บทที่1021 การพบกันของเพื่อนเก่า
นั่งรถมาถึงไวโอเล็ตบาร์ที่มีชื่อในเขตตะวันตกของเมือง รพีพงษ์สังเกตการณ์อยู่ข้างๆผับสักระยะ พบว่าบนเสาไฟฟ้าบริเวณนี้ ได้แปะประกาศตามหาคนไว้มากมาย
รูปส่วนใหญ่ที่อยู่บนประกาศตามหาคนนั้นล้วนเป็นผู้หญิงที่หน้าน่ารักละอ่อน และรูปร่างสวยงาม
จากวันเวลาที่ประกาศ ล้วนเพิ่งหายตัวไปในช่วงระยะเวลาใกล้ๆนี้
แม้เรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงเมาแล้วถูกลากไปนั้นจะเกิดขึ้นมากมาย แต่หลังจากที่รพีพงษ์เห็นประกาศคนหายแล้ว รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ มันจะต้องมีลับลมคมในอะไรแน่นอน
เพราะตอนนี้ยังเป็นช่วงกลางวัน ผับยังเริ่มเปิดทำการ ในผับมีแค่พนักงานไม่กี่คนที่นอนสัปหงกอยู่
รพีพงษ์เดินเข้าไปในผับ มาอยู่ที่ด้านหน้าของพนักงานคนหนึ่ง ยิ้มพลางกล่าว “สวัสดีครับ ผมเห็นเสาไฟฟ้าด้านหน้าแปะประกาศตามหาคนเต็มไปหมด ระยะนี้พวกคุณมักจะคนหายหรอ?”
พนักงานคนนั้นมองรพีพงษ์ แล้วถาม “คุณเป็นใคร? ถามเรื่องนี้ทำไม?”
รพีพงษ์หัวเราะ หยิบธนบัตรออกมาจากชุดตัวเองหลายใบ แล้วยื่นให้พนักงาน กล่าว “ผมเห็นด้านนอกติดประกาศหาคนหายเยอะ เลยแปลกใจ ดังนั้นจึงได้มาถามดู”
พนักงานคนนั้นเห็นเงิน ก็ตาเป็นประกาย แล้วเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อรพีพงษ์เป็นเกรงใจขึ้นมา
เขาเก็บเงินไว้ จากนั้นก็ยิ้มให้รพีพงษ์แล้วกล่าว “ช่วงนี้ที่นี่มีคนหายบ่อยจริงๆ แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นสาวสวยทั้งนั้น”
“คนจำนวนไม่น้อยคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดปกติ ว่ากันว่ามีผีดูดเลือดมาที่นี่เพื่อหาคนสวย หลังจากที่พาพวกเธอไปแล้ว ก็ดูดเลือดพวกเธอจนหมด ”
“แต่ผมมองว่า พวกเขาพูดมั่วๆ ความจริงเรื่องที่ผับมีคนหายก็เป็นเรื่องที่เจอบ่อยๆนะ ผู้หญิงหลายคนไม่รู้จักป้องกันตัวเอง หลังจากที่เมาหนักแล้ว ถูกคนอื่นลากไปก็เยอะแยะ บางคนหายไปสองสามวัน ก็จะมีคนมาตามหาที่นี่”
“ความจริงผู้หญิงพวกนั้นอยู่สองสามวันก็จะกลับไปเอง เพียงแค่หลังจากที่พวกเขากลับไปแล้วนั้น กลับไม่มีใครมาเอาประกาศนั้นออก นี่จึงทำให้เหมือนมีคนหายไปจำนวนมาก”
“แน่นอน คนที่หายจริงๆก็มี ตำรวจมาค้นที่นี่ แต่ก็เป็นเคสๆไป ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ก็ต้องมีคนหายเกิดขึ้น”
ฟังพนักงานอธิบายจบ รพีพงษ์รู้สึกว่าที่เขาพูดก็มีเหตุผล แต่ยังไงก็รู้สึกแปลกๆอยู่ดี โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่าจารุเดชเคยปรากฏตัวที่นี่มาก่อน
ผีดูดเลือดอะไรนั่น รพีพงษ์ไม่เชื่อแน่นอน นี่ก็เป็นแค่สิ่งที่ผู้คนแต่งขึ้นมาก็เท่านั้น
เขาไม่ได้พูดอะไรกับพนักงานมากนัก หลังจากที่ถามเสร็จแล้ว ก็ออกจากผับไป ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการ เขาตัดสินใจสังเกตการณ์อยู่รอบๆผับก่อน รอให้ถึงตอนกลางคืน ค่อยมาดูสถานการณ์ใหม่
เวลาผ่านไปเร็ว แว็บเดียว ก็ถึงตอนกลางคืน รพีพงษ์ได้ปรากฏตัวที่ไวโอเล็ตบาร์อีกครั้ง
เทียบกับความเงียบสงัดในตอนกลางวัน ขณะนี้ในผับครึกครื้นกว่าปกติ หนุ่มหล่อสาวสวยจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังออกท่าทางเต้นอยู่ที่ฟลอร์เต้นท์ ไฟวิบวับและเสียงที่ดังสนั่นทำให้คนพลิ้วไปกับดนตรี
รพีพงษ์ปล่อยพลังจิตของตัวเอง อยากสังเกตดูว่าในผับมีเรื่องอะไรที่ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นหรือไม่
จากการเพิ่มขึ้นของพลัง พลังจิตของรพีพงษ์ได้ครอบคลุมไปทั่วๆผับได้อย่างง่ายดาย
แว็บเดียวที่เขาได้ปล่อยพลังจิตออกไป ก็ได้คลุมอาณาบริเวณทั้งหมดของผับไว้แล้ว
ยังไม่เกิดสถานการณ์ที่ไม่ปกติขึ้น แต่รพีพงษ์เจอคนรู้จักในผับ
เขายิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็เดินไปที่มุมของผับ
ขณะนี้ในมุมของผับ มีผู้หญิงที่สวยงาม ร่างบางกำลังยืนอยู่ที่นั่น สายตากำลังมองไปยังคนพวกนั้นที่กำลังโยกย้ายอยู่ที่ฟลอร์เต้นท์ ดูออกว่าเธอค่อนข้างประหลาดใจ หน้าอายๆจนเป็นสีแดง
ผู้หญิงคนนี้คือคนณีรนุชที่รพีพงษ์ไปหานิรภัฏพร้อมกับธัชธรรม เจอเข้าที่ประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นณีรนุชยืนกรานที่จะเข้าห้องน้ำพร้อมกับรพีพงษ์ให้ได้ จนเกิดเรื่องตลกขึ้นไม่น้อย
ตอนนี้รพีพงษ์เดินไปอยู่ข้างๆเธอ ยื่นมือไปตบไหล่ของเธอ ยิ้มพลางถาม “คุณตั้งใจดูขนาดนี้ อยากจะเข้าไปเต้นท์กับพวกเราด้วยใช่มั้ย?”
ณีรนุชตกใจ รีบหันหน้าไป หลังจากที่เห็นท่าทีของรพีพงษ์แล้วนั้น ก็ประหลาดใจ แล้วกล่าว “รพีพงษ์? คุณอยู่ที่นี่ได้ไงกัน?”
รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “ผมน่าจะถามคุณมากกว่านะ ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ได้?”
ณีรนุชตอบกลับ “ฉันมาล้างแค้นคนกับท่านปู่ทวด”
รพีพงษ์รู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้ว จึงได้ถามต่อว่า “แล้วท่านปู่ทวดล่ะ?”
ณีรนุชกล่าว “คนแก่เค้ารับไม่ได้กับเสียงดังวุ่นวายขนาดนี้ ดังนั้นจึงให้ฉันเข้ามาดูบุคคลที่น่าสงสัย ถ้ามีล่ะก็ให้ส่งสัญญาณให้เขา แล้วเขาจะมา”
รพีพงษ์พยักหน้า
ณีรนุชจ้องรพีพงษ์ คิดในใจว่าทำไมคนนี้ถามอะไร แล้วตนต้องตอบตลอด?
เธอรีบถามรพีพงษ์ “แล้วคุณมาที่นี่ทำไม?”
“ผมได้รับข่าว ว่าให้มาร่วมกับท่านปู่ทวดของคุณ กำจัดคนนี้ทิ้งซะ” รพีพงษ์ตอบกลับ
หลังจากที่ณีรนุชได้ยินคำพูดของรพีพงษ์แล้วก็ชะงัก แล้วแสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมา แล้วกล่าว “อย่ามาตลก ฝีมือคุณไม่เลว แต่แค้นของท่านปู่ทวดไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิด ถึงเวลานั้นเกรงว่าคุณโดนตบฉาดเดียวก็ตายล่ะ”
ณีรนุชยังไม่รู้เรื่องที่รพีพงษ์เลื่อนเป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว ในความคิดของเธอ รพีพงษ์ยังเป็นแค่แดนครึ่งดั่งเทพเท่านั้น จึงได้คิดว่ารพีพงษ์ไม่ควรมายุ่งกับเรื่องนี้
รพีพงษ์หัวเราะ แล้วกล่าว “ถ้าผมไม่ได้ งั้นคุณก็ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่ นี่คุณก็ไม่ใช่ว่าตามมาด้วยแล้วหรอ”
ณีรนุชโกรธจัด กล่าว “ฉัน……ฉันมาหาประสบการณ์กับท่านปู่ทวด ทำไม มีปัญหาหรอ”
“มิบังอาจ มิบังอาจ อ้อ สัญญาตอนนั้นของเราคุณต้องทำด้วยนะ แล้วต่อมาคุณได้ไปเข้าห้องน้ำกับคนอื่นอีกมั้ย?” รพีพงษ์ถามอย่างสนใจ
ณีรนุชหน้าแดง จากนั้นก็จ้องไปที่รพีพงษ์ อยากจะฆ่าเขาให้ตายเสีย
“ไอ้บ้า! ฉันไม่ทำตั้งนานแล้ว! คุณยังจะพูดเรื่องในอดีตอีก สนุกมั้ย!”
รพีพงษ์เห็นณีรนุชเกรี้ยวกราด ก็ไม่ได้ล้อเล่นกับเธออีก
ในขณะเดียวกันนี้ พลังจิตของเขาจับบางอย่างที่ผิดปกติได้ ทันใดนั้นก็เคร่งเครียดขึ้นมา แล้วกล่าว “มากับผม!”
จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในผับ