พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่997 พลังของกระบี่สยบเซียน

บทที่997 พลังของกระบี่สยบเซียน

บทที่997 พลังของกระบี่สยบเซียน

ผู้ลี้ลับจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างถี่ถ้วน หลังจากที่มั่นใจแล้ว ก็พบว่าแดนของรพีพงษ์ได้ไปถึงแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว!

เขาเหมือนตัวประหลาดที่มองรพีพงษ์ ตอนนั้นแดนของรพีพงษ์แม้แต่แดนดั่งเทพขั้นต้นยังไม่ถึง แค่พลังเทียบได้กับแดนดั่งเทพขั้นต้นก็เท่านั้น

แต่ตอนนี้หลังจากที่เขาเลื่อนขั้นแล้ว ระดับแดนของเขาก้าวกระโดดไปถึงขั้นแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว!

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ต่อให้เป็นในทวีปโอชวิน ก็ไม่มีปีศาจตัวไหนที่ครั้งเดียวแล้วจะเลื่อนขั้นก้าวกระโดดแบบนี้ได้!

“บนโลกนี้ไม่ใช่ว่า สิ้นสุด การเลื่อนขั้นไปนานแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขั้นอีก?” ผู้ลี้ลับพึมพำกับตัวเอง

ผ่านไปสักพัก รูม่านตาของเขาขยายขึ้น ในหัวคิดความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง

คือกังฟูเสน!

มีแค่ความเป็นไปได้นี่ ที่จะทำให้ไอ้เด็กนี่แว็บเดียวก็เลื่อนขั้นได้หลายขั้นในครั้งเดียว

ครั้งนี้ที่เขามาโลก หากังฟูเสน เป็นหนึ่งในภารกิจเช่นกัน

ผู้ลี้ลับดูไปที่นัยน์ตาของรพีพงษ์แว็บเดียวก็เปลี่ยนเป็นระอุขึ้นมา เขาไม่คิดว่าเด็กนี้ที่อยู่ด้านหน้า จะมีกังฟูเสนอยู่ในตัว

ถึงแม้หลังจากที่รพีพงษ์เลื่อนขั้นแล้ว ฝีมือถึงระดับแดนดั่งเทพชั้นยอม แต่ระหว่างแดนเทพ ก็ยังมีความเหลื่อมล้ำที่เหนือกว่า

ดังนั้นถ้าหุ่นเชิดจะกำจัดรพีพงษ์ ก็ยังคงไม่เป็นปัญหาเหมือนเดิม

เพียงแค่จับรพีพงษ์ไว้ให้ได้ แต่ให้ภารกิจในการมาโลกครั้งนี้ล้มเหลว เขาก็ไม่ถือว่าเสียเวลาแล้ว

ถ้าสามารถพากังฟูเสนกลับไปทวีปโอชวินได้ เขาก็จะทำสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติการณ์ได้

สูดหายใจเข้าลึกๆ ผู้ลี้ลับรีบตะโกนไปที่หุ่นเชิด “แกไม่ต้องสนใจไอ้แก่นั่นแล้ว รีบจับไอ้เด็กนั่นให้ฉัน มันสำคัญกับฉันมาก เร็ว!”

หุ่นเชิดรับคำสั่ง พุ่งไปหารพีพงษ์ทันใด

ทั้งคู่เริ่มต่อสู้กัน ด้วยความเร็ว มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแล้ว

รพีพงษ์ก็ตะลึงกับการเลื่อนขั้นในครั้งนี้ของตัวเองเช่นกัน ถึงแม้เมื่อก่อนเขาได้คาดเดาไว้ ว่าถ้าตัวเองเลื่อนขั้น จะต้องไม่ได้เลื่อนไปแดนดั่งเทพขั้นต้นนั้นแน่นอน

แต่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่คาดคิด ว่าแดนของเขาจะไปแดนดั่งเทพชั้นยอดโดยตรงเลย!

เขาเพียงแค่ต้องก้าวไปข้างอีกขั้นเดียว ก็เป็นแดนเทพแล้ว

ดังนั้น รพีพงษ์ก็เข้าใจ ว่ากังฟูเสนไม่ธรรมดา เทียบกับยอดฝีมือแดนเดียวกัน รพีพงษ์มีกังฟูเสน เหมือนกับมีไม้ตายเพิ่มขึ้นอีก

แม้ตอนนี้แดนของรพีพงษ์คือแดนดั่งเทพชั้นยอด มีความแตกต่างอย่างมากกับแดนเทพ แต่กังฟูเสนให้พลังที่มากกว่าปกติกับรพีพงษ์ ทำให้เขาสามารถต่อกรกับหุ่นเชิดได้

แน่นอน หนึ่งในนั้นเป็นเพราะธัชธรรมกับค่ายกลทำงานร่วมกันต่อกรกับหุ่นเชิดจึงทำให้หุ่นเชิดเสียศูนย์อย่างมาก

ทั้งสองต่อสู้กันเป็นร้อยๆท่า กล่าวได้ว่าในลานจัตุรัสเต็มไปด้วยลมสนั่นหวั่นไหว อย่างรวดเร็ว เสียงดังกังวาน

หลังจากผ่านการจู่โจมครั้งนี้ไป รพีพงษ์ถอยหลังไปอย่างเร็ว แล้วหายใจ

ขณะนี้ในมือของเขามีพลังวิเศษเสนรวมอยู่เป็นดาบยาว ลักษณะเหมือนมุรามาสะ

หลังจากที่ฝีมือถึงแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว รพีพงษ์ก็ไม่ต้องใช้อาวุธในการเพิ่มพลังอีกต่อไป เขาใช้พลังรวบรวมเป็นดาบยาว พลังน่ากลัวกว่ามุรามาสะมาก

แต่เพราะเพิ่งจะเลื่อนขั้น ยังไม่มั่นคง บอกกับก่อนหน้านี้ที่รพีพงษ์บาดเจ็บหนัก ผลข้างเคียงของวิธีลับก็เริ่มจะชัดเจนขึ้น หลายๆเหตุผล ทำให้รพีพงษ์อดทนต่อไปได้ไม่นานแล้ว

เขาจ้องไปที่หุ่นเชิด หลับตาลง เขาจะต้องใช้เวลาไม่กี่นาทีต่อจากนี้ไป กำจัดมันให้ได้ มิเช่นนั้นเขาก็จะแพ้ด้วยน้ำมือของหุ่นเชิดอย่างแน่นอน

ผู้ลี้ลับจ้องรพีพงษ์ดูแคลน แล้วกล่าว “เด็กน้อย แม้ในตัวแกจะมีกังฟูเสน แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แกให้จับโดยละม่อม ฉันจะไว้ชีวิตแก แกละอ่อนขนาดนี้ ไม่อยากตายที่นี่หรอกใช่มั้ย? ”

รพีพงษ์ฟังคำพูดของผู้ลี้ลับ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้วถาม “แกรู้จักกังฟูเสน?”

ผู้ลี้ลับหัวเราะ แล้วกล่าว “แสดงว่าที่ฉันเดานะถูก เด็กน้อย กังฟูเสนของแกมีผลมาก เพียงแค่แกยอมมา ฉันรับประกันว่าแกจะมีชีวิตอยู่ต่อไป และแกจะได้รับการฝึกฝนอย่างไร้ขีดจำกัดที่ทวีปโอชวิน!”

รพีพงษ์ไตร่ตรองในใจ แสดงว่าตอนแรกที่เขาคาดเดาไว้นั้นเป็นความจริง ว่ากังฟูเสนไม่ธรรมดา คนนี้ที่บอกว่าตัวเองมาจากทวีปโอชวินรู้จักกังฟูเสน และเหมือนว่าจะให้ความสำคัญกับมันอีกด้วย

แต่เขาไม่มีทางจะถูกสิ่งที่เขาพูดมาดึงดูดแน่นอน ต่อให้แดนของเขาเทียบไม่ได้กับหุ่นเชิด แต่จะจัดการหุ่นเชิดนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

“แกคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง? วันนี้ฉันไม่มีทางตาย หุ่นเชิดนี้ของแก ทำอะไรฉันไม่ได้!”

พูดจบ ดาบยาวในมือของรพีพงษ์สลายไป แต่เปลี่ยนเป็นกระบี่ยาวสีทอง นั่นคือกระบี่สยบเซียน!

หลังจากที่ถึงแดนดั่งเทพชั้นยอด จิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ก็เพิ่มขึ้นถึงขั้นสูงสุดแล้ว เพิ่งเลื่อนขั้นไม่นาน รพีพงษ์พบว่า กระบี่สยบเซียน มีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อน ในหัวของเขา ก็มีความทรงจำเกี่ยวกับกระบี่สยบเซียนอยู่บ้าง

จากความทรงจำเหล่านั้น รพีพงษ์เชื่อมัน จะใช้กระบี่สยบเซียน กำจัดหุ่นเชิดนั่นเสีย

ผู้ลี้ลับสังเกตเห็นในมือของรพีพงษ์จากดาบเปลี่ยนเป็นกระบี่ แต่เขาไม่สนใจ คิดว่ารพีพงษ์ก็แค่เปลี่ยนอาวุธเท่านั้น

“เด็กน้อย แกมีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แกอย่าคิดว่าฉันล้อเล่นนะ เมื่อกี้ที่ฉันพูดไปทั้งหมด จริงทุกอย่าง แกต้องอยู่ให้เป็น!” ผู้ลี้ลับตะโกนใส่รพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่สนคำพูดของเขา แต่กลับพุ่งไปที่หุ่นเชิดอย่างเร็ว

เขากำลังจะถึงขีดจำกัดแล้ว ดังนั้นจะช้าไม่ได้อีกต่อไป

ผู้ลี้ลับเห็นรพีพงษ์ไม่ฟังเขา ก็หน้าโมโหอย่างมาก แล้วสั่งหุ่นเชิดว่า “ทำลายแขนขาของมัน ไม่ต้องทำลายถึงชีวิต!”

หุ่นเชิดไม่ลังเลใดๆ พลังในร่างกายเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จนกดพลังในตัวของรพีพงษ์ลงไป

ผู้ลี้ลับเห็นรพีพงษ์ยังคงสู้ต่อไปอย่างห้าวหาญไม่หวั่นใดๆ ก็ดูแคลน แล้วกล่าว “เด็กน้อย แล้วแกจะเสียใจกับการเลือกของแก!”

รพีพงษ์พุ่งไปด้านหน้าของหุ่นเชิด พลังในมือของหุ่นเชิดระเบิดออก ตบไปที่อกของรพีพงษ์

รพีพงษ์หลบอย่างเร็ว หยิบกระบี่สยบเซียนฟันไปที่หุ่นเชิด

หุ่นเชิดเห็นเหตุการณ์ ก็รีบถอยหลัง หลบไป

ขณะนี้ใบหน้ารพีพงษ์ดูมีเล่ห์เหลี่ยมขึ้นมา จากนั้นมือที่จับกระบี่สยบเซียนก็คลายลง

“เชด!”

กระบี่สยบเซียนหลุดออกจากมือของรพีพงษ์ แล้วลอยไปที่หุ่นเชิดนั้น

ผู้ลี้ลับเห็นดังนี้ ก็เยาะเย้ยออกมา “คิดว่าพลังเล็กน้อยแค่นี้จะทำอะไรผู้แข็งแกร่งแดนเทพได้หรือไง? ตลกชะมัด!”

เขาเพิ่งพูดจบ บนกระบี่สยบเซียนเปล่งละแสงออกมา กลิ่นอายของการจู่โจมแดนเทพออกมา จากนั้นกระบี่ ก็แทงเข้าไปที่ร่างของหุ่นเชิดอย่างรุนแรง

แสงนั้นหายไป แว็บเดียวกระบี่สยบเซียนก็ได้กลับมาที่มือของรพีพงษ์

หุ่นเชิดนั้น ถูกกระบี่สยบเซียนผ่าออกไปสองส่วน!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท