พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่977 ให้เด็กคนนี้ไปกับฉัน

บทที่977 ให้เด็กคนนี้ไปกับฉัน

บทที่977 ให้เด็กคนนี้ไปกับฉัน

ผู้บัญชาการจ้องมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง พบว่ารพีพงษ์เป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปี ในใจก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ในความคิดของเขา คนอายุน้อยเป็นคนที่มีประสบการณ์น้อยที่สุดในการไต่สวน ถ้าหากรพีพงษ์ดำเนินการไต่สวนเขา ถ้าอย่างนั้นเขาจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง

“ฉันบอกแล้ว ฉันไม่มีทางจะบอกอะไรกับพวกแกทั้งนั้น พวกแกรีบฆ่าฉันซะ ในอนาคตประเทศรัสเซียของเราคงจะ…..”

“อ๊าก!!!”

ผู้บัญชาการยังพูดไม่หมด รพีพงษ์ได้คว้านิ้วหนึ่งของเขาไว้หนึ่งนิ้ว และหักมันออกโดยไม่ได้คิดอะไรเลย

“ในอนาคตคงจะทำไม?”รพีพงษ์มองไปที่ผู้บัญชาการคนนี้ด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น แล้วเอ่ยปากถามว่า

ทั้งใบหน้าของผู้บัญชาการแดงก่ำเพราะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนอย่างกะทันหัน และเหงื่อเม็ดโตหยดลงบนหน้าผาก หยดลงบนร่างกายที่เริ่มสั่นสะท้านของเขา

เดิมทีเขายังคิดว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่มีประสบการณ์ในการไต่สวน คงจะไม่มีทางถามอะไรจากปากของเขาได้อย่างแน่นอน แต่ใครจะไปคิดว่า คนที่ดูไปแล้วสีหน้าท่าทางอายุยังน้อย มาถึงก็หักนิ้วของเขาไปหนึ่งนิ้ว

เพียงแค่จากความรู้สึกที่ไม่คาดคิดนี้ ในใจของผู้บัญชาการ เกิดความหวาดกลัวต่อรพีพงษ์โดยสัญชาตญาณ

“อย่า…..อย่าคิดว่าแบบนี้ฉันก็จะ….”

แกร๊กดังขึ้นมา

นิ้วถูกหักอีกหนึ่งนิ้ว และผู้บัญชาการก็ร้องโอดโอยขึ้นมาอีกครั้ง

“ก็จะทำไม?”รพีพงษ์ถามอย่างใจเย็นอีกครั้ง

ในเวลานี้ผู้บัญชาการเจ็บปวดจนพูดไม่ออก คิดว่ารพีพงษ์เป็นคนโหดเหี้ยมขนาดนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอ

ในใจของเขารู้ดีว่า ตราบใดที่เขากล้าพูดคำพูดคัดค้าน รพีพงษ์ก็จะหักนิ้วของเขา

เนื่องจากเขามีสิบนิ้ว รพีพงษ์จะหักหลายนิ้ว รพีพงษ์คงจะไม่รู้สึกเสียดายอย่างแน่นอน

ดังนั้นเขาจึงเพียงแค่ปิดปาก แสร้งทำเป็นว่าเจ็บปวดจนพูดไม่ออก

รพีพงษ์เห็นว่าผู้บัญชาการไม่พูด ก็ไม่ลังเล แล้วหักนิ้วของเขาอีกหนึ่งนิ้ว

“แกน่าจะรู้ว่าพวกเราไม่อยากเสียเวลา ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ แกก็ทำได้เพียงแค่ทนทุกข์ทรมานต่อไป”

“อย่าหวังว่าพวกเราจะฆ่าแก ฆ่าแกเป็นเรื่องง่ายดาย แต่ตอนนี้ที่แกเผชิญหน้าอยู่ คือสถานการณ์ที่อยากตายก็เป็นเรื่องยาก”

“ฉันมีวิธีทรมานแกเป็นร้อยวิธี และมีอีกร้อยวิธีที่จะทำให้แกทรมาน ถ้าหากแกยังจะเสียเวลาต่อไป ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะลองบนร่างกายของแกดู”

หลังจากฟังคำพูดของรพีพงษ์จบ ใบหน้าของผู้บัญชาการก็เหมือนราวกับคนตาย แม้ว่าเขาจะเคยเจอเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นมานับไม่ถ้วนในชีวิต ก็ไม่เคยเจอคนที่โหดร้ายอย่างรพีพงษ์มาก่อน

เมื่อรพีพงษ์เห็นว่าผู้บัญชาการยังคงลังเล จึงเอื้อมมือไปบีบนิ้วทั้งสามที่ถูกหักของผู้บัญชาการอย่างรุนแรง

ทำแบบนี้ ทำให้คนเจ็บปวดมากกว่าหักนิ้วอย่างเห็นได้ชัด

ผู้บัญชาการคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวด

“ฉันบอก ฉันบอกแล้ว ฉันจะบอกหมดทุกอย่าง ขอร้องนาย ปล่อยฉันไปเถอะ”

ในที่สุด ผู้บัญชาการก็ยังไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดและแรงกดดันทางจิตใจอย่างมากได้ และประนีประนอม

“ยอดฝีมือแดนดั่งเทพห้าคนนั้นของพวกแกมาได้อย่างไร ทำไมพวกเขาถึงมีพลังที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้ได้?”รพีพงษ์ไม่ได้ลังเล ถามทันที

“คือ…..คือผู้ชำนาญลึกลับท่านหนึ่งช่วยให้พวกเขาได้รับพลังมา รายละเอียดพลังของพวกเขาได้รับมาอย่างไร ฉันก็ไม่รู้แน่ชัด มีเพียงผู้ชำนาญคนนั้นที่รู้”ผู้บัญชาการไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย ตอบกลับ

ในเวลานี้รพีพงษ์กำลังใช้พลังจิตสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเขา ถ้าหากเขากล้าพูดจาโกหก สามารถตรวจพบได้เป็นอันดับแรก

ดูจากท่าทีของผู้บัญชาการ เขาน่าจะไม่ได้พูดโกหก

“ผู้ชำนาญลึกลับเหรอ?”รพีพงษ์พวกเขาทั้งสามคนสบตากัน และดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะสอดคล้องกับการคาดเดาก่อนหน้านี้ของพวกเขา

“ที่มาของผู้ชำนาญลึกลับคนนั้นคืออะไร?”รพีพงษ์ถามต่อ

“เรื่องนี้พวกเราไม่รู้แน่ชัด รู้เพียงว่าผู้ชำนาญลึกลับคนนี้น่าจะมีสายเลือดประเทศจีนเดียวกันกับพวกคุณ เขาบอกว่าตัวเองอยากจะเห็นประเทศจีนถูกทำลาย ดังนั้นจึงจะช่วยพวกเรา เรื่องอื่นๆ ฉันก็ไม่ค่อยรู้แน่ชัด”ผู้บัญชาการตอบอย่างตรงไปตรงมา

“ตอนที่ฉันไปที่กองบัญชาการของพวกแก ไม่พบบุคคลที่น่าสงสัยเลย แกจะไม่จงใจสร้างคนที่ไม่มีตัวตนมาโกหกพวกเราหรือเปล่า?”ธัชธรรมจ้องมองเขาแล้วถาม

“ไม่มีอย่างแน่นอน สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง คุณหาผู้ใหญ่ท่านนั้นไม่เจอ เป็นเพราะเมื่อวานนี้ผู้ใหญ่ท่านนี้ให้ผู้นำของพวกเราจัดเตรียมให้เขาไปเมืองหลวงของพวกเรา ได้ยินมาว่าผู้ใหญ่ท่านนี้จะจัดงานเลี้ยงจำนวนหนึ่งหมื่นคน”ผู้บัญชาการเอ่ยปากพูด

ธัชธรรมขมวดคิ้วทันที และเอ่ยปากถามว่า: “จัดงานเลี้ยงทำอะไร?”

“เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้แน่ชัด ผู้ใหญ่ท่านนั้นมีอิทธิฤทธิ์มาก ผู้นำของพวกเราอยู่ต่อหน้าเขาก็เป็นเพียงขาช่วยเท่านั้น เขาให้ทำอะไร พวกเราก็ทำอะไร สำหรับงานเลี้ยงเอาไว้ทำอะไร ก็ไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่เมื่อคิดดูแล้วผู้ใหญ่คนนั้นน่าจะต้องการเลือกคนที่คุณสมบัติดีจากประเทศของพวกเรา เพราะความต้องการที่ผู้ใหญ่จะให้ไปร่วมงานเลี้ยง คือร่างกายต้องกำยำแข็งแรง และคนที่มีผลงานดีเยี่ยมในทุกๆด้าน”ผู้บัญชาการตอบ

ธัชธรรมและจารุวิทย์ทั้งสองคนต่างก็ครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ผู้ลึกลับคนนี้ทำแบบนี้เพื่ออะไร

หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ธัชธรรมเอ่ยปากพูดว่า: “เรื่องดำเนินมาถึงขนาดนี้แล้ว ต้องการที่จะรู้แน่ชัดว่าผู้ลึกลับนี้มาจากไหน ทำได้เพียงไปประเทศรัสเซียรอบหนึ่ง”

จารุวิทย์ก็พยักหน้าตาม แล้วพูดว่า: “แต่ที่มาและความแข็งแกร่งของคนคนนั้นพวกเราก็ไม่รู้ ก็บุ่มบ่ามไปแบบนี้ จะประสบกับปัญหาอะไรมั้ย?”

ธัชธรรมยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “อยู่ในเมืองหลวงของพวกเขาและพรมแดนไม่เหมือนกัน ในเมืองหลวง สำหรับคนที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างพวกเราแล้ว ก็ยิ่งจะรับมือได้ง่าย ต่อให้ผู้ลึกลับคนนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ก็คงจะไม่ใช่เป็นคนระดับเทพ ตราบใดที่เขาไม่ใช่อสูรทำลายล้างโลก ปัญหาก็ไม่ใหญ่”

สิ่งที่เขาพูดถูก ไปเมืองหลวงของประเทศรัสเซีย ง่ายกว่าอยู่ที่พรมแดนมากจริงๆ เนื่องจากอยู่ที่นั่น ไม่ต้องกังวลกับภัยคุกคามของขีปนาวุธ

แม้ว่าประเทศจีนและประเทศรัสเซียจะมีความขัดแย้งกันบ่อยครั้ง แต่ตอนนี้โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ ระหว่างทั้งสองประเทศก็มีการแลกเปลี่ยนทางการค้าที่ใกล้ชิดกันมาก เช่นเดียวกับที่ประชาชนไม่มีทางรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่พรมแดน

หากสนามรบเปลี่ยนเป็นในเมืองหลวง ต่อให้เป็นประเทศรัสเซีย คงจะไม่กล้าใช้ขีปนาวุธอาวุธแบบนี้ตามใจชอบอย่างแน่นอน

ในเวลานั้น ก็จะเป็นเพียงการต่อสู้ระหว่างธัชธรรมกับผู้ลึกลับคนนั้น

ดังนั้นเดินทางไปที่ประเทศรัสเซียรอบหนึ่ง บางทีอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

เมื่อเห็นธัชธรรมพูดเช่นนี้ จารุวิทย์ก็พยักหน้า จากนั้นเอ่ยปากว่า: “ถ้าหากต้องการให้พวกเราช่วยเหลือ เอ่ยปากได้ตามสบาย พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยผู้อาวุโส”

ธัชธรรมยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ช่วยเหลืออะไรไม่จำเป็น แต่ว่า ฉันกลับมีคำขอหนึ่งข้อจริงๆ”

“หือ? คำขออะไร?”จารุวิทย์เอ่ยปากถาม

ธัชธรรมหันหน้ามองไปทางที่รพีพงษ์ยืนอยู่มาโดยตลอด ยิ้มแล้วพูดว่า: “ให้เด็กคนนี้ไปกับฉัน เขาน่าจะช่วยเหลือฉันได้มาก”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท