พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1009 หลุดพ้นจากกำแพงหิน

บทที่1009 หลุดพ้นจากกำแพงหิน

บทที่1009 หลุดพ้นจากกำแพงหิน

ถ้าหากธีรพัฒน์ไม่พูดถึงเรื่องนี้ ตัวรพีพงษ์เองก็คงจะลืมไปว่าตัวเองยังมีไม้เทพแดงแผ่นใหญ่อยู่หนึ่งท่อน

ตอนนั้นจิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์ รพีพงษ์ก็ใช้ไม้เทพแดงไปเพียงเล็กน้อยของครึ่งหนึ่ง

ยังเหลือมากกว่าครึ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้ใช้มาโดยตลอด

แต่เพราะของสิ่งนี้ล้ำค่ามากกว่า รพีพงษ์ก็พกติดตัวอยู่ตลอดเวลา ในเวลานี้ไม้เทพแดงนั้นอยู่ในกระเป๋าเป้ของรพีพงษ์

รพีพงษ์ถึงได้เข้าใจ ตอนนั้นธัชธรรมไปหานิรภัฏเพื่อขอไม้เทพแดง ที่แท้เพื่อช่วยธีรพัฒน์

ธีรพัฒน์ได้ยินคำถามของรพีพงษ์ ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วพูดว่า: “ต้องการมากเท่าไหร่ก็ไม่มีความหมายแล้ว ไม้เทพแดงนี้หาไม่พบแล้ว ก็มีเพียงนิรภัฏหมอนั่นที่ยังเหลืออยู่เล็กน้อย น่าเสียดายยังไม่เพียงพอ”

“ผู้อาวุโส อย่ามองโลกในแง่ร้าย ไม้เทพแดง ที่ของผม ก็มีอยู่เล็กน้อย”รพีพงษ์เอ่ยปาก

ธีรพัฒน์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แล้วก็ยังคงยิ้มและพูดว่า: “คาดไม่ถึงว่าที่ของนายก็มีไม้เทพแดง แต่ต้องการทำให้จิตวิญญาณเทพของฉันหนาแน่น ต้องการจำนวนมาก ที่สำคัญตอนนี้กลุ่มสิงโตมีนาย ฉันไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นแล้ว ต่อให้ไม่มีไม้เทพแดง ก็ไม่เป็นไร ดังนั้นนายเก็บไม้เทพแดงไว้ ในอนาคตอาจได้ใช้”

เมื่อรพีพงษ์เห็นธีรพัฒน์พูดเช่นนี้ จึงเอ่ยปากพูดว่า: “ผู้อาวุโสอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ รอผมเอาไม้เทพแดงออกมา หลังจากที่ท่านดูแล้ว พอไม่พอค่อยว่ากัน”

หลังจากพูดจบ รพีพงษ์ก็หันหลังเดินออกจากถ้ำ

เขากลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว หาไม้เทพแดงที่เหลืออยู่ออกมา กลับไปที่ถ้ำในเขาใจน้ำ

รพีพงษ์มาที่หน้ากำแพงหิน ธีรพัฒน์มองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “ความจริงนายไม่ต้องลำบากขนาดนี้ ต่อให้นายมีไม้เทพแดง อย่างมากก็ทำได้เพียงให้จิตวิญญาณเทพของฉันอยู่ได้นานไประยะหนึ่ง ต้องการให้ฉันหลุดพ้นจากกำแพง จิตวิญญาณเทพหนาแน่นจนอยู่ได้อย่างแท้จริงไม่แตกต่างจากอะไร ต้องการ….”

คำพูดของธีรพัฒน์ยังพูดไม่จบ รพีพงษ์ได้นำไม้เทพแดงออกมา วางไว้บนแท่นบูชา

ธีรพัฒน์เห็นไม้เทพแดงขนาดใหญ่หนาเท่าแขน ในปากก็ไม่มีเสียงทันที

“ผู้อาวุโส ไม่ทราบแค่นี้พอมั้ย ถ้าหากไม่พอ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่มีวิธีแล้วจริงๆ”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

ธีรพัฒน์ไม่ได้ตอบรพีพงษ์ แต่ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองไปที่ไม้เทพแดง โดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเป็นเวลานาน

รพีพงษ์รู้สึกแปลกๆ จึงเอ่ยปากถามว่า: “ผู้อาวุโส ท่านเป็นอะไรเหรอ? หรือว่ารู้สึกว่าไม้เทพแดงแค่นี้น้อยเกินไปเหรอ?”

หลังจากนั้นไม่นาน ธีรพัฒน์ก็กลับมามีสติอีกครั้ง มองไปที่รพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน แทบอยากออกจากกำแพงหินตอนนี้ ดูว่าบนตัวของเด็กคนนี้ยังมีความลับที่น่าอัศจรรย์มากมายอยู่เพียงใด

ไม้เทพแดงท่อนใหญ่ขนาดนี้ อย่าว่าทำให้จิตวิญญาณเทพของเขาหนาแน่น ออกมาจากในกำแพงหิน ต่อให้ถือโอกาสให้เขาอุ่นรักษาจิตวิญญาณเทพของตัวเอง ลองก้าวหน้าก็เพียงพอแล้ว

ถ้าหากรู้ก่อนว่ารพีพงษ์มีไม้เทพแดงท่อนใหญ่ขนาดนี้ เขาก็รับปากกับรพีพงษ์ไปนานแล้ว

“นี่…..ไม้เทพแดงเหล่านี้ เพียงพอที่จะทำให้จิตวิญญาณของฉันหนาแน่น หลุดพ้นจากกำแพงหินแล้ว! พระเจ้าช่วย ฉันคาดไม่ถึงจริงๆ นายจะมีไม้เทพแดงท่อนใหญ่ขนาดนี้!”ธีรพัฒน์พูดกับรพีพงษ์เกือบจะยับยั้งท่าทางไว้ไม่อยู่

รพีพงษ์ได้ยินธีรพัฒน์พูดแบบนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ ตราบใดที่พอใช้ก็พอแล้ว เดิมทีเขาคิดว่ามันยังไม่พอ

“ในเมื่อพอใช้ ถ้าอย่างนั้นผู้อาวุโสก็รีบลองใช้ไม้เทพแดงเหล่านี้ลองหลุดพ้นจากกำแพงหินดูเถอะ ถ้าหากผู้อาวุโสออกมาจากกำแพงหิน จิตวิญญาณบรรลุถึงแดนหนาแน่ สามารถอยู่มีชีวิตรอดได้โดยไม่ต้องอาศัยร่างกาย ถ้าอย่างนั้นกลุ่มสิงโตจะเพิ่มประสิทธิภาพในการรบที่ทรงพลังขึ้นอีกหนึ่งท่าน”รพีพงษ์เอ่ยปากพูดด้วยรอยยิ้ม

ธีรพัฒน์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และเอ่ยปากพูดว่า: “ไม่เทพแดงเป็นสมบัติที่หายาก ของสิ่งนี้เป็นของนาย ถ้าหากฉันใช้แล้ว นายก็ไม่มีแล้ว นอกจากนี้ฉันเริ่มคุ้นเคยกับการอยู่ในกำแพงหิน ฉันว่าช่างมันเถอะ”

รพีพงษ์โต้กลับทันที: “ผู้อาวุโสเกรงใจเกินไปแล้ว โลกในตอนนี้ มีสิ่งชั่วร้ายที่ซุ่มซ่อนอยู่ ฝั่งทวีปโอชวินก็ยิ่งกระเหี้ยนกระหือรือ ถ้าหากผู้อาวุโสสามารถรอดพ้นได้ ถึงเวลาประสบกับปัญหา ถึงจะมีโอกาสมากกว่า”

“ผมก็ไม่ได้ช่วยผู้อาวุโสอย่างเดียว ตอนนี้ผมได้รับเป็นเจ้านายของกลุ่มสิงโต ผมก็จำเป็นต้องคำนึงถึงกลุ่มสิงโต”

ธีรพัฒน์ได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ลังเลขึ้นมาทันที

“ผู้อาวุโสไม่ต้องลังเล ไม้เทพแดงนี้ต่อให้ผมอาไว้ ก็ไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไร ให้ผู้อาวุโสใช้ ถึงสามารถใช้มันได้อย่างคุ้มค่าที่สุด”รพีพงษ์เอ่ยปากอีกครั้ง

ธีรพัฒน์หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า: “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะฟังนาย บุญคุณนี้ ฉันจะจดจำไปตลอด ในอนาคตหากมีโอกาส ฉันจะชดใช้ให้นายอย่างแน่นอน”

“ผู้อาวุโสเกรงใจไปแล้ว เวลาไม่เคยค่อยท่า เริ่มกันโดยเร็วที่สุดเถอะ มีอะไรที่ผมต้องทำมั้ย?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

“นายช่วยฉันตัดไม้เทพแดงนี้เป็นเศษเล็กเศษน้อย จากนั้นจุดเทียนด้วย”ธีรพัฒน์เอ่ยปากพูด

รพีพงษ์พยักหน้า วิธีนี้ เหมือนกับตอนนั้นที่เขาใช้เมื่อจิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์

เขาไม่ชักช้า ตัดไม้เทพแดงทั้งท่อนเป็นเศษเล็กเศษน้อย

จากนั้นเขาก็เอื้อมมือชี้ไป และจุดเทียนบนแท่นบูชานั้นขึ้นมา

รพีพงษ์บรรลุถึงแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว ต้องใช้กลยุทธ์เล็กน้อยแบบนี้ ยังค่อนข้างง่ายดาย

หลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จแล้ว รพีพงษ์ใช้เทียนจุดขี้เลื่อยของไม้เทพแดงเหล่านั้น ภายในระยะเวลาสั้นๆ ในถ้ำทั้งหมด ก๊าซสีครามที่เข้มข้นปรากฏขึ้น

ก๊าซเหล่านี้มีประโยชน์ต่อจิตวิญญาณเทพอย่างยิ่ง แม้ร่องรอยเพียงเล็กน้อย สามารถนำการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดมาให้จิตวิญญาณเทพได้

ธีรพัฒน์ก็ไม่ชักช้าเช่นกัน หลังจากที่รพีพงษ์จุดไม้เทพแดง หลับตาและตั้งสมาธิ และเริ่มดูดซับก๊าซในถ้ำ

อาศัยสิ่งเหล่านี้ เขาสามารถทำให้จิตวิญญาณเทพของตัวเองค่อยๆหนาแน่น ถึงเวลาหินกำแพงนี้จะเกิดการขับไล่เขา ทำให้เขาหลุดพ้นออกจากกำแพงหิน

และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพลังจิตวิญญาณเทพของเขาทำให้ผนึกมั่งคงลงมา ตอนนี้ต่อให้ไม่มีเขาแล้ว ผนึก ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรทั้งนั้น

เมื่อเวลาผ่านไปก๊าซสีครามในถ้ำก็น้อยลงเรื่อยๆ และร่างกายเดิมทีที่ดูไปแล้วลวงตาของธีรพัฒน์ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นหนาแน่นขึ้นมา

รพีพงษ์เฝ้าดูอย่างเงียบๆอยู่ข้างๆ เขามองเห็นบนกำแพงปรากฏตราของค่ายกล เปล่งแสงออกมา

ไม่นาน จิตวิญญาณเทพของธีรพัฒน์เริ่มแยกออกจากกำแพงหินทีละนิด ฉากนี้ดูค่อนข้างแปลก

ประมาณสองชั่วโมงต่อมา จิตวิญญาณเทพของธีรพัฒน์ถูกแยกออกจากกำแพงหินโดยทั้งสิ้น และก๊าซสีครามในถ้ำยังไม่ถูกดูดซึมไปหมด เขาอาศัยโอกาสนี้ หลอมรวมก๊าซสีครามทั้งหมดอยู่ที่บนจิตวิญญาณเทพของตัวเอง

หลังจากนั้นคลื่นประหลาดก็กระจายไปรอบๆ ธีรพัฒน์ก็ลืมตาขึ้นมา จิตวิญญาณของเขากลายเป็นหนาแน่นมาก ดูไปแล้วเหมือนคนปกติโดยทั่วไปไม่แตกต่างกัน!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท