พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1031 ทำผิดก็ต้องรับผิด

บทที่1031 ทำผิดก็ต้องรับผิด

บทที่1031 ทำผิดก็ต้องรับผิด

ได้ยินคำว่าล้มละลายคำนี้ ชนวิทก็ตัวสั่นทันใด เขามองไปที่รพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง ไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อย ว่าคนที่ต่อยลูกชายของตนเป็นหัวหมูนั้น จะไปบุคคลสำคัญท่านนั้น!

ชัยพัทธ์ช็อก ในความคิดของเขา รพีพงษ์ก็เป็นแค่พนักงานทำความสะอาดของโรงแรมแค่เท่านั้น นอกจากจะต่อสู้เก่ง ก็ไม่มีจุดเด่นอะไรอีกแล้ว แล้วเขาจะเป็นคนที่ซื้อหุ้นจำนวนมากของไฟลกรุ๊ปได้อย่างไรกัน?

ขณะนี้ทันใดนั้นเขาก็นึกออกถึงวันนั้นที่เขาโทรหาไพทยา ไพทยาพูดกับเขา ไพทยาบอกว่ารพีพงษ์ไม่ใช่พนักงานทำความสะอาด แต่เป็นบุคคลใหญ่โตที่เขาคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

ตอนนั้นเขาไม่สนใจในคำพูดของไพทยา ตอนนี้เพิ่งจะรู้ตัว ว่าที่ไพทยาพูดนั้นมันเป็นความจริงทั้งหมด!

และก็เหตุผลนี้ ไพทยาถึงได้บล็อกเขาไป

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ สายตาของชัยพัทธ์ที่มองไปหารพีพงษ์ก็เต็มไปด้วยความระแวง ตอนนี้ในมือของรพีพงษ์กุมหุ้นจำนวนมากของไฟลกรุ๊ปอยู่ ถ้าเขาขายหุ้นจำนวนมากนั้นทิ้ง ถึงตอนนั้นพวกถือหุ้นคนอื่นๆก็ต้องขายทิ้งด้วยเป็นแน่ ถ้าเป็นแบบนี้ หุ้นของไฟลกรุ๊ป ก็จะร่วงจนถึงขีดสุด

เขากลืนน้ำลาย ทันใดนั้นในจิตใต้สำนึกก็บอกว่า หุ้นของบริษัทตนหลังจากวันนั้นที่มีปากเสียงกับรพีพงษ์แล้ว ถึงได้ถูกคนซื้อไว้เป็นจำนวนมาก

และรพีพงษ์รู้ดีว่าวันนี้คนที่เลี้ยงข้าวเขานั้นเป็นใคร ดังนั้นชัยพัทธ์เดาว่า อาจเพราะเกิดเหตุการณ์วันนั้นจากนั้น รพีพงษ์ทำเพื่อล้างแค้นเขา ดังนั้นจึงได้ซื้อหุ้นจำนวนมากของไฟลกรุ๊ป

แต่เขายังไร้เดียงสาคิดว่า ไฟลกรุ๊ปจะรุ่งโรจน์ก็กาลนี้แหละ

ตอนนี้มานั่งคิดๆ หลังของชัยพัทธ์เต็มไปด้วยเหงื่อ

“ดังนั้นมึงทำเพื่อล้างแค้นกู จะได้ซื้อหุ้นของไฟลกรุ๊ปไว้?” ชัยพัทธ์ถามรพีพงษ์ด้วยเสียงสั่น

รพีพงษ์หัวเราะ แล้วกล่าว “ถือว่ายังฉลาดอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ฉันได้ให้โอกาสแกแล้ว เพียงแค่แกไม่หาเรื่องฉัน ฉันก็ไม่มีทางไปทำอะไรแก แต่แกมันไม่จำ ดังนั้นเพื่อเป็นการลงโทษแก ฉันจึงได้ใช้วิธีนี้”

ชนวิทมองไปที่ทั้งคู่ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดังนั้นจึงได้รีบถามชัยพัทธ์ว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แกรีบอธิบายให้พ่อฟังเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

ตอนนี้ชัยพัทธ์อยากจะร้องไห้ออกมาแล้ว ตอนนั้นเขาไม่สนใจคำพูดของรพีพงษ์เสียด้วยซ้ำ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่ารพีพงษ์เก่งขนาดนี้ ให้ตายยังไงเขาก็ไม่มีทางไปหาเรื่องรพีพงษ์อย่างแน่นอน

แต่มนุษย์บางคนก็เป็นแบบนี้แหละ มักจะดื้อดึงไม่ฟังใคร ไม่รู้เลยเสียด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังเล่นกับอะไรอยู่

เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านอาหารลมเย็นวันนั้นให้ชนวิทฟังอย่างตัวสั่น ยิ่งพูดยิ่งกลัว แต่ตอนนี้เสียใจ ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆแล้ว

หลังจากที่ชนวิทได้ฟังเรื่องของชัยพัทธ์จนจบแล้ว ก็คับแค้นใจ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมา แล้วตบที่หน้าเขาหนึ่งฉาดโดยไม่ลังเล

“แกไอ้เนรคุณ! ฉันเลี้ยงแกมาโตขนาดนี้ เพื่อให้แกไปสร้างปัญหาให้ฉันหรือไง?”

“ฉันตามใจแกไปจริงๆ แกถึงได้ยโสโอหังตอนอยู่ข้างนอกขนาดนั้น เค้าจองที่ไว้ดีๆอยู่แล้ว แต่แกกลับจะแย่งเขาให้ได้ แล้วยังไปหาเรื่องเขาอีก!”

“ถ้าแกรู้ผิดรู้ชอบสักหน่อย ก็ไม่มีทางสร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้ได้หรอก!”

พูดจบ ชนวิทได้ตบไปที่หน้าของชัยพัทธ์อีกฉาด

เดิมทีหน้าของชัยพัทธ์ได้ถูกรพีพงษ์ตบจนบวมเป็นหัวหมูแล้ว ตอนนี้ชนวิทได้ตบเขาอีกหลายฉาด เลือดได้กบปากเขาแล้ว

“พ่อ ผมผิดไปแล้ว ต่อไปผมไม่กล้าทำแล้ว!” ชัยพัทธ์ร้องไห้ออกมา นี่เป็นช่วงเวลาที่สิ้นหวังที่สุดในชีวิตของเขาอย่างแน่นอน

“แกขอโทษฉันแล้วได้อะไร! ยังไม่รีบขอโทษเค้าอีก!” ชนวิทชักตาไปที่เขา

ชัยพัทธ์รู้สึกตัว จึงรีบหันกลับไป มองรพีพงษ์ ก้มหน้า แล้วกล่าว “ผมผิดไปแล้ว ต่อไปผมจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก ขอคุณได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย ถ้าผมยังหาเรื่องคุณอีกล่ะก็ คุณตัดขาผมได้เลย ขอคุณอย่าทำอะไรไฟลกรุ๊ปเลยนะ มิเช่นนั้นกิจการที่พ่อของผมดำเนินการมาอย่างยากเย็นแสนเข็ญ จบเห่แน่!”

รพีพงษ์ไม่สนใจใดๆ แล้วกล่าว “เกี่ยวอะไรกับฉันหรอ?”

ชนวิทเห็นรพีพงษ์ไม่ยกโทษให้ ก็ถีบเข้าไปที่ตัวเขา แล้วกล่าว “นี่เป็นท่าทีในการขอโทษของแกหรือไง? แกยังไม่รีบคุกเข่าอีก!”

ชัยพัทธ์ไม่รีรอ คุกเข่าลงตรงหน้ารพีพงษ์ทันที แล้วคำนับไปหลายครั้ง

“ได้โปรดปล่อยผมไปด้วยเถอะ ผมผิดไปแล้วจริงๆ” ชัยพัทธ์พลางคำนับพลางพูด

รพีพงษ์บึนปาก กล่าว “ต่อให้วันนี้แกคำนับจนพื้นถลอก ฉันก็ไม่มีทางเป็นความคิด บนโลกนี้มีหลายเรื่อง ที่ไม่ใช่แค่ขอโทษแล้วจะจบ”

ชนวิทเห็นรพีพงษ์ไม่ฟังใดๆ ก็ร้อนรนทันที แล้วกล่าวกับรพีพงษ์ว่า “คุณผู้ชาย กรุณาไตร่ตรองใหม่อีกครั้งนะครับ คุณใช้เงินมหาศาลซื้อหุ้นของเรา ถ้าวันนี้ขายทิ้งจำนวนมาก จะเกิดความเสียหายกับเงินของคุณอย่างมหาศาลเลยนะครับ”

รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “ความจริงแค่ฉันอยาก ก็สามารถซื้อกิจการทั้งหมดของเมืองเมฆาได้ คุณคิดว่าผมจะเครียดกับความเสียหายแค่นั้นหรอ?”

ชนวิทแข็งทื่อทันใด เขาไม่คิดว่ารพีพงษ์จะเหยียดหยามขนาดนี้ การที่พูดแบบนี้ออกมาได้ ก็มีแต่อยู่แนวหน้าของโลกนี้ไปแล้ว

ครั้งนี้คนที่ลูกชายเขาหาเรื่อง เป็นคนที่ไฟลกรุ๊ปแตะต้องไม่ได้เลยจริงๆ

“ทำผิด ก็ต้องรับผิด พวกคุณก็โตๆกันแล้ว น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ ดังนั้นไม่ต้องขอร้องผมแล้ว”

รพีพงษ์พูดคำพูดสุดท้าย จาดนั้นก็เดินออกไปนอกห้องรับรอง

ชนวิทและชัยพัทธ์เห็นรพีพงษ์จากไป ก็สิ้นหวัง แต่กลับทำอะไรไม่ได้

รพีพงษ์ยืนหยัดเสียขนาดนั้น พวกเขารู้ดี ว่าจะให้รพีพงษ์เห็นใจ เป็นไปไม่ได้แน่นอน

ชนวิทหันมองชัยพัทธ์ ยิ่งอยู่ยิ่งโมโห โมโหจนหน้าดำคร่ำเครียด

สิ่งที่เขาตั้งใจทำมาครึ่งค่อนชีวิต กลับถูกลูกชายที่ไม่เอาไหนพังลง เขาถึงขั้นอยากจะตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับชัยพัทธ์แล้ว

เขาเดินมาอยู่ตรงหน้าของชัยพัทธ์ แล้วถีบไปที่หน้าของเขา ด่าว่า “แกสมควรตายจริงๆ ทุกสิ้นทุกอย่างแกทำมันพังหมดแล้ว! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกไม่ใช่ลูกชายของฉันอีกต่อไป แกจะเป็นทำร้ายใครก็ไป ต่อไปอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!”

ชัยพัทธ์รีบยื่นมือไปกอดขาของชนวิทไว้ แล้วขอร้อง “พ่อ อย่าทิ้งผมไป ผมเป็นลูกแท้ๆของพ่อนะ!”

“ลูกแท้ๆเชี่ยไรล่ะ! ตอนนี้ฉันล่ะสงสัยว่าแกไม่ใช่ลูกแท้ๆของฉัน ฉันจะมีลูกที่โง่อย่างแกได้ไงกัน แม่ของแกหลายปีมานี้ ไม่แน่ไปมีอะไรกับชายคนอื่นลับหลังฉันก็ได้ พรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปตรวจดีเอ็นเอ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท