พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่971 การต่อสู้อย่างหนัก

บทที่971 การต่อสู้อย่างหนัก

บทที่971 การต่อสู้อย่างหนัก

หลังจากที่ทั้งสี่คนที่เตรียมพร้อมอยู่ด้านหลังได้ยินคำพูดของแม็กซิม โดยไม่ลังเล พุ่งไปที่รพีพงษ์พร้อมกัน

ทั้งสี่คนนี้ยังประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ พวกเขาคาดไม่ถึง ด้วยพลังของหัวหน้าเพียงคนเดียว กลับจัดการเด็กน้อยที่ดูไปแล้วธรรมดาไม่ได้

จารุวิทย์กับทวีรัชต์และอื่นๆเห็นว่าแม็กซิมตั้งใจที่จะรุมโจมตีรพีพงษ์พร้อมกัน ก็ถอดสีหน้า

“เร็ว คุ้มกันรพีพงษ์ เขาคนเดียวคงจะรับมือกับทั้งห้าคนไม่ไหว!”ทวีรัชต์ตะโกนเสียงดัง

ทันใดนั้นหลายคนก็หยิบปืนของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง ยิงไปที่แม็กซิมพวกเขาทั้งห้าคน

ทั้งลาน ถูกปิดกันด้วยกระสุนทันที

แม็กซิมทั้งห้าคนตะคอกอย่างเย็นชา จากนั้นของร่างกายก็ระเบิดพลัง ต้านทานลูกกระสุนเหล่านั้นไว้ทันที

แม้ว่าลูกกระสุนเหล่านี้จะถูกยิงไปทางแม็กซิม แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ใช่ทุกคนที่จะยิงปืนแม่น รพีพงษ์และแม็กซิมพวกเขาอยู่ห่างกันไม่มาก ดังนั้นรพีพงษ์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

ลูกกระสุนเหล่านี้สำหรับยอดฝีมือแดนดั่งเทพแล้ว ไม่มีผลอะไร แต่กลับส่งผลต่อการใช้ความสามารถของรพีพงษ์

เขาหันหน้ามองไปที่จารุวิทย์และทวีรัชต์แวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “ไม่จำเป็นต้องคุ้มกันผม พวกคุณเพียงแค่ต้องปกป้องท่านวิทย์ไว้ก็พอแล้ว พวกเขาทั้งห้าคนผมมาจัดการเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ทวีรัชต์ยกมือขึ้นมาทันที ส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุดลงมา

บนลาน ก็เงียบสงบลงมาทันที

“อาศัยเขาคนเดียว สามารถจัดการกับทั้งห้าคนได้จริงๆเหรอ?”

“แม้ว่าเมื่อกี้นี้เขาจะปะทะเพียงแค่คนเดียว ได้เปรียบกว่า แต่ฝ่ายตรงข้ามที่เสียเปรียบกลายเป็นห้าคนในทันใด นั่นไม่ใช่ง่ายเพิ่มมาห้าเท่าขนาดนั้น เขาเพียงคนเดียว ท้ายที่สุดก็ยากที่จะระแวงการรุมโจมตีของทั้งห้าคนได้”

“เฮ้อ เรื่องราวมาถึงขนาดนี้แล้ว แล้วมันมีทางเลือกอื่นอีกมั้ย ต่อให้พวกเราไม่อยากให้เขารับมือกับทั้งคนด้วยตัวคนเดียว พวกเราก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้”

“ดูเหมือนว่าจะทำได้เพียงปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรม แต่ขอให้รพีพงษ์…..สามารถยืนหยัดได้นาน”

……

เมื่อแม็กซิมพวกเขาทั้งได้ยินคำพูดของรพีพงษ์บนใบหน้าก็แสยะยิ้มออกมา เห็นได้ว่าคิดว่าเขาคนเดียวไม่สามารถต่อสู้กับยอดฝีมือแดนดั่งเทพขั้นต้นทั้งห้าคนได้

“เด็กน้อย อย่าคิดว่าแกทำให้ฉันเสียเปรียบเล็กน้อย ก็สามารถสู้กับพวกเราทั้งห้าได้ด้วยคนเดียว พวกเราทั้งห้าคนร่วมมือกัน สามารถก่อให้เกิดพลัง เหนือจินตนาการของแกได้!”

แม็กซิมตะโกนใส่รพีพงษ์

รพีพงษ์หน้าเฉยไร้ความรู้สึก ต่อสู้กับยอดฝีมือแดนดั่งเทพขั้นต้นเพียงคนเดียว สำหรับเขาแล้ว มีความกดดันเป็นอย่างมาก

แต่เรื่องที่ต่อสู้กับศัตรูมากมายด้วยตัวคนเดียวแบบนี้ เขาไม่ใช่ว่าไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้นทั้งห้าคนฝ่ายตรงข้ามไม่เพียงพอที่ทำให้หวาดกลัวจนเสียงความมั่นใจไปได้

เขาจับมุรามาสะไว้ในมือของตัวเองไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นหมุนเวียนพลังวิเศษเสน แล้วฟันอีกดาบ ฟันไปทางแม็กซิมพวกเขาทั้งห้าคน

“ท่าธันเดอร์!”

แสงใบมีดขนาดใหญ่ฟันไปทางแม็กซิมพวกเขาทั้งห้าคน ทั้งห้าคนต่างไม่กล้าที่จะละเลย รีบปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว และต้านทานแสงดาบนี้ไว้

ครั้งนี้พวกเขาทั้งห้าคนดูผ่อนคลายมากขึ้น แม็กซิมแสยะยิ้มมองไปที่รพีพงษ์แล้วพูดว่า: “เด็กน้อย นี่น่าจะเป็นเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของแก ฉันคนเดียวอยากจะต้านทานไว้ได้ มันเป็นเรื่องยากจริงๆ แต่พวกเราทั้งห้าคน อยากจะต้านทานการโจมตีแบบนี้ของแก ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายไม่ต้องเสียแรงเท่านั้นเอง!”

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา แต่พุ่งเข้าไปทางพวกเขาทั้งห้าคนอย่างรวดเร็ว

เมื่อทั้งห้าคนเห็น ก็หรี่ตา และก็แยกกระจายออกไป ล้อมรอบรพีพงษ์ไว้

“ลงมือด้วยกำลังทั้งหมด อย่าให้เขาได้มีโอกาสใดๆ!”

แม็กซิมเอ่ยปากตะโกน ต่อจากนั้นขวานยักษ์ขยายใหญ่ในทันที ฟันไปที่บนร่างกายของรพีพงษ์

อีกสี่คนที่เหลือทยอยใช้พลังในร่างกายตัวเอง แปลงร่างเป็นอาวุธ ฟันไปที่บนร่างกายของรพีพงษ์

ผู้คนที่เฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกลเห็นว่าพลังที่น่าตกตะลึงทั้งหมดกระแทกไปบนร่างกายของรพีพงษ์ ต่างก็อดไม่ได้ที่วิตกกังวลแทนเขา

“นี่มันก็น่ากลัวมากเกินไป พลังทำลายล้างของพวกเขาแทบจะไล่ตามขีปนาวุธได้ รพีพงษ์ถูกพวกเขารุมล้อมโจมตี คงจะรอดกลับมายาก”

“ไอ้พวกประเทศรัสเซียที่สมควรตาย เลวทรามถึงขนาดนี้ ทั้งห้าคนสู้กับหนึ่งคน ฉันโกรธมากจริงๆ!”

“พวกเรารีบคิดกันดีกว่าเดี๋ยวถ้ารพีพงษ์ถูกกำจัด ควรจะต้านทานพวกเขาทั้งห้าคนได้อย่างไร”

……

ทุกคนไม่ได้มองในแง่ดีว่ารพีพงษ์จะสามารถมีชีวิตรอดมาได้ภายใต้การโจมตีของทั้งห้าคน ในขณะที่กังวลมากอยู่สักพักหนึ่ง ในหัวสมองก็ครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าจะรับมือกับสถานการณ์ต่อไปได้อย่างไร

จารุวิทย์ยังมองไปที่สนามรบตรงนั้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และจับปุ่มในมือ แล้วใช้แรงอีกไม่กี่เท่า

ถ้ารพีพงษ์ไม่สามารถต้านทานลงมาได้ เขาจะกดปุ่มนี้ทันที ถึงเวลานั้น ทั้งห้าคนของประเทศรัสเซียนี้ อย่าได้คิดว่าจะมีชีวิตรอดแม้แต่คนเดียว ทั้งหมดก็จะต้องถูกฝังไปให้กับรพีพงษ์!

ในขณะที่ทุกคนรู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่สามารถต้านทานคลื่นการโจมตีนี้ได้

ทันใดนั้นก็มีพลังอานุภาพที่น่าตกตะลึงระเบิดออกมาอยู่ที่นั่น ต่อจากนั้น ทุกคนก็เห็นเงาดาบพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ต้านการโจมตีทั้งหมดของแม็กซิมพวกเขาทั้งห้าคนไว้

ต่อจากนั้น เงานั้นก็รีบถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ทุกคนจดจ่อมองดูอย่างละเอียด พบว่าหัวที่เต็มไปด้วยเหงื่อ และรพีพงษ์ที่หายใจหอบ

รพีพงษ์ในเวลานี้ได้ใช้วิธีลับออกมา พลังก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งในระดับหนึ่ง

การโจมตีเมื่อกี้นี้ คือเขาใช้พลังทั้งหมดพยายามอย่างเต็มที่ ถึงฝืนทนปลดปล่อยออกมา

ในเวลานี้เอง เขาถึงได้รู้ว่าแดนดั่งเทพขั้นต้นทั้งห้าคนร่วมมือกันนั้นน่ากลัวเพียงใด การโจมตีเมื่อกี้นี้ หลังจากใช้วิธีลับของเขาจนเกือบหมดแล้ว และพลังทั้งหมดที่มีในร่างกาย

ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ตอนนี้เขาคงจะต้องตายอยู่ภายใต้การร่วมมือรุมโจมตีของทั้งห้าคน

และเมื่อกี้นี้เขาพุ่งไปตรงกลางของทั้งห้าคน คือเพื่อเตรียมการที่สำคัญอย่างหนึ่ง

วันนี้สามารถที่จะอาศัยตัวของเขาเองจัดการกับทั้งห้าคนนี้ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการเตรียมการนี้

แม็กซิมพวกเขาทั้งห้าคนเห็นว่ารพีพงษ์ต้านทานการโจมตีรวมกันของพวกเขาทั้งห้าคนได้ และยังรอดพ้นจากการล้อมรอบของพวกเขาทั้งห้าคน ต่างก็เต็มไปด้วยประหลาดใจ

“เป็นเจ้าแกร่งน้อยที่ตีไม่ตายจริงๆ แต่การโจมตีแบบเมื่อกี้นี้ แกสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวในช่วงเวลาสั้นๆ แต่พวกเรายังสามารถร่วมมือกันลงมือได้หลายครั้ง ฉันไม่เชื่อว่าแกจะสามารถต้านทานได้ทุกครั้ง!”

แม็กซิมตะโกนใส่รพีพงษ์

ในเวลานี้มุมปากของรพีพงษ์ก็กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ มองไปทางแม็กซิมพวกเขาทั้งห้าคน

“พวกแกห้าคนรวมกำลังกันน่ากลัวจริงๆ ฉันก็ยอมรับว่าฉันสามารถต้านทานการโจมตีรวมกำลังกันของพวกแกได้เพียงครั้งเดียว”

“แต่พวกแกไม่มีโอกาสโจมตีฉันเป็นครั้งที่สองแล้ว!”

เมื่อแม็กซิมได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็หัวเราะเยาะทันที เอ่ยปากพูดว่า: “ฝันไปจริงๆ โอกาสของพวกเรายังมีอีกมากมาย!”

“หือ? งั้นเหรอ?”รพีพงษ์พึมพำหนึ่งประโยค จากนั้นปลดปล่อยพลังจิตออกไป กระตุ้นสิ่งของหนึ่งอย่างที่เพิ่งถูกวางไว้ที่ตรงกลางของแม็กซิมพวกเขาทั้งห้าคน

แผนผังค่ายกลวิเศษของค่ายเก้ามังกรสังหาร!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท