พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่990 งานเลี้ยง

บทที่990 งานเลี้ยง

บทที่991 ผู้ลี้ลับปรากฏกาย

เพิ่งถึงด้านหน้าเวที รพีพงษ์ก็ได้ปล่อยพลังจิตของตัวเองออกมา อยากรู้ว่าผู้ลี้ลับมาถึงที่ลานจัตุรัสแล้วหรือยัง

แต่เมื่อมองไปรอบๆ รพีพงษ์ก็เห็นผู้ที่น่าสงสัย คิดๆแล้วผู้ลี้ลับน่าจะยังมาไม่ถึง

สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์ปวดหัวคือ เขาหาร่องรอยของผู้ลี้ลับไม่เจอ และก็หาร่องรอยของธัชธรรมไม่เจอเช่นเดียวกัน

ผู้เฒ่าคนนี้ไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ พูดกันเอาไว้เสียดิบดีว่ารพีพงษ์รับผิดชอบในการสำรวจ ถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ธัชธรรมจะลงมือจัดการเอง สุดท้ายตอนนี้ผู้เฒ่านั่นก็ยังไม่ปรากฏตัวแต่อย่างใด รพีพงษ์ถึงขั้นสงสัยว่าเขาได้ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

ขณะนี้ยาคอฟเดินมาด้านหน้าของรพีพงษ์และฟีน่า แล้วกล่าว “ฟีน่า งานเลี้ยงครั้งนี้ อนุญาตให้แค่คนชั้นนำของประเทศรัสเซียเข้าร่วมเท่านั้น คุณพาคนจีนคนนี้เข้ามา ไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่นะ?”

“ฉันจะพาใครมา คุณไม่เกี่ยว” ฟีน่าพูดกับยาคอฟอย่างเยือกเย็น

ยาคอฟยิ้ม แล้วกล่าว “ชั่งเหอะชั่งเหอะ พามันมาก็ไม่เป็นไร ยังไงคนที่ผู้ยิ่งใหญ่จะเลือก ก็ต้องเป็นคนรัสเซียแท้ๆ มันอยู่ที่นี่ก็แค่สนุกไปด้วยก็เท่านั้น”

“ฟีน่า ผมได้ยินมาว่าผู้ลี้ลับยิ่งใหญ่คนนั้นจะเลือกศิษย์ ในงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วยนะ ผมจะต้องได้รับเลือกอย่างแน่นอน รอให้ผมเป็นศิษย์ของผู้ยิ่งใหญ่ก่อนนะ แล้วจะขอคุณแต่งงาน”

ฟีน่ากล่าวอย่างรังเกียจ ว่า “ฉันไม่มีทางยอมรับ”

ยาคอฟไม่สนใจ เขามองว่า รอให้เขาเป็นศิษย์ของผู้ยิ่งใหญ่ก่อน ตระกูลอังเดรก็จะอ้อนวอนให้เขาแต่งกับฟีน่า

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้ที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ได้เข้ามาในงานทั้งหมดแล้ว ในลานจัตุรัสเต็มไปด้วยคน วุ่นวายไปหมด

ขณะนี้บนเวทีมีคนยกกล่องยาวเดินขึ้นมา กล่องนั้นยาวสองเมตร ด้านบนมีผ้าคลุมไว้ ไม่รู้ว่าด้านในบรรจุอะไรอยู่

หลังจากที่คนพวกนั้นวางกล่องนั้นลงบนเวทีแล้ว ก็เดินออกไป

ขณะนี้คนหนึ่งสวมชุดยาวสีดำเดินขึ้นมาบนเวที

คนนี้มีอายุห้าหกสิบปี ผมขาว ใช้ปิ่นอันหนึ่งปักผมเอาไว้

เสื้อผ้าของคนนี้ค่อนข้างโบราณ เป็นสไตล์การแต่งตัวในยุคศักดินาของจีน

แต่เมื่อคนนี้ปรากฏกายขึ้น ทุกคนไม่รู้สึกว่าเขามีความผิดปกติอะไร แต่ทว่ารู้สึกว่ายากที่จะคาดเดาได้ ไม่ธรรมดา

หลังจากที่รพีพงษ์เห็นคนนี้แล้ว ตาก็เป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ใช้พลังจิต ส่องไปยังคนนี้

สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์ไม่คาดคิดก็คือ เขาดูฝีมือของคนนี้ไม่ออก เขายืนตรงนี้ เหมือนกับเป็นคนธรรมดา แต่รพีพงษ์สามารถรับรู้ถึงอันตรายจากตัวเขาได้

ก่อนหน้านี้ รพีพงษ์จะรู้สึกแบบนี้กับธัชธรรมและนิรภัฏเท่านั้น

นี่แสดงว่าคนนั้นที่อยู่บนเวที อย่างน้อยฝีมือก็เป็นแดนดั่งเทพขั้นสูง ไม่ก็เก่งกว่านั้น!

และตอนที่รพีพงษ์ใช้พลังจิตส่องไปยังคนนั้นที่อยู่บนเวที คนนั้นก็ได้มองมาที่รพีพงษ์เช่นกัน

นึกไม่ถึงว่าเขาก็รับรู้ได้ว่าตนกำลังใช้พลังจิตสังเกตการณ์เขาอยู่!

รพีพงษ์เก็บพลังจิตของตัวเองทันที เมื่อกี้ เขาก็มั่นใจแล้วว่าธัชธรรมยังไม่ถึง

ถ้าวันนี้เขาต้องต่อกรกับผู้ลี้ลับที่อยู่บนเวทีนั่นตามลำพังล่ะก็ เกรงว่าจะเป็นการต่อสู้ที่เจ็บปวดอีก

หลังจากที่ผู้ลี้ลับได้มองรพีพงษ์แล้ว ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา กล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับเด็กที่ฝีมือไม่เลวที่นี่ เมื่อกี้เขาน่าจะใช้พลังจิตสังเกตการณ์ฉัน คิดไม่ถึงจริงๆ”

“อายุนี้จิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์ได้ ต่อให้จะอยู่ในทวีปโอชวิน ก็เป็นอัจฉริยะขั้นสูงแล้ว”

“ดีที่ฝีมือมันยังไม่เก่งกาจสักเท่าไหร่ มิเช่นนั้นถ้าเจอเข้ากับยอดฝีมือที่มีพลังจิต จะต้องเครียดมากอย่างแน่นอน”

“แต่มันปรากฏตัวที่นี่ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวดูดพลังภายในของมันให้หมด แล้วไปใส่ไว้ที่กล่องฉันฝึกฝนสำเร็จ ไม่แน่อาจทำให้กล่องที่ฉันเตรียมไว้ ไปถึงขั้นใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ได้นะ”

เขาไม่รีบร้อน ในใจครุ่นคิดถึงเหตุผลที่รพีพงษ์ปรากฏกายที่นี่

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ สำหรับเขาแล้วก็ไม่สำคัญ เพราะการที่จะต่อกรกับเด็กคนนี้ ไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้น

“ทุกท่าน ก่อนที่พวกคุณมาถึง ได้มีการประกาศไปแล้ว ว่าผมจะเลือกหนึ่งในพวกคุณที่คุณสมบัติดี ให้พวกคุณได้ลิ้มลองความแข็งแกร่งที่ไม่เคยมีมาก่อน”

“ทุกคนที่ผมเลือก จะได้มีชีวิตใหม่ ผมจะทำให้คุณค่าของพวกคุณ สูงที่สุด”

“ต่อจากนี้ไป ผมจะเลือก หวังว่าทุกท่านจะให้ความร่วมมือ”

ผู้ลี้ลับกล่าว ทุกคนที่อยู่ในงานกระตือรือร้นขึ้นมา

จากนั้นผู้ลี้ลับได้หยิบป้ายไม้ออกมาจากชุดตัวเอง แล้วโยนไป บนป้ายไม้มีแสงสีดำประกายออกมา ไม่นาน ก็ได้หุ้มลานจัตุรัสเอาไว้ทั้งหมด

ทุกคนเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตะลึง ขณะเดียวกันก็เชื่อแล้วว่าผู้ที่อยู่บนเวทีนี้เป็นยอดฝีมือที่ยากจะคาดเดาความสามารถได้จริงๆ ความรู้สึกที่อยากถูกเลือกยิ่งตื่นเต้นมากเข้าไปอีก

หลังจากแสงที่ป้ายไม้สะท้อนออกมาครอบคลุมทุกคนเอาไว้ในบาเรียแล้วนั้น ผู้ลี้ลับก็รอคอย

แสงที่ป้ายไม้สะท้อนออกมา เหมือนม่านพลัง ทุกคนล้วนอยู่ในม่านพลัง ถ้าไม่ผ่านการอนุญาตของผู้ลี้ลับ ชาตินี้ก็อย่าหวังจะได้ออกจากม่านพลังนี้

ผู้คนเหล่านี้ในลานจัตุรัส ไม่รู้ว่ากำลังเจอเข้ากับภัยอันตรายอะไรอยู่ ยังคงหลงอยู่ในภวังค์จินตนาการ

“ฝีมือของผู้ยิ่งใหญ่อัศจรรย์มากจริงๆ ถ้าได้เป็นศิษย์ของเขา อนาคตจะต้องใหญ่ค้างฟ้าแน่นอน!”

สายตาของยาคอฟเป็นประกาย อยากที่จะพุ่งขึ้นไปบนเวทีจน ขอผู้ลี้ลับเป็นลูกศิษย์แทบแย่แล้ว

“ต่อจากนี้ ผมจะแสดง ให้ทุกคนได้เห็น ว่าผมจะทำอย่างไรให้ทุกคนได้แสดงคุณค่าของตัวเองออกมา ”

ผู้ลี้ลับพูด จากนั้นก็มองไปที่รพีพงษ์

เพราะยาคอฟยืนอยู่กับรพีพงษ์ ยาคอฟเข้าใจผิดคิดว่าผู้ลี้ลับกำลังมองตน ตื่นเต้นจนเกือบร้องออกมา

“ดูๆแล้วผมนี่ก็เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์เหมือนกันนะ ผู้ยิ่งใหญ่แว็บเดียวก็สังเกตเห็นผมแล้ว!”

ขณะนี้ผู้ลี้ลับยื่นมือไปชี้รพีพงษ์ กล่าว “เด็กน้อย แกขึ้นมา แก เป็นคนแรกที่ฉันเลือก”

ผู้คนมองไปที่รพีพงษ์ ด้วยสายตาอิจฉา

ยาคอฟมึนงง เขาไม่คาดคิด ว่าคนที่ผู้ยิ่งใหญ่เลือก จะเป็นคนจีนอย่างรพีพงษ์!

เขาร้อนใจขึ้นมาทันที แล้วตะคอกไปที่ผู้ลี้ลับว่า “ไอ้นี่มันเป็นคนจีน ไม่ใช่คนรัสเซียโดยกำเนิดสักหน่อย ผมต่างหากที่เป็นคนรัสเซียแท้ๆที่สูงศักดิ์ ผู้ยิ่งใหญ่ คุณต้องเลือกผมสิถึงจะถูก!”

รพีพงษ์บอกยาคอฟอย่างบอกไม่ถูก ไอ้นี่มันไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าคนที่ถูกเลือกน่ะ มันคือเหมือนไปตาย

แต่เขาก็ไม่อธิบายให้ยาคอฟฟัง ในเมื่อเขาอยากรีบไปตาย ก็ให้เขาได้สมใจก็แล้วกัน

“เขาพูดถูก เขาสูงศักดิ์ คุณเลือกเขาเถอะ”

รพีพงษ์มองผู้ลี้ลับ แล้วกล่าวอย่างสงบ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท