พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1041 ลงโทษ

บทที่1041 ลงโทษ

บทที่1041 ลงโทษ

หมาป่าได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ดูแคลน จากนั้นก็ส่งสายตาให้กับเหล่าลูกน้องพวกนั้น

ลูกน้อยเหล่านั้นยิ้มเจ้าเล่ห์ ตั้งแต่เมื่อกี้ที่รพีพงษ์ลงมือกับผมทอง พวกเขาก็อยากจะจัดการกับรพีพงษ์แล้ว

ผมทองมองไปที่รพีพงษ์อย่างดุดัน แล้วตะคอก “แม่ง พวกกูคนเยอะขนาดนี้ ไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการกับมึงไม่ได้!”

โศภิตาเป็นห่วง มองไปหารพีพงษ์ กล่าว “รพีพงษ์ พวกเรา……”

รพีพงษ์กล่าวอย่างนิ่งๆว่า “ไม่เป็นไร คุณไปยืนด้านหลังนะ ดูอย่างเดียวก็พอแล้ว”

โศภิตาเห็นรพีพงษ์มั่นใจในตัวเองขนาดนี้ ก็ทำได้เพียงไม่ให้รพีพงษ์ฟุ้งซ่าน แล้วไปยืนอยู่ด้านหลัง

หมาป่าดูแคลนรพีพงษ์ แม้ตอนนั้นรพีพงษ์ครั้งเดียวก็ถีบผมทองลงไปกองทำให้เขาไม่คาดคิด แต่ในสวนนี้มีสหายอยู่สิบกว่าคน เขาไม่เชื่อว่าคนมากขนาดนี้จะทำอะไรรพีพงษ์ไม่ได้

ผมทองพุ่งเข้าไปหารพีพงษ์เป็นคนแรก คิดจะถีบไปที่ร่างรพีพงษ์เช่นกัน แต่ขาเข้าเพิ่งจะยกขึ้นมา เขาของรพีพงษ์ก็ถีบไปที่ท้องของผมทองแล้ว

ผมทองยังไม่ทันได้ระวังตัว ก็ต้องล้มลงกับพื้นอีกแล้ว

คนที่อยู่ข้างหลังเห็นผมทองโดนถีบล้ม ก็รีบพุ่งเข้าใส่รพีพงษ์ จะกดเขาไว้

“แม่ง กดมันไว้ให้ได้ วันนี้ถ้าไม่ได้ถีบมันสองครั้ง ก็อ่านชื่อกูกลับหลังได้เลย!” ผมทองที่ล้มลงกับพื้นอดทนกับความเจ็บตะคอกออกมา

รพีพงษ์เหลือบไปมองเขาอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็ลงมืออย่างรวดเร็ว

รพีพงษ์ที่เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอด ไม่ว่าจะเป็นด้านความเร็วและพลัง ได้อยู่เหนือความคาดหมายของคนทั่วไปแล้ว

ตอนนี้เขาต่อสู้กับคนพวกนี้ ก็แค่เล่นๆเท่านั้น ถ้าเขาจะเอาจริง ตบเดียว ปล่อยพลังวิเศษเสนออกมาทั้งหมดแว็บเดียวก็ตบพวกเขาล้มลงไปนอนได้สบายๆแล้ว

ร่างของรพีพงษ์ปรากฏในหลายๆที่ในช่วงเวลาเดียวกัน หมาป่าที่สังเกตการณ์อยู่ไกลๆรู้สึกว่ารพีพงษ์เหมือนแยกร่างออกมาหลายร่าง แว็บเดียว เหล่าลูกน้องของเขาก็ล้มลงกับพื้นทั้งหมด

หมาป่าตาโตขึ้นมา มองดูเหตุการณ์นี้อย่างคาดไม่ถึง อีกนิดเดียวตาก็เกือบจะถลนออกมาแล้ว

ผมทองที่ล้มลงกับพื้นมองรพีพงษ์ด้วยความหวาดกลัว แล้วพึมพำ “เมื่อกี้มันแยกร่างหรอ? ทำไมกูเห็นมันหลายคนในเวลาเดียวกันวะ?”

ความจริงก็แค่ความเร็วของรพีพงษ์ถึงขีดสุด ในสายตาของคนธรรมดา เหมือนกับเกิดขึ้นในช่วงแว็บเดียวเท่านั้น

โศภิตาก็มองเหตุการณ์นี้อย่างคาดไม่ถึง รู้สึกว่ารพีพงษ์เหมือนเทพสงครามจุติลงมาอย่างไรอย่างนั้น ไม่เหมือนคนธรรมดาเอาเสียเลย

เพราะคนธรรมดาไม่มีทางมีความสามารถเจ๋งๆเหมือนในทีวีได้

หลังจากที่จัดการลูกน้องทั้งกลุ่มของหมาป่าได้แล้ว รพีพงษ์ก็ลูบมือ จากนั้นเดินไปที่หมาป่า

ขณะนี้หมาป่าหวาดหวั่น เขามองไปที่รพีพงษ์อย่างเกรงกลัว แล้วกลืนน้ำลาย

“ส……สหาย พวกเราคุยกันดีๆก็ได้ อย่าเอะอะก็ลงไม้ลงมือ” หมาป่ากล่าว

รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “เมื่อกี้กูพูดกับพวกมึงดีๆแล้วไม่ใช่หรอ? พวกมึงเองต่างหากที่ไม่คุยกันดีๆ ดังนั้นกูจึงใช้กำลังคุยไง”

พูดจบ รพีพงษ์ก็เดินมาถึงตรงหน้าของหมาป่า

จิตใต้สำนึกของหมาป่าอยากหนี แต่ความเร็วเขาในสายตาของรพีพงษ์เหมือนเต่าคลาน เขายังไม่ทันขยับตัว รพีพงษ์ก็จับมือเขาเอาไว้แล้ว

“นี่เป็นการลงโทษที่มึงไม่ฟังกู”

รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ จากนั้นก็หักนิ้วของหมาป่าออกหนึ่งนิ้ว

หมาป่าร้องครางออกมา ในปากเต็มไปด้วยคำร้องขอรพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่ฟังใดๆ ได้จับนิ้วของหมาป่าอีกนิ้ว ออกแรง นิ้วของเขาได้หักลงอีกแล้ว

“ผม ผมผิดไปแล้ว สหาย ปล่อยผมไปเถอะนะ” หมาป่าหน้าแดง เหงื่อไหลเต็มหน้าผาก ดูออกว่าเจ็บปวดมาก

รพีพงษ์จับนิ้วที่สามของหมาป่า แล้วถาม “ตอนนี้กูให้มึงเอาหนี้ของเธอทั้งหมด โอนไปให้ไอ้ตปิยะ มึงยังมีปัญหามั้ย?”

“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา เงินพวกนั้นตปิยะเป็นคนยืม ต้องให้มันคืนอยู่แล้ว” หมาป่ารีบตอบ

“งั้นต่อไปมึงจะยังหาเรื่องหญิงสาวคนนี้อีกมั้ย?” รพีพงษ์ถามต่อ

“ไม่แล้ว ไม่แล้ว ถ้าต่อไปผมยังหาเรื่องเธออีก ให้เมียของผมนอกจากเป็นร้อยๆครั้งเลย!” หมาป่ากล่าว

ได้ยินหมาป่าพูดแบบนี้ รพีพงษ์จึงได้ผ่อนแรงลง

เมื่อกี้ตอนที่รพีพงษ์จับนิ้วเขาไว้นั้น เขากลัวจนตัวสั่น

ตปิยะที่ล้มลงกับพื้นอยู่ตลอดเวลาคิดว่าคนของหมาป่าได้จัดการรพีพงษ์ไปแล้ว แบบนี้เขายังได้พึ่งบารมีไปด้วย แต่เขาไม่คิดเลย ว่ารพีพงษ์จะจัดการกับคนของหมาป่าได้อย่างง่ายดายขนาดนี้

แล้วยังหักนิ้วของหมาป่าได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

เห็นลักษณะของหมาป่าในตอนนี้ เรื่องกู้ยืมของโศภิตา ก็น่าจะตกไปอยู่ที่เขาแล้วล่ะ

และหมาป่าเป็นคนยังไงเขารู้ดี ถ้าถูกหมาป่าเพ่งเล็ง ครึ่งชีวิตที่เหลือของเขาก็จบเห่แล้ว!

“ตอนนี้เดี๋ยวนี้ เอาเอกสารกู้ยืมพวกนั้นโอนกรรมสิทธิ์เดี๋ยวนี้ กูต้องมั่นใจว่าการกู้ยืมเงินเหล่านั้น ในด้านกฎหมาย โศภิตาไม่ต้องคืนเงินอีกแม้แต่แดงเดียว เข้าใจมั้ย?” รพีพงษ์จ้องหมาป่าแล้วกล่าว

“เข้าใจเข้าใจ ผมจะทำเดี๋ยวนี้!” หมาป่ารีบกล่าว

จากนั้นเขาก็รีบเอกสารกู้ยืมเหล่านั้นของโศภิตามา จากนั้นก็ทำลายสัญญากู้ยืม ต่อหน้ารพีพงษ์ แล้วทำสัญญาฉบับใหม่ขึ้นมา ให้ตปิยะเซ็นชื่อ ประทับลายนิ้วมือ

“ทำเสร็จแล้ว ต่อไปโศภิตาจะไม่มีหนี้สินอะไรอีก เงินพวกนี้ ตปิยะเป็นผู้คืนเองทั้งหมด และผมสัญญา ว่าจะไม่หาเรื่องโศภิตาอีกต่อไป” หมาป่ากล่าว

รพีพงษ์พยักหน้า มองไปยังโศภิตาที่อยู่ข้างๆ กล่าว “พวกเราไปกันเถอะ”

โศภิตาพยักหน้า แล้วเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับรพีพงษ์

ตปิยะที่หน้าดำคร่ำเครียดอยากจะออกจากที่นี่ไปพร้อมๆกับพวกเขา แต่ขณะนี้หมาป่าได้ลากเขาเอาไว้ แล้วด่า “แม่ง ตอนนี้มึงเป็นหนี้พวกกูอยู่แปดแสนกว่านะ จากไปแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง?”

รพีพงษ์ทำให้เขาเกิดปมในใจอย่างมาก ตอนนี้เขาต้องระบายออกมา ตปิยะเป็นกระสอบทรายชั้นดีเลยทีเดียว

รพีพงษ์และโศภิตาไม่สนใจชีวิตของตปิยะอยู่แล้ว ถ้าเขาถูกตีตาย ไม่แน่โศภิตาอาจจะดีใจขึ้นมาหน่อยก็ได้

โศภิตาและรพีพงษ์กลับมาที่ห้องเช่า พร้อมๆกัน เธอเหมือนฝันไปอย่างไรอย่างนั้น รู้สึกไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่

หนี้สินที่ติดตัวเธอมานานหลายปี วันนี้ได้จบสิ้นแล้ว

ทั้งสองมาถึงหน้าประตู เห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ด้านหน้า โศภิตาก็มองเข้าไปข้างในรถ พบว่าคนที่นั่งอยู่ คือดิษยาและจุฑาธชทั้งสอง!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท