พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1016 แกทำลายขีดจำกัดของฉันได้สำเร็จ

บทที่1016 แกทำลายขีดจำกัดของฉันได้สำเร็จ

บทที่1016 แกทำลายขีดจำกัดของฉันได้สำเร็จ

เจ้าของร้านอาหารลมเย็นยืนอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เอ่ยปากพูดว่า: “คุณผู้ชาย ขอโทษด้วยจริงๆ โต๊ะที่พวกคุณจองไว้ ก่อนหน้านี้ไม่นาน ถูกคุณชายของไฟลกรุ๊ปแห่งเมืองเมฆาของพวกเรายึดไปแล้ว หรือไม่ผมคืนเงินมัดจำของพวกคุณ จากนั้นให้ห้องครัวทำอาหารไม่กี่อย่างให้พวกคุณ เอากลับไปทาน คุณคิดว่ายังไง?”

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของเขา ก็ขมวดคิ้วทันที พูดอย่างไม่พอใจว่า: “พวกเราได้จองโต๊ะแล้ว เขามีสิทธิ์อะไรมายึด? ถ้าหากเขาอยากจะทานอาหารที่นี่ ทำไมไม่จองล่วงหน้า?”

เจ้านายเห็นรพีพงษ์โกรธ รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว: “คุณผู้ชาย พวกคุณน่าจะเป็นคนต่างถิ่นมาท่องเที่ยวที่นี่ใช่มั้ย อาจจะไม่รู้จักคุณชายพัทธ์”

“คุณชายพัทธ์เป็นคุณชายของไฟลกรุ๊ปนักธุรกิจใหญ่ในเมืองเมฆา ไฟลกรุ๊ปอยู่ในเมืองเมฆาเรียกได้ว่ามีเบื้องหลังที่แน่นแฟ้ม ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับคุณชายพัทธ์”

“ที่สำคัญคุณชายพัทธ์เป็นคนอารมณ์ร้อน ไม่มีทางที่จะฟังคำเตือนของใคร ถ้าหากคุณจะถือสาเขาจริงๆ สุดท้ายคงจะเสียเปรียบอย่างแน่นอน ดังนั้นคุณก็ฟังในสิ่งที่ฉันพูดเมื่อกี้นี้ เรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ”

วิธีจัดการของเจ้านายเรียกได้ว่าทั่วถึงมาก เนื่องจากเขาเป็นเพียงเจ้าของร้านอาหาร ไม่ว่ายังไง ก็สามารถสู้กับคุณชายของไฟลกรุ๊ปได้ ในเวลาเดียวกันเขาก็พิจารณาแทนรพีพงษ์ คนที่มาจากต่างถิ่น ก็ยิ่งสู้กับชัยพัทธ์ไม่ได้

แต่จากอุปนิสัยของรพีพงษ์ จะอดกลั้นกลืนความโกรธนี้ไปอย่างเงียบๆได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ใช่ว่าจะพาภรรยาและลูกออกมาครั้งหนึ่งได้ง่ายๆ เพื่อทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศของร้านอาหาร ถ้าหากนำกลับไปทาน รสชาติในนั้นจะลดลงมาก

นอกจากนี้ รพีพงษ์ไม่ได้เอาสิ่งที่เรียกว่าไฟลกรุ๊ปไว้ในสายตา

“ฉันซาบซึ้งในน้ำใจของคุณ แต่ฉันจองโต๊ะไว้แล้ว และใครก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะบังคับยึดครองมันได้ วันนี้ฉันจะทานอาหารที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นคุณชายพัทธ์หรือคุณชายวัวอะไร ก็ไม่มีสิทธิ์มาแย่งของที่ฉันจองไว้”

รพีพงษ์พูดกับเจ้านาย จากนั้นหันหน้ามองไปทางอารียา เอ่ยปากพูดว่า: “เธอพาหนูลินรออยู่ที่ข้างนอก หาสถานที่ปลอดภัย ฉันจัดการเรื่องนี้”

อารียาพยักหน้า

รพีพงษ์เดินตรงเข้าไปในร้านอาหาร เมื่อเจ้านายเห็นเช่นนี้ สีหน้าท่าทางก็ตกใจ รีบเดินตามไป ในปากก็ตะโกนว่า: “คุณผู้ชาย ทำอะไรไม่ได้เด็ดขาด คุณชายพัทธ์ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถมีเรื่องได้ด้วย ผมหวังดีกับคุณนะ!”

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจคำพูดของเขา หลังจากเข้าไปในร้านอาหาร เอ่ยปากถามว่า: “ใครคือคุณชายพัทธ์?”

เจ้านายดูทำอะไรไม่ถูก คิดในใจคนคนนี้เป็นไอ้โง่คนหนึ่งจริงๆ เขาพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว คนคนนี้ยังจะมาหาเรื่องอีก

แต่เขาก็ไม่สามารถขวางไว้ได้ ทำได้เพียงยื่นมือชี้ไปที่โต๊ะที่ชัยพัทธ์และไพทยาอยู่ แล้วพูดว่า: “คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะตรงนั้น ก็คือคุณชายพัทธ์”

รพีพงษ์เดินตรงเข้าไป ยืนอยู่ด้านข้างชัยพัทธ์ เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันจองโต๊ะนี้ไว้แล้ว เชิญพวกคุณสองคนออกไปด้วย ภรรยาและลูกของฉันจะทานอาหารที่นี่”

ชัยพัทธ์กำลังพูดคุยกับไพทยาอย่างมีความสุข จู่ๆได้ยินเสียงของรพีพงษ์ บนใบหน้าก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ หลังจากเงยหน้าขึ้นเหลือบมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง พูดอย่างเย็นชา: “นายจองอะไรไว้แล้ว? ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ที่นี่ โต๊ะนี้ก็เป็นของฉัน นายอยากทานอาหารก็ไสหัวออกไป”

เมื่อรพีพงษ์เห็นท่าทีของชัยพัทธ์เลวร้ายมาก ก็ขมวดคิ้ว

ในเวลานี้ไพทยามองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจทันที คนคนนี้เป็นพนักงานทำความสะอาดที่ช่วยตัวเองทิ้งขยะเมื่อเช้านี้ไม่ใช่เหรอ?

แค่พนักงานทำความสะอาดต๊อกต๋อยก็กล้ามาหาเรื่องชัยพัทธ์ ใจกล้าบ้าบิ่นมากจริงๆ

ตอนนี้หล่อนกำลังคิดวิธีที่จะทำให้ชัยพัทธ์ตกหลุมพราง ก็ต้องอยู่ข้างชัยพัทธ์เป็นธรรมดา

“นายเป็นพนักงานทำความสะอาดของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลไม่ใช่เหรอ? ฉันเตือนนายรีบออกไปโดยเร็วเถอะ คนคนนี้คือคุณพัทธ์ ผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่นายจะสามารถจินตนาการได้”ไพทยาเอ่ยปากพูด

รพีพงษ์มองไปที่ไพทยาแวบหนึ่ง พบว่าคนคนนี้เป็นผู้หญิงที่ตัวเองเจอที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลในตอนเช้า แต่เขาไม่รู้ว่าไพทยาเป็นใคร และไม่มีความจำเป็นที่ต้องรู้

หลังจากที่ชัยพัทธ์ได้ยินคำพูดของไพทยา บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ย เขาคาดไม่ถึงว่าคนที่วิ่งมาท้าทายเขากลับเป็นพนักงานทำความสะอาด

เรื่องใหม่ๆในปีนี้ไม่น้อยจริงๆ แค่พนักงานทำความสะอาดต๊อกต๋อย ก็กล้าให้เขาออกจากโต๊ะ

ชัยพัทธ์เขม็งตาใส่รพีพงษ์ เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันยังคิดว่านายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีเกียรติอะไร โวยวายอยู่ตั้งนานที่แท้ก็แค่พนักงานทำความสะอาด ทำไม นายมีชีวิตจนเบื่อแล้วเหรอ หรือว่าภรรยากับลูกของนายมีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้ว กล้าวิ่งมาอวดดีตรงหน้าฉันเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของชัยพัทธ์ สีหน้าของรพีพงษ์ไม่พอใจทันที ใช้น้ำเสียงที่เยือกเย็นพูดว่า: “ฉันเตือนนายทางที่ดีรู้จักกาลเทศะบ้าง ความอดทนของฉันมีขีดจำกัด ไม่อยากจะเสียเวลาอยู่ที่นี่กับนาย”

เมื่อชัยพัทธ์ได้ยินเช่นนี้ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะทันที จากนั้นพูดกับไพทยาว่า: “คุณได้ยินที่เขาพูดหรือเปล่า? เขาบอกให้ฉันรู้จักกาลเทศะบ้าง! ตอนนี้คนใช้แผลงฤทธิ์ขนาดนี้เลยเหรอ? กล้าให้ฉันรู้จักกาลเทศะด้วย ฉันกลัวจนแทบจะตายอยู่แล้วจริงๆ”

ไพทยามองไปที่รพีพงษ์อย่างหมดคำพูด และพูดด้วยความดูถูก: “นายบ้าไปแล้วเหรอ คนอย่างนาย นิ้วเดียวของคุณชายพัทธ์ก็สามารถบีบนายตายได้ ให้นายไสหัวออกไปคือปล่อยนายไปแล้ว นายอย่ามาไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีที่นี่”

ทุกคนรอบๆก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่นี่ เห็นรพีพงษ์กำลังท้าทายชัยพัทธ์ ทั้งหมดก็แสดงสีหน้าท่าทางประหลาดใจออกมา

อยู่ในเมืองเมฆานี้ เห็นได้ยากมาก

โดยเฉพาะหลังจากที่ไพทยาบอกว่ารพีพงษ์เป็นแค่พนักงานทำความสะอาด สายตาที่ทุกคนมองไปทางรพีพงษ์ก็เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด

เห็นได้ชัด พวกเราต่างรู้สึกว่ารพีพงษ์ไปหาเรื่องชัยพัทธ์ ก็คือตัวเองขุดหลุมให้กับตัวเอง ยังถือโอกาสฝังตัวเองไปด้วย

“ฉันว่าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีคือพวกคุณมากกว่า! ภรรยากับลูกของฉันยังหิวอยู่ ฉันให้เวลาพวกคุณสามนาทีออกไปจากที่นี่ ไม่อย่างนั้น ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”

รพีพงษ์ให้โอกาสชัยพัทธ์และไพทยาทั้งสองคนเป็นครั้งสุดท้าย

ชัยพัทธ์เห็นว่ารพีพงษ์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำพูดของเขา บนใบหน้าก็แสดงสีหน้าบึ้งตึง พูดอย่างเยือกเย็นว่า: “แกเชื่อมั้ยว่าถ้าแกยังไม่รู้จักผิดชอบชั่วอยู่ที่นี่ต่อไป พรุ่งนี้ฉันก็จะทำให้แกไม่ได้เจอภรรยากับลูกของแก?”

“อีกอย่าง นายน่าจะไม่อยากให้ภรรยากับลูกของนายเป็นอะไรใช่มั้ย?”

รพีพงษ์เห็นว่าชัยพัทธ์กล้าเอาภรรยากับลูกของตัวเองมาข่มขู่ตัวเอง ความอดทนในใจที่มีต่อชัยพัทธ์ก็ถึงขีดสุดจำกัน

เขามือออกมาโดยตรง บีบคอของชัยพัทธ์ และยกเขาขึ้นมา

เมื่อทุกคนในร้านอาหารเห็นก็อุทานออกมา ใครก็คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะกล้าลงมือกับชัยพัทธ์

ไพทยาหวาดกลัวจนลุกขึ้นมา มองไปที่รพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“นาย…นายต้องการจะทำอะไร?”ใบหน้าของชัยพัทธ์แดงระเรื่อ พูดยังเปลืองแรง

“ฉันเกลียดคนที่เอาภรรยากับลูกของฉันมาข่มขู่ฉัน แกทำลายขีดจำกัดของฉัน!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท