พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1024 แกรู้ได้ไงว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแก

บทที่1024 แกรู้ได้ไงว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแก

บทที่1024 แกรู้ได้ไงว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแก

ณีรนุชได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็เกิดความไม่พอใจขึ้น แล้วกล่าว “คุณพูดมั่วอะไร ฝีมือของท่านปู่ทวดฉันเก่งกาจ จะต้านทานไม่ไหวได้ยังไงกัน!”

รพีพงษ์ไม่ตอบณีรนุช แต่จ้องไปที่นิรภัฏและจารุเดชอย่างที่กำลังต่อสู้กันอยู่อย่างไม่ละสายตา

ฝีมือของนิรภัฏไม่มีปัญหาจริงๆ และตอนปล่อยพลังก็ยังมั่นคงอีกด้วย แต่จารุเดชที่เขาต่อสู้ด้วยไม่ปกติแล้ว

พลังจิตของรพีพงษ์สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของจารุเดช พลังของเขาเริ่มเพิ่มขึ้นๆอย่างไม่รู้ตัว

และพลังจิตได้สังเกตอย่างถี่ถ้วน รพีพงษ์เห็นว่าผิวหนังบนใบหน้าของจารุเดชเริ่มแก่ลง แว็บเดียว ก็เริ่มเห็นริ้วรอยเกิดขึ้นมา

เขาเดาว่านี่น่าจะเป็นเพราะวิชามนต์ดำที่จารุเดชฝึกฝนมาทั้งหมดส่งผล เขาส่งวิธีนี้ ให้พลังของตัวเองแข็งแกร่งขึ้นในระยะเวลาอันสั้น

ดูออกชัดเจน ว่านิรภัฏไม่ได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ของจารุเดช

รพีพงษ์รับรู้ได้ ถ้าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของจารุเดชสำเร็จ พลังของเขาจะต้องมากกว่านิรภัฏอย่างมากโดยรวดเร็ว ถึงตอนนั้นนิรภัฏก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป

เขาเพิ่งจะเห็นปัญหานี้ได้ไม่นาน จารุเดชที่เดิมทีค่อยๆเพิ่มพลัง ทันใดนั้นก็ระเบิดพลังออกมา พลังทั้งหมดที่อยู่ในตัวก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ในขณะเดียวกันนี้ ลักษณะของจารุเดชก็ดูแก่ลงทันทีประมาณยี่สิบกว่าปี ถ้าเป็นเมื่อก่อนจารุเดชดูเหมือนเป็นวัยรุ่นราวยี่สิบกว่าปี แต่เขาในตอนนี้เหมือนกับวัยกลางคนที่อายุสี่สิบกว่าปี

ดูออกชัดเจนว่านิรภัฏไม่ได้นึกถึงการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ตอนที่พลังของจารุเดชระเบิดออกมานั้น เขาตกใจ จารุเดชเพิ่มพลังในการโจมตีขึ้นทันที

แม้จะต้านทานได้ แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เลยทำให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นเล็กน้อย

เขาถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว แล้วจ้องไปที่จารุเดชที่อยู่ข้างหน้าตัวเองอย่างไม่ละสายตา แล้วกล่าว “แกฝึกพลังหยินหยาง สำเร็จแล้ว?”

จารุเดชดูแคลน แล้วกล่าว “พูดให้มันดีๆหน่อย วิชาอายุวัฒนะลี้ลับไร้ที่ติของฉัน ทำไมพอแกเรียก ถึงได้เปลี่ยนเป็นเหลือเดนขนาดนี้!”

นิรภัฏดูแคลน แล้วกล่าว “ลี้ลับเชี้ยไร ก็แค่พวกมนต์ดำแค่นั้น!”

จารุเดชลับตาแล้วจ้องไปที่นิรภัฏ กล่าว “แล้วแต่แกจะเรียกว่าไง แต่ฉันฝึกวิชาอายุวัฒนะสำเร็จแล้ว ตอนนี้ฉันสามารถปล่อยพลังที่ฉันได้ฝึกฝนมานับเป็นร้อยๆปีได้แล้ว”

“ก่อนหน้านี้ฝีมือแกใกล้เคียงกับฉัน แต่ตอนนี้ฉันได้ปลดปล่อยฝีมือ แม้ภายนอกของฉันจะแก่ลงไปยี่สิบปี แต่เพื่อฆ่าแก ก็คุ้มอยู่นะ”

“ถ้าฆ่าแกเสร็จแล้ว มากสุดฉันก็แค่ไปหาหญิงงาม ใช้ความสวยของพวกเขาฟื้นฟูกลับมาก็ได้แล้ว”

“ไอ้แก่วิปริต วาดฝันเสียดิบดี! แกคิดว่าฉันจะให้โอกาสนั้นกับแกหรือไง!”

แม้นิรภัฏจะพูดแบบนี้ แต่ในใจเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาแล้ว จารุเดชใช้ฝีมือยี่สิบปี ก็พอที่จะทำให้เขาได้เปรียบมากแล้ว

แล้วไอ้นี่ยังสะสมฝีมือมาเป็นเวลาร้อยๆปี ถ้าปล่อยมันออกมาทั้งหมด นิรภัฏไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน

จารุเดชเห็นสีหน้าของนิรภัฏ ก็ดูแคลนออกมา แล้วกล่าว “ฉันล่ะอยากจะรู้ ว่าแกกล้าดียังไงที่พูดประโยคนี้ออกมา!”

พูดจบ เขาก็พุ่งไปหานิรภัฏอย่างเร็ว

นิรภัฏกัดฟัน จนกระทั่งตอนนี้ ทำได้เพียงสู้ชนฝาเท่านั้น

สถานการณ์การต่อสู้ของทั้งคู่เริ่มเปลี่ยนไป จากเมื่อกี้ที่สูสีกัน กลายเป็นจารุเดชได้เปรียบ

นิรภัฏในสายตาของจารุเดช เริ่มเหน็ดเหนื่อยขึ้นแล้ว

ณีรนุชเห็นนิรภัฏเสียเปรียบ ก็เริ่มร้อนรนขึ้นมา คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะพูดถูก

เธอหันไปมองรพีพงษ์ แล้วกล่าวอย่างโมโหว่า “โทษคุณนั่นแหละ ปากเสีย ท่านปู่ทวดจะเสียเปรียบมันได้ไงกัน!”

รพีพงษ์ไม่หันไป แล้วกล่าวออกมาโดยตรงว่า “ไม่ต้องเป็นกังวล ถ้าเขาเอาไม่อยู่ เดี๋ยวผมจะจัดการเอง”

ณีรนุชไม่สนใจคำพูดของรพีพงษ์ แต่กลับรู้สึกว่ารพีพงษ์พูดเกินจริงไป

“คุณลงมือแล้วไง! แม้แต่ท่านปู่ทวดยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันเลย คุณไปก็ไปรนหาที่ตาย ถึงตอนนั้นพวกเราหนีไม่ได้แล้ว!” ณีรนุชกล่าว

รพีพงษ์ไม่ตอบณีรนุช เพียงสังเกตการณ์ต่อสู้ของทั้งสองอย่างนิ่งๆ

ผ่านไปไม่นาน พลังของนิรภัฏเริ่มเอาไม่อยู่ เขาเริ่มตกอยู่ในสภาวะคับขัน จุดอ่อนเริ่มมากขึ้น

สุดท้าย หลังจากที่นิรภัฏต้านการโจมตีของจารุเดชอยู่นั้น ก็เกิดข้อผิดพลาดขึ้น จารุเดชฉวยโอกาสนี้ ตบไปที่หน้าอกของนิรภัฏ

นิรภัฏกระอักเลือดออกมา แล้วร่างก็ลอยไปด้านหลัง

เขาใช้กำลังภายในของตัวเองพยุงร่างกายขึ้นยืนขึ้น จากนั้นก็หันไปหารพีพงษ์ แล้วตะโกน “แกรีบพานุชหนีไปจากที่นี่! ไปหาธัชธรรม ให้เขาพาคนมาจัดการจารุเดช!”

ณีรนุชร้อนรน แล้วตะโกน “ท่านปู่ทวด รีบหนีเร็ว ไม่ต้องสนใจหนู!”

นิรภัฏยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ แล้วกล่าว “ฉันน่าจะหนีไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ ฉันจะถ่วงเวลามันเอาไว้ แม้ฉันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันแล้ว แต่มันจะทำอะไรพวกแกต่อหน้าฉันนั้น ไม่ง่ายนักหรอก!”

“พวกแกรีบไป ไม่ต้องสนใจฉัน มิเช่นนั้นถึงตอนนั้นพวกเราไม่มีใครหนีไปได้เลยนะ!”

รพีพงษ์ไม่ทำตามนิรภัฏ แต่เดินไปที่จารุเดช

ณีรนุชเห็นรพีพงษ์ไปหาจารุเดชเอง ก็หน้าถอดสี แล้วตะโกน “รพีพงษ์ คุณจะทำอะไร! คุณรีบกลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”

นิรภัฏก็ไม่คิดว่ารพีพงษ์ไม่เพียงแค่ไม่พาณีรนุชหนี แต่ยังเดินมาที่พวกเขาอีก

“เด็กน้อย แกจะทำอะไร! ฉันให้แกพานุชหนีไป! แกไม่ได้ยินหรือไง!” นิรภัฏตะโกนอย่างร้อนใจ

รพีพงษ์ยิ้มให้เขา แล้วกล่าว “ผู้อาวุโส ไม่ต้องเป็นห่วง คุณบาดเจ็บแล้ว ไปพักข้างๆก่อนนะ ไอ้นี่ เดี๋ยวผมต่อสู้กับมันเอง!”

นิรภัฏได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ก็คิดไม่ถึง แล้วกล่าว “แกพูดมั่วอะไร! เมื่อกี้แกไม่เห็นหรอว่าฝีมือมันน่ากลัวขนาดไหน?”

“แม้แต่ฉันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แล้วแกจะสู้ยังไง? แกมาก็มีแต่รนหาที่ตาย!”

จารุเดชมองไปที่รพีพงษ์อย่างมีเลศนัย แล้วกล่าว “คิดไม่ถึงว่าแกก็เป็นคนที่รนหาที่ตายเหมือนกันนะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็จะไม่เกรงใจแล้ว!”

พูดจบ จารุเดชก็ลงมือต่อรพีพงษ์

ในขณะเดียวกันนี้เอง รพีพงษ์ได้ปล่อยพลังของตัวเองออกมา แล้วกล่าวกับจารุเดชอย่างเยือกเย็นว่า “ยังไม่เริ่มต่อสู้ แล้วแกจะรู้ได้ไงว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแก?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท