พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1023 การต่อสู้

บทที่1023 การต่อสู้

บทที่1023 การต่อสู้

จารุเดชจ้องรพีพงษ์ จากนั้นก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วกล่าว “เด็กน้อย แม้แกกับผิวของแกมันจะไม่ค่อยสัมพันธ์กัน แต่ความอัจฉริยะ น่าจะไม่เลวเลยนะ”

“หลายปีแล้วที่ฉันไม่ได้ลิ้มลองรสชาติของผู้ชาย วันนี้เอาแกมาเป็นของว่างหน่อยสิ!”

พูดจบ เขาก็เลียไปที่ลิมฝีปากของตัวเอง

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของจารุเดช ขนก็ลุกชูชันขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าไอ้แก่คร่ำครึกนี่จะวิปริตขนาดนี้ แม้แต่ผู้ชายก็ยังไม่เว้น

ตอนนั้นที่อยู่ในห้องน้ำ รพีพงษ์ใช้พลังจิตสังเกตการกระทำของจารุเดช แม้ไม่เห็นจารุเดชทำสำเร็จ แต่ในใจก็เดาออกว่าที่จารุเดชยั่วผู้หญิงพวกนั้น ไม่ใช่เพราะสนุก แต่เพราะเป้าหมายอื่น

เขาอายุร้อยกว่าปีแล้วยังสามารถรักษาความอ่อนเยาว์ได้ขนาดนี้ จะต้องมีเหตุผลแน่นอน ทันใดนั้นรพีพงษ์ก็นึกถึงฉากดูดเลือดคนในหนัง เพื่อรักษาความอ่อนเยาว์

แม้จารุเดชจะไม่กินคน แต่ก็ต้องมีกลอุบายอื่นที่ใกล้เคียงกันอย่างแน่นอน

ก็ไม่แปลกที่กลุ่มสิงโตเอาเขาเป็นรางวัลนำจับ สิ่งที่เขาฝึกมาทั้งหมด เกี่ยวกับศาสตร์มืดทั้งนั้น บวกกับฝีมือของเขาเก่งกาจขนาดนี้ สำหรับทั้งโลกแล้ว เป็นภัยอันตรายที่ซ่อนไว้อย่างใหญ่หลวง

รพีพงษ์ไม่หวาดกลัวแต่อย่างใด ในฐานะที่ฝีมือแดนดั่งเทพชั้นยอด ไม่ใช่ว่าเขาจะฝีมือแย่กว่าจารุเดช ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์ยังมีไม้ตายที่มากมายด้วย

แต่ตอนที่ทั้งสองกำลังจะต่อสู้กันนั้น มีลมพัดมา แว็บเดียว นิรภัฏก็ปรากฏตัวอยู่ข้างๆรพีพงษ์

รพีพงษ์หันไปมองนิรภัฏ แล้วกล่าว “ผู้อาวุโส”

นิรภัฏเหลือบไปมองรพีพงษ์ แล้วกล่าวอย่างสงบว่า “คิดไม่ถึงว่าจะเจอแกที่นี่ แกไล่ตามไอ้แก่วิปริตนี่ได้ ไม่ธรรมดาเลยนะ แต่จารุเดชนี่มันแข็งแกร่ง แกต่อกรไม่ได้ แกไปยืนข้างๆ ฉันจะต่อสู้เอง!”

จารุเดชจ้องนิรภัฏ ด้วยสายตาอำมหิต แล้วกล่าว “ฉันก็ว่าทำไมเด็กนี่มันถึงกล้าไล่ฉันมาคนเดียว ที่แท้ก็มีแกไอ้แก่ตามมา นิรภัฏ ความแค้นของแกกับฉันผ่านมาตั้งหลายปี แกจำเป็นต้องไล่ตามฉันขนาดนี้เลยหรอ?”

นิรภัฏดูแคลน แล้วกล่าว “ตอนนั้นถ้าไม่ใช่แก ลูกสาวฉันจะตายอย่างอนาถได้ไงกัน! แค้นนี้ ต่อให้ไปที่พญายม ฉันก็จะตามไปล้างแค้นให้ได้!”

“ตอนนี้แกถูกฉันหาเจอแล้ว วันนี้จะเป็นวันตายของแก!”

จารุเดชดูแคลน แล้วกล่าว “นิรภัฏ แม้เราจะอยู่คนล่ะยุคกัน แต่แกก็เป็นผู้เฒ่าที่ผมขาวแล้ว แต่ฉันยังคงอ่อนเยาว์ แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”

สายตาของนิรภัฏอาฆาต แล้วกล่าว “ไร้ยางอายจริงๆ ยังกล้าพูดว่าตัวเองละอ่อนอีก หน้าไม่อายจริงๆ!”

ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ณีรนุชที่วิ่งมาอย่างหน้าตั้ง ความสามารถของเธอไม่เหมือนรพีพงษ์และนิรภัฏ สามารถมาถึงได้ด้วยระยะเวลาอันสั้นนี้ก็ถือว่าเร็วแล้ว

จารุเดชจ้องณีรนุช เลียริมฝีปาก แล้วกล่าว “เด็กสาวคนนี้สวยจริงๆ ฉันชอบแบบนี้ นิรภัฏ เธอน่าจะเป็นคนรุ่นหลังของแกใช่มั้ย? แกมอบเธอให้ฉัน ฉันรับประกันว่าต่อไปจะไม่หาเรื่องแกอีก ไง?”

นัยน์ตาของนิรภัฏเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น แล้วกล่าว “วันนี้เป็นวันตายของแก! แกคิดว่าแกมีสิทธิที่จะต่อรองกับฉันได้งั้นหรอ!”

พูดจบ นิรภัฏก็พุ่งไปที่จารุเดช

จารุเดชหลับตาลง ด้วยความไม่ลังเล ในมือปรากฏลำแสงสีม่วงขึ้นมา แล้วต่อกรกับนิรภัฏทันที

“ผู้อาวุโส ผมจะช่วยคุณอีกแรง!” รพีพงษ์ตะโกนไปหานิรภัฏ

นิรภัฏรีบตอบว่า “แกอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ ปกป้องนุชให้ดีๆ นี่เป็นความแค้นระหว่างฉันกับมัน ฉันจะจบมันเอง! ”

รพีพงษ์ได้ยินนิรภัฏพูดแบบนี้ ก็ยืนอยู่กับที่ไม่ไปไหน

นิรภัฏและจารุเดชมีความแค้นต่อกันค่อนข้างมาก ในสถานการณ์แบบนี้ ควรที่จะหานิรภัฏจัดการเองถูกต้องแล้ว

ยังไงฝีมือของนิรภัฏก็ไม่แย่ อาจจะไม่แพ้จารุเดชก็ได้ เขายืนดูอยู่ข้างๆก่อนก็แล้วกัน ถ้านิรภัฏเริ่มไม่ไหว เขาค่อยลงมือก็ยังไม่สาย

หลังจากที่ณีรนุชหายเหนื่อยแล้ว เริ่มปกติขึ้นมาหน่อย จากนั้นเธอก็หันไปหารพีพงษ์ แล้วกล่าว “คุณนี่กล้าไม่ใช่น้อยเลยนะ การต่อสู้ระดับคุณยังอยากเข้าร่วมอีก คุณไม่กลัวโดนลูกหลงของพวกเขาแล้วตายหรือไง?”

ได้ยินคำพูดของณีรนุช รพีพงษ์ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วกล่าว “คุณมั่นใจขนาดนี้เลยหรอว่าฝีมือของผมจะเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้?”

“ไม่งั้นล่ะ? ครั้งที่แล้วคุณก็เป็นแค่แดนครึ่งดั่งเทพเท่านั้น แม้เทียบกับคนส่วนใหญ่แล้ว คุณเป็นอัจฉริยะของอัจฉริยะ แต่ก็เข้าร่วมการต่อสู้ระดับนี้ไม่ได้อยู่ดี” ณีรนุชกล่าวอย่างเป็นทางการ

แต่แว็บเดียว เธอก็นึกถึงอะไรบางอย่าง แล้วตาโตขึ้น กล่าว “หรือคุณเลื่อนขั้นแล้ว?”

รพีพงษ์ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ไม่ตอบณีรนุชใดๆ

ณีรนุชลูบหมัดของตัวเอง คิดในใจว่าไอ้นี่มันชั่งวิปริตจริงๆ เพิ่งผ่านไปได้เท่าไหร่เอง ก็เลื่อนขั้นแล้ว

เมื่อเอาตัวเองไปเทียบกับเขาแล้ว เหมือนกับเป็นไอ้สวะชัดๆ

เธอมองรพีพงษ์อย่างไม่พอใจ แล้วกล่าวอย่างโมโหว่า “แม้คุณจะเลื่อนขั้นเป็นแดนดั่งเทพขั้นต้นแล้ว ก็เข้าร่วมการต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้หรอกนะ พวกเขาทั้งสองเป็นแดนดั่งเทพชั้นยอด ในสายตาของเขาแดนดั่งเทพขั้นต้น ก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาหรอกนะ”

ตอนนี้เธอทำได้แค่พูดให้ตัวเองรู้สึกทัดเทียมขึ้นมาก็เท่านั้น

แต่ถ้าเธอรู้ว่าตอนนี้รพีพงษ์เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้วล่ะก็ เกรงว่าชาตินี้ก็ไม่มีทางทำให้ตัวเองรู้สึกทัดเทียมได้แล้ว

แรงที่ทั้งสองปะทะกันนั้นรุนแรงมาก การทำลายล้างของแดนดั่งเทพชั้นยอด เทียบได้กับการทำลายล้างของระเบิดนิวเคลียร์เลยทีเดียว

ดีที่ที่นี่คือชานเมือง ผู้คนไม่พลุกพล่าน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าการต่อสู้ของเขาจะไปกระทบกับใคร

แต่กลับเป็นณีรนุช เพราะฝีมือของตัวเองค่อนข้างอ่อน ไม่เคยเห็นการต่อสู้ลักษณะนี้มาก่อน เธอกำลังมองนิรภัฏและจารุเดชรวดเร็ว และท่าพลังทำลายล้างที่พวกเขาปล่อยออกมา ทำให้เธอช็อกไปจริงๆ

โดยหลักการแล้วเธออยู่ใกล้การต่อสู้ขนาดนี้ แค่ลูกหลงการต่อสู้ ก็ทำให้เธอล้มลงกับพื้นได้ แต่เธอกลับยืนอยู่ที่นั่นอย่างปลอดภัย

แน่นอนว่านี่เป็นเพราะรพีพงษ์ได้ขวางแรงที่เกิดจากการต่อสู้ไว้

พลังจิตของรพีพงษ์สังเกตการณ์ต่อสู้ของทั้งสองอยู่ตลอดเวลา ด้านหนึ่งได้รู้สไตล์การต่อสู้ของจารุเดช อีกด้านหนึ่งก็สามารถรู้ถึงสภาพของแต่ล่ะฝ่ายได้

ในขณะที่ทั้งสองแลกท่าไปร้อยครั้ง บนพื้นเริ่มเกิดรอยแตกร้าว ตอนที่ต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลล้มลงเป็นเบือ รพีพงษ์ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา

“ไม่ได้การล่ะ ผู้อาวุโสนิรภัฏไม่นาน ก็จะเอาไม่อยู่แล้ว!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท