พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่985 พรหมลิขิต

บทที่985 พรหมลิขิต

บทที่985 พรหมลิขิต

บรรยากาศงานเลี้ยง เพราะฟีน่ามา ก็แปลกไปอย่างมาก ผู้คนไม่ดื่มอย่างเต็มที่แบบก่อนหน้านี้ แล้วเพ่งเล็งไปที่รพีพงษ์กับฟีน่าทั้งสอง

รพีพงษ์เบื่อหน่าย เค้าจะอยู่นี่ไม่ยอมไป รพีพงษ์ก็ไล่ไม่สามารถเธอไปได้

ฟีน่าก็เหมือนปีศาจ สายตาทั้งสองคู่มีเพียงรพีพงษ์ ไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเธออย่างไร

ในฐานะที่เป็นคุณหนูของตระกูลอังเดร ความคิดความอ่านของเธอต่างจากคนทั่วไปอย่างมาก

ฟีน่าถามคำถามเกี่ยวกับวงการบู๊แห่งหัวเซี่ยจำนวนมาก รพีพงษ์ตอบอย่างง่ายๆ พูดเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปของวงการบู๊แห่งหัวเซี่ย

ฟีน่าตกใจเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าสิ่งที่รพีพงษ์พูดเป็นสัจธรรมอย่างมาก ทำเอารพีพงษ์ถึงกับหมดคำพูด

รพีพงษ์ฉวยโอกาสนี้ถามฟีน่าว่าทำไมถึงได้สนใจในคนที่แข็งแกร่ง

ฟีน่าอธิบายว่าตั้งแต่เล็กเธอร่างกายอ่อนแอ รู้สึกไม่ปลอดภัย ดังนั้นจึงอยากหาผู้ที่มีความสามารถ ให้เขาส่งต่อความชำนาญนั้น เพื่อใ้หร่างกายของเธอแข็งแรงขึ้น

แน่นอน เธอยังพูดถึงอีกวิธีที่จะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย นั่นก็คือแต่งงานกับชายที่แข็งแกร่ง

ไม่ว่าจะดูยังไง รพีพงษ์ก็เหมาะสมกับมาตรฐานที่เธอตั้งไว้ทั้งหมด

รพีพงษ์ฟังการอธิบายของฟีน่า ไม่เพียงไม่รู้สึกสงสารเธอ แต่กลับอยากอยู่ห่างออกไปอีกด้วย

พวกเขายังไม่กันไม่กี่ประโยค ฟีน่าก็ได้พูดถึงเรื่องที่จะหาคนให้ความรู้สึกปลอดภัยแต่งงานด้วยแล้ว ทำให้รพีพงษ์ปวดหัวอย่างมาก

เขาไม่อยากมีปัญหา ดังนั้นในใจจึงหวังว่าฟีน่ารีบไปให้เร็วที่สุด

แต่ฟีน่าเหมือนกับจะหลงใหลรพีพงษ์ แม้แต่รพีพงษ์หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มก็ยังชม

ถ้าไม่ใช่เพราะปิยวัฒน์อธิบายว่าเธอคือคุณหนูของตระกูลอังเดร รพีพงษ์ก็ไม่มีทางปฏิบัติต่อเธออย่างคนบ้าหรอก

สุดท้าย งานเลี้ยงก็มาถึงโค้งสุดท้าย ปิยวัฒน์และเพื่อนของเขาเหล่านั้นเริ่มยืนขึ้นกล่าวลากัน รพีพงษ์ก็ฉวยโอกาสนี้ รีบออกจากห้องรับรองไป

“นายน้อย ให้ผมไปส่งนะ” ปิยวัฒน์ตะโกนไปหารพีพงษ์

“ไม่เป็นไร ผมกลับเองได้” รพีพงษ์ไม่มองกลับมา ออกจากห้องไปโดยตรง

ฟีน่าเห็นรพีพงษ์จากไปอย่างเร่งรีบ สักพัก จึงพึมพำขึ้นมา “ชายคนนี้ แม้แต่แผ่นหลังยังน่าหลงใหลขนาดนี้”

ผู้ดูแลเดินมาด้านหน้าของฟีน่า แล้วถาม “คุณหนู มิทราบว่าคุณชอบเขามั้ย?”

“ชอบมาก” ฟีน่าตอบ

“งั้นเราจะตามเขาไปมั้ย?” ผู้ดูแลถาม

“ไม่ต้อง คู่แล้ว ย่อมไม่แคล้วกัน” ฟีน่าไม่คิดจะตามรพีพงษ์ไป

เรื่องแบบนี้ ฟีน่าค่อนข้างจะเชื่อในพรหมลิขิต เธอเชื่อว่าระหว่างรพีพงษ์กับตัวเอง จะต้องมีพรหมลิขิตต่อกันอย่างแน่นอน

รพีพงษ์เพิ่งเดินถึงด้านนอกของห้องรับรอง ก็เห็นจันทร์ปรียาที่ยืนรออยู่ข้างนอกตลอด

จันทร์ปรียาเห็นรพีพงษ์ออกมา จึงรีบเดินไปดักข้างหน้า แล้วกล่าว “คุณผู้ชาย ฉันรู้สึกผิดมาจากเบื้องลึกแล้วจริงๆ ขอคุณกรุณาเมตตา ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งเถอะนะ”

รพีพงษ์ไม่มีอารมณ์จะสนใจเธอ กล่าวไปตรงๆว่า “ผมจะกลับแล้ว อย่าขวางทาง”

พูดจบ เขาก็รีบเดินไปอย่างรวดเร็ว

ขณะนี้ฟีน่าผู้ดูแลและการ์ดทั้งสามเดินออกมาจากด้านใน เห็นฉากที่จันทร์ปรียาขวางรพีพงษ์ไว้พอดี

ฟีน่ารีบเดินไปที่จันทร์ปรียา จ้องไปที่เธอพลางกล่าว “รพีพงษ์ เป็นคนของฟีน่าตระกูลอังเดร ต่อไปหวังว่าคุณจะอยู่ห่างเขาไว้”

จันทร์ปรียามองฟีน่าอย่างประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมมาถึงก็พูดแบบนี้กับเธอ

“ปัญญาอ่อนป้ะ? ทำไมต้องให้ฉันออกห่างจากเขา?” จันทร์ปรียากล่าวอย่างไม่เกรงใจ

ถ้าจำเป็นจริงๆ เธอได้คิดหาวิธีเพื่อที่จะให้รพีพงษ์ชอบแล้ว

ดังนั้นตอนนี้รพีพงษ์ก็ถือได้ว่าเป็นเหยื่อของเธอแล้ว เธอไม่มีทางที่จะแพ้ให้กับผู้หญิงคนอื่นได้

ขณะนี้ปิยวัฒน์เดินออกมาจากห้องรับรอง ได้ยินจันทร์ปรียาว่าฟีน่าว่าปัญญาอ่อนพอดี

เขาหน้าบึ้งขึ้นมาอีกครั้ง รีบเดินไปหาจันทร์ปรียา แล้วกล่าว “วันนี้คุณบ้าไปแล้วหรือไง! คุณเพิ่งจะทำผิดต่อนายน้อยของเรา ตอนนี้ยังมาหาเรื่องคุณหนูของตระกูลอังเดรอีก? ไม่กลัวตายหรือไง?”

จันทร์ปรียาได้ยินคำพูดของปิยวัฒน์ ก็หน้าซีดลงทันใด มองไปที่ฟีน่าอย่างไม่เชื่อ ยังไงก็คิดไม่ถึง ว่าหญิงสาวคนนี้จะเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอังเดรที่มีชื่อเสียงของประเทศรัสเซีย

เธอรู้สึกว่าวันนี้ดวงซวยจริงๆ ตอนแรกก็ทำผิดต่อคนใหญ่คนโตที่ปิยวัฒน์เชิญมา ตอนนี้ยังว่าคุณหนูของตระกูลอังเดรว่าปัญญาอ่อนอีก

ต่อให้เธอเป็นดาราที่มีชื่อเสียง ก็ต้านทานความเกรี้ยวกราดของคนพวกนี้ไม่ได้หรอก

เธอรีบมองฟีน่า แล้วกล่าว “ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

ฟีน่ากำลังมองไปที่เธออย่างแน่นิ่ง แล้วกล่าว “ช่างมัน เพียงแค่คุณไม่แย่งรพีพงษ์กับฉันก็พอ”

“คุณวางใจได้ ฉันไม่มีทางแย่งเขากับคุณแน่นอน เดี๋ยวฉันจะซื้อตั๋วกลับประเทศจีนเดี๋ยวนี้” จันทร์ปรียารีบกล่าว

ฟีน่าพยักหน้า จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอก

จันทร์ปรียาโล่งอก บนหน้าผาก เต็มไปด้วยเหงื่อ

“ต้องรีบไปล่ะ ถ้ายังอยู่ที่นี่อีก ไม่แน่อาจจะทำผิดกับใครเค้าอีก” จันทร์ปรียาตัดสินใจ รีบไปสนามบิน

ขณะเดียวกันเธอก็ตัดสินใจ ว่าต่อไปก่อนออกจากบ้านต้องดูปฏิทินหวงลี่ก่อน และถ้าเห็นคนที่ธรรมดาๆ ก็จะทำผิดต่อเขาไม่ได้

รพีพงษ์นั่งรถไปหมู่บ้านคฤหาสน์ที่ปิยวัฒน์จัดไว้ให้ เดินเข้าไปยังคฤหาสน์นั้น

ในขณะ รถปอร์เชสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าประตูของคฤหาสน์ ผู้ที่ขับรถ คือการ์ดของฟีน่าคนนั้น

และคนที่นั่งอยู่ด้านใน คือฟีน่าและผู้ดูแลคนนั้น

“คุณหนู ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคนที่เดินมาเมื่อกี้นั้น เหมือนกับผู้แข็งแกร่งคนนั้นที่ชื่อรพีพงษ์?” ผู้ดูแลจ้องไปข้างหน้า แล้วถามอย่างสงสัย

ฟีน่ากำลังมองไปด้านหลังของรพีพงษ์ที่เลือนราง แล้วยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย

“ไม่ใช่เหมือน แต่เป็นเขาจริงๆ” ฟีน่ากล่าวอย่างมั่นใจ

“คุณหนูดูเร็ว เหมือนว่าเขาจะเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังนั้นข้างๆของเรา” ผู้ดูแลตาโต ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะอยู่หลังข้างๆ

ฟีน่ายิ้มมากขึ้นไปอีก ดูออก ว่าตอนนี้เธอค่อนข้างมีความสุข

“ฉันบอกแล้ว คู่แล้ว ย่อมไม่แคล้วกัน”

“ความจริงปรากฏ ฉันกับรพีพงษ์ มีพรหมลิขิตต่อกันจริงๆ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท