พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1000 รับหน้าที่เจ้าสำนักคนต่อไป

บทที่1000 รับหน้าที่เจ้าสำนักคนต่อไป

บทที่1000 รับหน้าที่เจ้าสำนักคนต่อไป

ได้ยินคำพูดของธัชธรรม รพีพงษ์ก็กระตุกคิ้ว ไม่คิดว่าโลกนี้จะมีเรื่องประหลาดแบบนี้อยู่ด้วย

สถานที่ที่เป็นเอกเทศจากโลก รพีพงษ์เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรก

“ตอนนี้พวกเราไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับทวีปโอชวินมากนัก รู้เพียงแค่ว่ายอดเยี่ยมมาก แดนเทพ ที่ทวีปโอชวิน ก็เป็นแค่เริ่มต้น ห่างจากผู้แข็งแกร่งจริงๆ อีกไกลมาก” ธัชธรรมกล่าวต่อ

รพีพงษ์รีบให้เขาหยุดพูด กล่าว “พอล่ะ นี่เป็นความลับของกลุ่มสิงโต ผมรู้ให้น้อยๆหน่อยจะดีที่สุด”

ธัชธรรมหัวเราะ กล่าว “แกคือเจ้าสำนักคนถัดไปที่ฉันเลือกไว้แล้ว เรื่องนี้ ยังไงแกก็ต้องรู้อยู่วันยังค่ำ”

รพีพงษ์ชะงัก แล้วกล่าวอย่างสงสัย “เจ้าสำนักคนต่อไป? ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้เลย?”

“เดิมทีฉันกะว่าจะรอให้ฝีมือแกเก่งกว่านี้อีกหน่อยแล้วค่อยบอก แต่สิ่งที่ทำให้ฉันคิดไม่ถึงก็คือ ครั้งเดียวก็เลื่อนขั้น ไปเป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดเลย ฝีมือแบบนี้ เป็นเจ้าสำนักสิงโต เหลือเฟือ ดังนั้นตอนนี้ฉันบอกแกก็ไม่เห็นจะเป็นไร” ธัชธรรมยิ้มพลางกล่าว

“ขอโทษครับ ผมไม่อยากเป็นเจ้าสำนักกลุ่มสิงโต คุณให้คนอื่นเถอะนะ” รพีพงษ์ปฏิเสธธัชธรรม

“หลังจากที่ผ่านเรื่องนี้มาแกคิดว่าตัวเองจะเป็นอิสระไม่มีข้อผูกมัดใดๆเหมือนเมื่อก่อนได้หรอ?” ธัชธรรมจ้องรพีพงษ์แล้วถาม

ได้ยินคำถามนี้ของธัชธรรม รพีพงษ์ก็ถอนอย่างเบื่อหน่าย

จากการที่เข้าใจโลกนี้มากขึ้น รพีพงษ์มีเรื่องมากมาย ไม่ใช่ว่าตัวเองคิดจะทำอะไรก็ทำได้

อย่างเช่นการลักลอบเข้ามาของคนทวีปโอชวิน รพีพงษ์จะไม่สนใจเลยก็ได้ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเขาลงมือ ครั้งนี้ธัชธรรมอาจถูกฆ่าได้

และการที่ผู้ลี้ลับนั้นของทวีปโอชวินพาหุ่นเชิดแดนเทพมา ทำให้โลกนี้ลุกเป็นไฟ

ตอนนั้น เมียและลูกตัวเอง ยังมีชีวิตอยู่อย่างสงบได้อย่างไรกัน

ดังนั้นต่อให้ทำเพื่อความสงบของเมียและลูก เขาก็ต้องลงมือ

รพีพงษ์รู้ว่าทำไมธัชธรรมจึงเลือกตนเป็นเจ้าสำนักกลุ่มสิงโต แม้เขาไม่อยากเป็น แต่ก็เป็นเรื่องที่เขาปฏิเสธไม่ได้

“ปัจจุบันนี้ฝีมือแกถึงขั้นที่สามารถต่อกรโดยลำพังได้แล้ว ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันอาจตายแล้วก็ได้” ธัชธรรมมองรพีพงษ์ “ดังนั้นฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าให้แกเป็นเจ้าสำนักกลุ่มสิงโตคนต่อไป”

พูดพลาง ธัชธรรมได้เอาป้ายหยิบออกมาจากชุด แล้วยื่นให้รพีพงษ์

“แม้แกจะยังละอ่อน และจากคุณสมบัติยังไม่มีสิทธิ์พอที่จะเป็นเจ้าสำนัก แต่เมื่อถึงจุดนี้ ฝีมือถึงจะเป็นทุกอย่าง และจิตใจของแก มั่นคงกว่าคนที่มีอายุกว่าร้อยปีอีก ดังนั้นฉันไว้ใจที่จะมอบตำแหน่งเจ้าสำนักนี้ให้กับแก”

รพีพงษ์มองไปยังป้ายที่วางไว้บนโต๊ะ อย่างประหลาดใจ แล้วถาม “ต่อให้คุณอยากให้ผมเป็นเจ้าสำนักกลุ่มสิงโต ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาคำบัญชาการเจ้าสำนักให้ผมตอนนี้หนิ?”

ธัชธรรมหัวเราะ กล่าว “จากเรื่องนี้ทำให้ฉันรู้ถึงสภาพร่างกายของตัวเองในตอนนี้ ฉันแก่แล้ว และถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น แม้แต่ชีวิตก็จะรักษาไว้ไม่อยู่ ดังนั้นรีบมอบตำแหน่งเจ้าสำนักนี้ไว้ก่อนจะดีกว่า”

ได้ยินคำพูดของธัชธรรม รพีพงษ์ก็รู้สึกเซ็ง เขาเข้าใจความรู้สึกของธัชธรรม แม้จะไม่อยากรับ แต่นี่คือความจริง

“แกสบายใจได้ ฉันแค่คอนเฟิร์มมันเอาไว้ก่อน ตอนนี้ก็ยังไงอิสระไม่มีข้อผูกมัดใดๆได้อยู่ เพียงแค่ฉันยังมีชีวิตอยู่ เรื่องของกลุ่มสิงโตฉันจะช่วยแกจัดการเอง แต่หลังจากที่ฉันตายแล้ว ภาระของกลุ่มสิงโต ก็อยู่ในมือของแกแล้ว” ธัชธรรมกล่าวต่อ

ครั้งนี้รพีพงษ์ไม่ปฏิเสธ แต่พยักหน้าเงียบๆ แล้วเก็บคำบัญชาการเจ้าสำนักไว้

ฝีมือยิ่งแกร่ง ความรับผิดชอบก็ยิ่งใหญ่ขึ้น

รพีพงษ์รู้ดีกับเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เขาทำมานี้ ก็เพื่อให้อารียาและหนูลินได้อยู่อย่างสงบสุข ถ้าสามารถให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์นี้ด้วย เขาก็ไม่ถือสา

“เกี่ยวกับทวีปโอชวินนั้น แกรอให้กลับไปถึงสำนักงานใหญ่กลุ่มสิงโต ให้ไปหาฉันที่เขานั้น ไปหาผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ท่านจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับทวีปโอชวินอย่างละเอียดให้แกฟัง” ธัชธรรมกล่าว

“คุณไม่กลับไปหรอ?” รพีพงษ์ถาม

“ไอ้นั่นมันเปิดทางมาที่นี่ ทางนี้ไม่มีทางหายไปง่ายๆ ฉันจะต้องไปหาทางนี้ให้ได้ เพื่อไม่ให้คนของทวีปโอชวินมาได้” ธัชธรรมตอบกลับ

รพีพงษ์พยักหน้า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งจริงๆ

“แน่นอน แกไม่ต้องเครียดมากเกินไป การเปิดทางนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าคนของทวีปโอชวินอย่างจะโลกในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้ เป็นไปไม่ได้ แกจะทำอะไรก็ทำไป อย่าให้เรื่องนี้มากระทบเรื่องส่วนตัวของแกได้” ธัชธรรมพูดเสริม

“รับทราบ” รพีพงษ์ตอบธัชธรรมอย่างเป็นทางการ

ธัชธรรมยิ้มพลางตบไหล่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “ความรู้สึกที่เอาภาระให้คนอื่นนั้นมันชั่งสบายจริงๆ ดูๆแล้วอนาคตฉันจะได้ผ่อนคลายลงบ้างแล้วล่ะ”

รพีพงษ์มองบน ไม่พูดอะไร

ขณะนี้ฟีน่าสวมหมวก ในมือถือตะกร้า เดินไปที่พวกเขา

“รีบมาชิมผลไม้ที่ฉันเด็ดออกมาจากสวนเมื่อกี้เร็ว ผลไม้พวกนี้ฉันปลูกมันเองกับมือเลยนะ อร่อยมาก” ฟีน่ายิ้มพลางมองไปที่ทั้งสอง

ทั้งคู่ก็เดินไปชิมด้วยมารยาท แล้วยังชมว่าผลไม้เหล่านี้อร่อย

“ฟีน่า ถ้าไม่มีเหตุอะไร เดี๋ยวพวกเราน่าจะต้องไปแล้วล่ะ” รพีพงษ์พลางกินผลไม้ที่ฟีน่ายื่นมาให้ พลางพูด

ฟีน่าได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ มือที่ยื่นอยู่ก็หยุดลง

“จะ ไปแล้วหรอ?” ฟีน่าพึมพำกับตัวเอง

“ขอบคุณคุณมากที่ดูแลพวกเราในช่วงที่ผ่านมา วิธีการหายใจออกที่ผมสอนคุณไป เพียงคุณฝึกฝนมันทุกวันตามเวลา ใช้เวลาไม่นาน ร่างกายของคุณก็จะเหมือนคนทั่วไป” รพีพงษ์พูดต่อ

ฟีน่าพยักหน้า แต่ดูออกว่าเธอไม่อยากให้รพีพงษ์จากไป

แม้จะรู้ว่าตอนแรกที่รพีพงษ์สอนวิธีหายใจออก ก็เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่ฟีน่าได้เกิดความรู้สึก กับรพีพงษ์ไปแล้ว

“คนที่ควรจะพูดขอบคุณคือฉัน ชีวิตของฉันคุณเป็นคนช่วยไว้ สิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมด ก็สมควรแล้ว” ฟีน่าตอบกลับ

เห็นท่าทางอาลัยอาวรณ์ของหญิงสาวคนนี้ รพีพงษ์ก็ยิ้ม แล้วกล่าว “อย่าทำหน้าเศร้าสิ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ยินดีที่ได้รู้จักคุณ”

ฟีน่าเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากขยับ เหมือนอยากจะพูดอะไร

เธออยากบอกรพีพงษ์ เธอไม่เพียงแค่อยากรู้จักรพีพงษ์ เธอยังอยากรู้จักรพีพงษ์ และทำอะไรทำเป็นความทรงจำกับเขาให้มากขึ้นไปอีก

แต่ทว่าสุดท้ายเธอก็ไม่พูดออกมา เพราะเธอรู้ดี สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเธอที่ฟุ้งซ่านเท่านั้น

“เดินทางโดยสวัสดิภาพ” ฟีน่ากล่าว ด้วยรอยยิ้มที่ปลง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท