พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1006ธีรพัฒน์

บทที่1006ธีรพัฒน์

บทที่1006ธีรพัฒน์

เขาใจน้ำกลุ่มส่งโต

รพีพงษ์เดินไปที่ยอดเขา และไม่ไกลนัก ก็เห็นกระท่อมเล็กหลังนั้นของธัชธรรม

เรื่องราวของคนใหม่ที่มีรับตำแหน่งเจ้านาย รพีพงษ์ได้ส่งมอบหมายงานให้ทุกคนฟังอย่างชัดเจน ถือโอกาสเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่ประเทศรัสเซียให้ทุกคน ทำให้พวกเขาระมัดระวังตัวมากขึ้น อันตรายของโลกใบนี้ ห่างไกลกว่าที่มองเห็นมาก

หลังจากฟังรพีพงษ์เล่าเรื่องการต่อสู้หลายครั้งในcentral squareของมอสโกจบ ก็เผยให้ถึงความแน่วแน่จริงจัง สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึง รพีพงษ์และธัชธรรมทั้งสองคน กลับประสบกับปัญหาใหญ่เช่นนี้ในประเทศรัสเซีย

หลังจากนั้นทุกคนก็ผ่านวิธีการอย่างบาง หาวิดีโอการต่อสู้ในcentral squareจนเจอ

ทุกคนที่ได้รับชมวิดีโอมีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับรพีพงษ์ ในใจก็เกิดความนับถือชื่นชมไปตามธรรมชาติ

แม้ว่าเขาจะประลองกับตปธน ก็ได้รับชัยชนะมาแล้ว แต่ฉากการต่อสู้ที่อาศัยหมัดเท้าแบบนี้ ไม่ได้ทำให้ผู้คนเกิดความตกใจมากนัก

แต่การต่อสู้ในcentral square ค่ายกลพลังม่านปรากฏออกมา วิสัยทัศน์ที่เกิดหลังจากที่รพีพงษ์ก้าวหน้า และฉากที่มือของเขาถือกระบี่สยบเซียนฟันหุ่นเชิดแดนเทพออกเป็นครึ่งหนึ่ง ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างไม่อาจบรรยายได้

ในเวลานี้ทุกคนถึงได้รู้ดีว่า แม้ว่ารพีพงษ์จะบอกความแข็งแกร่งของตัวเองเป็นแดนดั่งเทพชั้นยอด แต่เขากลับมีกลยุทธ์ฆ่าทำลายผู้แข็งแกร่งแดนเทพ ไม่เพียงแค่นี้ ต่อให้เป็นธัชธรรมก็เทียบไม่ได้

ทุกคนสำหรับการรับตำแหน่งเจ้านายของรพีพงษ์ ไม่ความคิดเห็นอะไรทั้งนั้น

ใบหน้าของตปธนเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน รู้สึกว่าท่าทีก่อนหน้านี้ของตัวเองที่มีต่อรพีพงษ์น่าตลกเกินไป เขาสงสัยคนที่ฆ่ายอดฝีมือแดนเทพที่แข็งแกร่ง ถ้าหากข่าวคราวของการต่อสู้ในcentral squareส่งกลับมาที่กลุ่มสิงโตก่อน เขาคงจะไม่มีทางใช่ท่าทีแบบนี้ปฏิบัติต่อรพีพงษ์อย่างแน่นอน

หลังจากที่หงส์เข้าใจการต่อสู้ในcentral square ในใจก็ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย รพีพงษ์ยิ่งแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แต่นี่ก็หมายความว่า ช่องว่างระหว่างหล่อนและรพีพงษ์ห่างไกลกันมากขึ้น

แน่นอนว่า ในใจหงส์เองก็รู้ดี ความคิดเหล่านั้นของหล่อน ถึงท้ายที่สุดแล้ว ก็เป็นแค่เรื่องเพ้อฝันเท่านั้นเอง และกำลังจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน

และเรื่องราวผู้แข็งแกร่งของทวีปโอชวินบุกรุก ก็ทำให้ทุกคนประหม่าขึ้นมา อีกฝ่ายส่งคนมาเพียงคนเดียว ก็ทำการเคลื่อนไหวใหญ่เช่นนี้ออกมาได้ ในฐานะผู้พิทักษ์อย่างเป็นระเบียบ ทุกคนในกลุ่มสิงโต ต่างมีภาระหน้าที่คิดหาวิธีต่อต้านความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นนี้

ที่ผ่านมา เรื่องของทวีปโอชวิน แม้แต่คนระดับสูงของกลุ่มสิงโต รู้ก็ไม่มากนัก หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์นี้ ธัชธรรมรู้สึกว่าจำเป็นต้องบอกทุกคน ดังนั้นรพีพงษ์จึงได้รับอนุญาตให้อธิบายรายละเอียดของเรื่องนี้ออกมา

หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องราวเหล่านี้ รพีพงษ์มาถึงที่เขาใจน้ำ

ก่อนหน้าที่จะกลับมา ธัชธรรมกำชับให้รพีพงษ์มาหาผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่นี่ และบอกเขาว่าผู้อาวุโสท่านนี้จะบอกเรื่องราวบางอย่างที่เกี่ยวกับทวีปโอชวินให้กับเขา

ตรงไปถึงที่หน้ากระท่อม รพีพงษ์ยื่นมือออกไปผลักประตูออก เข้าไปในกระท่อม จากนั้นเขาทำตามที่ธัชธรรมบอก อยู่ที่มุมหนึ่งของกระท่อม หาแผ่นไม้ที่สามารถเปิดออกได้ ด้านล่างเป็นช่องทางที่นำไปสู่ด้านในของภูเขา

รพีพงษ์เดินไปตามทาง จนมาถึงใจกลางภูเขา หลังจากที่เข้ามาในถ้ำขนาดใหญ่ ถึงได้หยุดลงมา

เขามองฉากในถ้ำอย่างอยากรู้อยากเห็น ในใจเต็มไปด้วยความประหลาดใจ คาดไม่ถึงบนภูเขานี้ ยังมีสถานที่เช่นนี้อยู่

ไม่มีแหล่งกำเนิดแสงในถ้ำ แต่ทันทีที่เขาเข้ามา ผนังรอบๆถ้ำ คบเพลิงหลายอันถูกจุดโดยอัตโนมัติ ทำให้ทั้งถ้ำสว่างไสวขึ้นมา

รพีพงษ์มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง และพบว่ามีแท่นบูชาอยู่ไม่ไกล และบนแท่นบูชา มีเทียนวางอยู่ และด้านหลังแท่นบูชา คือกำแพงหินที่เรียบเหมือนราวกับกระจก

ในกำแพงหิน พลังสีดำและแปลกประหลาดได้รวมตัวกันเป็นกระแสวังวน ดูไปค่อนข้างให้ความรู้สึกมืดมน

รพีพงษ์เดินตรงไปที่กำแพงหิน ต้องการดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับกำแพงหินนี้

ในขณะเดียวกันเขาก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นอยู่ในใจ ธัชธรรมบอกว่าที่นี่มีผู้อาวุโสคนหนึ่งอยู่ แต่ถ้ำนี้ไม่เหมาะกับที่คนจะใช้ชีวิตอยู่อย่างเห็นได้ชัด และเขาไม่เห็นใครในถ้ำ

ก็ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสที่ธัชธรรมพูดถึง อยู่ที่ไหนกันแน่

เดินไปถึงตรงหน้ากำแพงหิน รพีพงษ์จ้องมองไปที่กระแสวังวนสีดำด้านในอย่างระมัดระวัง จากนั้นปลดปล่อยพลังจิตของตัวเองออกมา สำรวจไปทางกำแพงหิน

แต่ก่อนที่พลังจิตของเขาจะสัมผัสกับกำแพงหิน ก็รู้สึกได้ถึงการต่อต้านที่แปลกประหลาด เพื่อให้พลังจิตของเขาไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้แม้แต่ครึ่งก้าว

นี่เป็นครั้งแรกที่รพีพงษ์พบกับสถานการณ์ที่พลังจิตล้มเหลว

ว่ากันตามเหตุผลของพลังจิตสามารถแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่ ตอนนี้กลับไม่สามารถเข้าใกล้กำแพงหินนี้ได้ ซึ่งเพียงพอที่จะอธิบายความพิเศษของกำแพงหินนี้ได้

ในขณะที่รพีพงษ์ยังคงพยายามลองต่อไป เสียงก็ดังขึ้นในหูของรพีพงษ์อย่างกะทันหัน ทำให้รพีพงษ์ตกใจ

“ไม่ต้องลองแล้ว กำแพงหินนี้เป็นผนึกพลังจิตไม่สามารถผ่านได้”

รพีพงษ์รีบมองไปรอบๆ และพบว่าไม่มีใครปรากฏตัว ที่สำคัญพลังจิตของเขาไม่รับรู้ว่ามีใครอยู่รอบๆตัว

สิ่งนี้ทำให้รพีพงษ์รู้สึกขนลุกเล็กน้อยที่ พลังจิตไม่สามารถรับรู้คนได้ หรือว่าจะเป็นผีเหรอ?

ในขณะนี้ มีร่างปรากฏบนกำแพงหินตรงหน้ารพีพงษ์ เป็นชายชราผมหงอก รูปร่างของเขาดูเลือนราง ที่สำคัญมีความรู้สึกโปร่งใส และดูเหมือนวิญญาณจริงๆ

“ท่านเป็นคนหรือผี? ทำไมถึงมาปรากฏตัวอยู่ในกำแพงหินนี้?”รพีพงษ์มองไปที่ร่างอย่างระมัดระวัง และเอ่ยปากถาม

คนคนนั้นยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ฉันไม่ใช่คน แต่ก็ไม่ใช่ผี นายสามารถเรียกฉันว่าธีรพัฒน์ ฉันเป็นอาจารย์ของธัชธรรม เขาน่าจะให้นายมาใช่มั้ย?”

ม่านตาของรพีพงษ์หดตัวลง และคำพูดของธีรพัฒน์ก็ดังก้องอยู่ในหูซ้ำๆ เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

คนคนนี้บอกว่าตัวเองเป็นอาจารย์ของธัชธรรม!

ต้องรู้ว่าธัชธรรมอายุร้อยห้าสิบปีกว่าแล้ว อาจารย์ของเขาคงจะเป็นปีศาจแก่อายุสองร้อยปี หากร่างในกำแพงหินเป็นอาจารย์ของธัชธรรมจริงๆ รวมทั้งที่เขาบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนหรือผี หรือเป็นปีศาจจริงๆเหรอ?

ธีรพัฒน์มองออกว่ารพีพงษ์สงสัย อธิบายด้วยรอยยิ้ม: “ฉันเป็นวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ นายจิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์แล้ว น่าจะรู้ลักษณะพิเศษของจิตวิญญาณเทพ ร่างกายของฉันได้ตายไปแล้ว เหลือเพียงวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ อาศัยพลังภายนอกฝืนทนรักษาให้คงอยู่ต่อไป”

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว คาดไม่ถึงร่างนี้เป็นวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ หรือว่าคนที่จิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์ อยู่ในร่างกายที่ตายแล้ว ยังสามารถอาศัยจิตวิญญาณเทพอยู่ต่อไปได้เหรอ?

“เท่าที่ผมรู้ ถ้าร่างกายตายแล้ว จิตวิญญาณเทพก็จะสลายไปเช่นกัน? ทำไมท่านสามารถอยู่ต่อไปได้?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

ธีรพัฒน์ยิ้มอย่างเศร้าๆ แล้วพูดว่า: “เพราะฉันเพื่อที่จะขัดขวางคนของทวีปโอชวินมาบนโลก ใช้จิตวิญญาณเทพของตัวเองผนึก ช่องทางการขนส่งนี้”

“แม้ว่าฉันยังไม่ตาย แต่ก็ไม่มีทางรอดจากกำแพงหินนี้ไปได้ตลอด คำนวณดูแล้ว ฉันก็อยู่ในกำแพงหิน อยู่มานานหลายร้อยปีแล้ว”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท