พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่987 อกของคุณแน่นจัง

บทที่987 อกของคุณแน่นจัง

#บทที่987 อกของคุณแน่นจัง

รพีพงษ์พยุงฟีน่าที่เกือบจะล้มลงกับพื้น รับรู้ได้ถึงอุณหภูมิที่อยู่ในตัวของเธอ

เทียบกับคนทั่วไปแล้ว อุณหภูมิในร่างกายของฟีน่าต่ำกว่าอย่างมาก

ฟีน่านอนอยู่ในอ้อมกอดของรพีพงษ์ ราวกับกำลังเพลิดเพลินไปกับมัน

รพีพงษ์รีบพยุงเธอ ยืนขึ้น เมื่อกี้ คนที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆคฤหาสน์เหล่านั้นเตรียมจะปฏิบัติการแล้ว

ถ้ารพีพงษ์ยังให้ฟีน่าอยู่ในอ้อมแขนของตนอีกสักพักล่ะก็ เกรงว่าคนพวกนั้นจะลงมือแล้ว

ตอนนี้เขาต้องพึ่งคนของตระกูลอังเดรเข้าร่วมงานเลี้ยง ไม่มีทางลงมือกับพวกเขาอย่างแน่นอน

ฟีน่ามองรพีพงษ์อย่างดีใจ แล้วกล่าว “รพีพงษ์ อกของคุณแน่นจัง ฉันชอบแบบนี้มากๆเลย”

รพีพงษ์มองไปที่ฟีน่าอย่างหมดคำพูด แล้วกล่าว “กำแพงนั่นแข็งกว่า คุณอาจจะชอบแบบนั้น”

ฟีน่าหัวเราะออกมา แล้วกล่าว “คุณนี่ตลกจริงๆ”

รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างหมดคำพูด ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนี้ผู้จัดงานเลี้ยงคือตระกูลอังเดรล่ะก็ เขาให้ปิยวัฒน์จัดที่อยู่ใหม่ให้เขาไปนานแล้ว

“เราจะเรียนวิชาที่คุณว่านั่นที่ไหนหรอ? ต้องไปในห้องมั้ย?” ฟีน่ามองรพีพงษ์ด้วยความรอคอย

“ไม่ต้อง ที่นี่แหละ” รพีพงษ์กล่าว

ฟีน่าพยักหน้า ด้วยความเชื่อฟัง

“แต่ก่อนที่คุณจะฝึกฝน ผมอยากให้คุณตกลงกับผมสักเรื่อง” รพีพงษ์จ้องฟีน่าพลางพูด

“เรื่องอะไร?” ฟีน่าถาม

“ช่วงนี้ตระกูลของคุณกำลังเตรียมงานเลี้ยงอลังการงานสร้างอยู่ใช่มั้ย”

ฟีน่าพยักหน้า

“งานเลี้ยงนี้จะถูกจัดขึ้นเมื่อไหร่?” รพีพงษ์ถาม

“อีกสามวัน” ฟีน่าตอบ

“ผมหวังว่าถึงตอนนั้นคุณจะพาผมไปร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย” รพีพงษ์พูดความต้องการของตัวเองออกมา

“ได้สิ ง่ายมากเลย” ตอนแรกฟีน่าคิดว่ารพีพงษ์จะเรียกร้องสิ่งที่เกินไป ไม่คิดว่าก็แค่พาเขาไปงานเลี้ยงด้วยก็เท่านั้น

เห็นฟีน่าตอบรับ รพีพงษ์ก็พยักหน้า แล้วกล่าวทันใดว่า “งั้นผมก็จะสอนวิชาให้คุณในตอนนี้เลย”

จากนั้นรพีพงษ์ก็ได้เริ่มสอนวิชาหายใจออกอย่างเร่งรัดให้ฟีน่า

ฟีน่าค่อนข้างตั้งใจฟัง ดูออกว่าเธอหวังที่จะมีร่างกายที่แข็งแรงอย่างมากด้วยเช่นกัน

ไม่ไกลจากตรงนี้ ผู้ดูแลที่กำลังสังเกตการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสวนของคฤหาสน์รพีพงษ์อยู่นั้นเห็นเหตุการณ์นี้ ก็อุทานขึ้นมา

“นานแล้วที่ไม่เห็นรอยยิ้มอันมีความสุขของคุณหนูแบบนี้ ดูๆแล้วผู้ชายที่มาจากประเทศจีนนี้ ดึงดูดความสนใจของคุณหนูได้จริงๆ” ผู้ดูแลกล่าว

“เสียดายที่คุณหนูอ่อนแอ ถ้าไม่มีการปกป้องของตระกูลอังเดร เธอจะเจริญเติบโตได้นั้นชั่งยากเหลือเกิน แม้ตอนนี้คุณหนูดูไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาทั่วไป แต่คุณหมอได้พูดชัดเจนแล้วว่าคุณหนูจะอยู่ได้อีกไม่กี่ปี”

“ช่างมัน แค่คุณหนูมีความสุข ไม่ว่าจะคบค้าสมาคมกับคนรัสเซียหรือคนจีน ก็ช่างมัน”

“หวังว่าเด็กคนนี้จะทำให้คุณหนูเปลี่ยนไปได้บ้าง แม้จะทำให้เธอมีความสุขช่วงเวลาหนึ่ง ก็คุ้มค่าแล้ว”

……

จากนั้นในสองวัน ฟีน่าได้เรียนวิชาหายใจออกอย่างเร่งรัดกับรพีพงษ์โดยตลอด

ฟีน่าอยากที่จะอยู่กับรพีพงษ์ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ตอนกลางคืนก็ขอนอนที่คฤหาสน์ของรพีพงษ์ด้วย แน่นอน ว่ารพีพงษ์ไม่ยินยอม

หญิงสาวที่ไร้เดียงสาคนนี้คิดว่าแม้จะนอนกับคนอื่น ก็แค่เป็นเพื่อนนอน ไม่เกิดอะไรขึ้น

บวกกับการปกป้องเธอของตระกูลอังเดร ในจิตใต้สำนึกของเธอ ผู้คนล้วนเป็นคนดี ไม่มีคนที่คิดไม่ดี

สำหรับท่าทีของฟีน่า รพีพงษ์ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี ถ้าตระกูลอังเดรปกป้องเธอดีขนาดนี้ไปตลอดชีวิต งั้นชีวิตนี้ของฟีน่า จะต้องดีเลิศเลอกว่าคนคนอื่นอย่างแน่นอน

แต่เมื่อไหร่ที่ฟีน่าได้เผชิญกับความโหดร้ายของโลกใบนี้ เพียงแค่เศษเสี้ยวเดียว จะเป็นการถูกเล่นงานครั้งใหญ่ของฟีน่า

แน่นอน รพีพงษ์ไม่มีกะจิตกะใจจะไปห่วงเรื่องคนอื่น เขาเพียงแค่ต้องการแลกเปลี่ยนกับฟีน่า สามารถเข้าไปในงานเลี้ยงในวันนั้นได้อย่างราบรื่นก็พอแล้ว

พรสวรรค์ของฟีน่ามีมากกว่าที่รพีพงษ์คิดไว้ วิธีการหายใจออกแบบเร่งรัด เธอเพิ่งจะลองทำ ก็รู้ถึงแก่นมันแล้ว ดังนั้นความเร็วในการฝึกฝนจึงเร็วมาก

เพียงแค่สองวัน สีหน้าของฟีน่ามีการเปลี่ยนแปลงไปทางที่ดีอย่างมาก ชัดเจนว่าสดชื่นแจ่มใสกว่าเมื่อก่อนเยอะ

นี่ทำให้รพีพงษ์ยิ่งมั่นใจ ว่าวิธีการหายใจออก สามารถเปลี่ยนแปลงสุขภาพของฟีน่าได้

คนของตตระกูลอังเดรตกใจกับการเปลี่ยนแปลงของฟีน่าอย่างมาก ไม่รู้ว่ารพีพงษ์ใช้วิธีอะไร ทำให้ฟีน่าที่เดินไม่กี่ก้าวก็เหนื่อย กลายเป็นมีพลังขึ้นมาขนาดนี้

แม้จะไม่เข้าใจว่ารพีพงษ์ทำได้อย่างไร แต่จากการสังเกต รพีพงษ์ไม่คิดร้ายกับฟีน่า และสภาพของฟีน่าก็เป็นตัวบ่งบอกทุกอย่าง

บางที สภาพจิตใจอาจจะมีส่วนต่อความแข็งแรงก็เป็นได้

ตอนบ่าย รพีพงษ์มาถึงในสวนล่วงหน้า หลังจากที่เสร็จสิ้นวิชากระบี่แล้ว ก็รอให้ฟีน่ามา

พรุ่งนี้ตอนงานเลี้ยง ถึงตอนนั้นรพีพงษ์จะต้องไปตรวจสอบให้แน่ชัดเรื่องที่มาของคนลึกลับ อีกทั้งทำไมเขาต้องจัดงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย

สำหรับภารกิจในครั้งนี้ รพีพงษ์ค่อนข้างกระวนกระวายใจ เพราะผู้ลึกลับนี้สามารถฝึกฝนแดนดั่งเทพทั้งห้าได้ในระยะเวลาอันสั้น ฝีมือด้วยส่วนตัวจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

ไม่รู้ว่าธัชธรรมมาถึงมอสโกหรือยัง ถ้าพรุ่งนี้ตนกับผู้ลึกลับนั่นเผชิญหน้ากัน และต้องลงมือ ไม่มีความช่วยเหลือของธัชธรรม รพีพงษ์ไม่คิดว่าฝีมือของตัวเองจะรับมือกับผู้ลึกลับคนนั้นได้

จนกระทั่งวันนี้ ทำได้เพียงเดินทีละก้าวว่ากันทีละก้าวแล้วกัน

ผ่านไปไม่นาน ฟีน่ามาที่สวนของรพีพงษ์ด้วยความดีใจ ยิ้มพลางพูดกับรพีพงษ์ว่า “รพีพงษ์ วันนี้พวกเราไม่ฝึกล่ะ ฉันบอกผู้ดูแลแล้ว เขาตกลงให้ฉันไปเที่ยวที่สวนสนุกหนึ่งวัน”

รพีพงษ์ชะงัก แล้วถาม “ไปสวนสนุก?”

ฟีน่าพยักหน้า กล่าว “ถูก เมื่อก่อนพวกเขาไม่อนุญาตให้ฉันไปเลยนะ กลัวว่าสุขภาพของฉันจะเล่นเครื่องเล่นพวกนั้นไม่ได้ แต่ช่วงสองสามวันนี้สุขภาพของฉันดีขึ้นอย่างมาก ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว พวกเขาจึงอนุญาตให้ฉันไปได้”

“พวกเรารีบไปเถอะนะ เดี๋ยวพวกเขาจะเปลี่ยนใจอีก”

พูดจบ ฟีน่าก็เข้าไปลากแขนรพีพงษ์ พาเขาเดินไปข้างนอก

รพีพงษ์ยิ้มอย่างเซ็ง คิดว่าฟีน่าเรียนรู้วิธีหายใจออกแล้ว เพียงแค่ยืนหยัดที่จะฝึกฝน การที่ร่างกายจะเป็นปกตินั้นง่ายดายมาก ไม่แน่อาจจะแข็งแรงกว่าคนธรรมดาทั่วไปอีกก็เป็นได้

ดังนั้นจึงไม่ปฏิเสธ เดินไปข้างนอกพร้อมกับเธอ

ฟีน่าลากแขนรพีพงษ์ไป เหมือนกับสาวน้อยที่กำลังมีความสุข

ตอนที่ทั้งสองเดินไปถึงประตูนั้น รถเฟอร์รารี่สีแดงคนหนึ่งได้จอดที่ข้างหน้าของพวกเขา

วัยรุ่นรัสเซียที่หล่อเหลาลงมาจากรถ จ้องรพีพงษ์ด้วยความโกรธแค้น

ดูออกชัดเจน ว่าการที่ฟีน่าลากแขนรพีพงษ์ไปนั้น ทำให้เขาไม่สบายใจ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท