลำแสงดาบในมือได้ฟาดลงไปอีกครั้ง

รพีพงษ์รีบหลบ ให้ลำแสงนั้นผ่าไปที่ต้นไม้ ต้นไม้จำนวนมากล้มลง

ทุกคนในคฤหาสน์เห็นทั้งสองไปต่อสู้กันด้านหน้า ก็โล่งอกไป

ทัตดามองไปที่ยังที่ๆรพีพงษ์พุ่งไปอย่างเคร่งเครียด ด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“รพีพงษ์ คุณจะต้องไม่เป็นไรนะ”

แดนของรพีพงษ์ห่างจากฐานยินหนึ่งแดน แต่เขามีพลังจิต สามารถเข้าใจกิริยาทุกย่างก้าวของฐานยินได้ เตรียมพร้อมตั้งรับท่าของฐานยินล่วงหน้าได้

แบบนี้รพีพงษ์ก็ไม่ต้องรับท่าของฐานยินอย่างยากลำบากอีก ถ้าต้องหลบก็จะได้หลบไปก่อน

ฐานยินรู้สึกแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมรพีพงษ์ถึงเดาจากโจมตีของเขาได้ทุกครั้ง

เขาคือยอดฝีมือแดนดั่งเทพขั้นกลาง คู่ต่อสู้เป็นเพียงเด็กแดนครึ่งดั่งเทพ ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าจะแพ้หรือชนะ

ฐานยินที่ร้อนรนเริ่มหวาดหวั่นขึ้นมา พลังในมือเริ่มดุดันขึ้นอย่างมาก

ในสถานการณ์แบบนี้ แม้รพีพงษ์มีพลังจิตเข้ามาช่วย ก็ยากที่จะต่อกรได้ เพราะพลังของทั้งสองมีความแตกต่างกันมาก

เมื่อนึกถึงถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปตัวเองอาจจะถูกฐานยินบีบจนไม่สามารถโต้กลับได้ รพีพงษ์ได้ใช้วิธีลับเพิ่มพลังตัวเอง

จนกระทั่งตอนนี้ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้รพีพงษ์ต่อกรกับฐานยินได้อย่างทัดเทียมกัน

ในขณะเดียวกันนี้ ดวงจิตที่อยู่ในสมองของรพีพงษ์กำลังทำท่าซับซ้อน รอบๆตัวมีออร่าสีทองปรากฏอยู่ ดูๆไปค่อนข้างแปลกประหลาด

แต่ฉากนี้ปรากฏแค่ในสมองของรพีพงษ์เท่านั้น ฐานยินมองไม่เห็น

หลังจากที่ใช้วิธีลับแล้ว พลังของรพีพงษ์ก็เพิ่มขึ้นทันใด ด้วยเหตุนี้รอบๆข้างเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมา

ฐานยินหลับตาลงเช่นกัน ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้ เริ่มระมัดระวังมากขึ้น

รพีพงษ์ได้ถือกระบี่พุ่งไปที่ฐานยินอีกครั้ง ครั้งนี้ พลังในการจู่โจมของเขา ไม่น้อยไปกว่าฐานยินเลย

ทั้งสองแลกท่ากัน ฐานยินรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเสียการควบคุมรพีพงษ์ รพีพงษ์ในขณะนี้เหมือนกับเป็นแดนดั่งเทพขั้นกลางที่แท้จริงไม่ด้อยไปกว่าฐานยินสักเท่าไหร่

“เด็กน้อย อะไรของมึงวะ ทำไมพลังของมึงจึงได้แข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้?” ฐานยินจ้องรพีพงษ์แล้วถาม

รพีพงษ์เบะปากยิ้ม กล่าว “ทำไมกูต้องบอกมึงด้วย?”

พูดจบ เขาได้ใช้กระบี่ฟันไปที่ฐานยิน

ทุกคนที่กำลังเฝ้ามองการประลองอยู่ในคฤหาสน์ล้วนตกใจ

จากมุมมองของพวกเรา การต่อสู้ระหว่างรพีพงษ์และฐานยิน ฝึมือไล่เลี่ยกัน

คนหนึ่งเป็นแดนครึ่งดั่งเทพอีกคนคือแอนดั่งเทพขั้นกลางต่อสู้กันด้วยฝีมือไล่เลี่ยกัน นี่มันค่อนข้างเหนือความคาดหมายของพวกเขา

“ไม่แปลกที่เขาออกหน้า ที่แท้ก็มีฝีมือที่พวกเราจินตนาการไม่ถึงนั่นเอง การต่อสู้ครั้งนี้ถ้าเขาสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ อนาคตจะต้องเป็นบุคคลแนวหน้าของวงการบู๊ประเทศจีนอย่างแน่นอน!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท