พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1034 ประสบการณ์เจ็บปวดของโศภิตา

บทที่1034 ประสบการณ์เจ็บปวดของโศภิตา

บทที่1034 ประสบการณ์เจ็บปวดของโศภิตา

หลังจากที่วางสายแล้ว รพีพงษ์มองไปที่อารียา กล่าว “เรียบร้อย พวกเราพาเธอเข้าไปกันเถอะ”

อารียาคว้าแขนของโศภิตาอีกครั้ง ยิ้มพลางกล่าว “ไปเถอะภิตา ตอนนี้พวกเราไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันได้แล้ว”

โศภิตามึนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมสามีของอารียาแค่ยกหู เธอก็สามารถเข้าไปดูคอนเสิร์ตด้วยได้แล้ว?

อารียาไม่ได้อธิบายให้เธอฟัง ลากเธอแล้วเดินเข้าไป

รพีพงษ์หาทางเข้าเฉพาะของซูเปอร์วีไอพีได้แล้ว อุ้มหนูลินแล้วพาทั้งสองคนเข้าไป

โศภิตาสงสัย คิดในใจถึงแม้พาเธอเข้าไปในคอนเสิร์ตได้จริงๆ ก็น่าจะต้องไปเข้าคิวที่ประตูถึงจะถูกสิ แต่ทำไมพวกเขาพาเธอไปยังที่ๆคนน้อยล่ะ?

ไม่นาน ก็มีคนมาถึงช่องพิเศษ ช่องนี้มีคนรออยู่โดยเฉพาะ หลังจากที่เขาเห็นรพีพงษ์มา ก็รีบยืนตรง

เขาเพิ่งจะได้รับข่าว ว่ามีบุคคลสำคัญท่านหนึ่งที่พาเด็กจะพาเพื่อนมาด้วย ไม่ต้องขวางไว้

เห็นรพีพงษ์กำลังอุ้มเด็ก แว็บเดียวเขาก็รู้แล้วว่าน่าจะเป็นบุคคลสำคัญที่หัวหน้ากล่าวถึงแน่นอน

พวกเขาเดินมาถึงตรงหน้าของคนนั้น รพีพงษ์หยิบบัตรซูเปอร์วีไอพีสองใบ ยื่นให้คนนั้น คนนั้นรีบรับมา บัตรยิ่งทำให้เขามั่นใจในตัวตนของรพีพงษ์

เพราะหัวหน้าได้บอกไว้แล้ว ดังนั้นไม่ว่ารพีพงษ์จะหยิบบัตรออกมากี่ใบ เขาก็จะปล่อยทุกคนที่รพีพงษ์พามาทั้งหมด

“คุณผู้ชาย ขอให้คุณดูคอนเสิร์ตอย่างสนุกนะครับ” คนนั้นที่อยู่ที่ประตูกล่าว แล้วยังโค้งคำนับให้พวกเขาด้วย

โศภิตามองดูเหตุการณ์นี้อย่างไม่คาดคิด ยังไงก็ไม่คาดคิด ว่าพนักงานของคอนเสิร์ต จะเคารพรพีพงษ์ขนาดนี้

แม้หลังจากที่เรียบจบมหาลัยแล้ว เธอไม่ได้กลับเมืองริเวอร์เลย แต่ก็เคยได้ยินเพื่อนบางคนพูด ว่าสามีที่อารียาแต่งงานด้วย เป็นไอ้สวะ แต่ตอนนี้ เบื้องหลังของรพีพงษ์ มีมากกว่าจุฑาธชอย่างมาก

ไม่เพียงแค่สามารถใช้ช่องพิเศษได้ แล้วยังพาใครเข้าไปด้วยก็ได้ ไม่มีใครห้ามเลยแม้แต่น้อย

ทุกคนเดินเข้าไปในยิมเนเซียม ช่องทางนี้เป็นช่องทางที่ยาวไปถึงจุดวีไอพีที่ใกล้ๆเวที ยิ่งโศภิตาเดินเข้าไปด้านในมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งคิดไม่ถึงมากขึ้นเท่านั้น

สักพัก ทุกคนก็เดินมาถึงด้านหน้าสุดของเวที จุดนี้แยกกับจุดอื่น นอกจากคนที่มีบัตรซูเปอร์วีไอพีแล้ว คนอื่นไม่สามารถเข้ามาได้

และเพราะเหตุนี้ ที่ตรงนี้จะไม่เหมือนกับจุดอื่น ที่คนเบียดเสียดกัน ต่างกันโดยสิ้นเชิง จุดนี้เนื้อที่กว้างขวาง วางโซฟาและโต๊ะ บนโต๊ะวางเครื่องดื่มและผลไม้ไว้ เตรียมไว้ครบถ้วน

โศภิตาช็อกกับสิ่งที่ถูกเตรียมไว้ที่นี่ เธอไม่เคยคิดมาก่อน ว่าการดูคอนเสิร์ตจะสามารถได้รับบริการขนาดนี้ด้วย เมื่อก่อนเธอดูผ่านทีวี เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย จะมีพื้นที่กว้างแล้วนั่งได้เพียงแค่ไม่กี่คนได้ไงกัน

อารียาลากโศภิตามานั่งบนโซฟา ถามอย่างเป็นห่วงว่า “ภิตา รีบเล่าเรื่องหลายปีมานี้ของแกให้ฉันฟังเร็ว หลังจากที่จบมหาลัยแล้ว พวกเราก็ไม่เจอกันอีกเลย ไม่รู้ว่าแกมีชีวิตความเป็นอยู่ยังไงบ้าง”

ขณะนี้โศภิตารู้แล้วว่าอารียาและรพีพงษ์ไม่ใช่คนธรรมดา ได้ยินอารียาถามตน ก็เริ่มควบคุมตัวเองมากขึ้น

เธอถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย กล่าว “ความจริงประสบการณ์หลายปีมานี้ของฉันมันเจ็บปวดรวดร้าวมาก”

จากนั้นเธอก็เล่าเรื่องที่เธอเจอมาหลังจากที่เธอจบมหาลัยให้ฟัง

หลังจากเรียนจบมหาลัย โศภิตาไม่ได้กลับเมืองริเวอร์ และยังหางานทำต่อที่เมืองเมฆา เงินเดือนไม่เลว มีการเจริญในหน้าที่การงานสูงมาก เดิมทีเธอคิดว่าชีวิตของเธอยิ่งอยู่ยิ่งดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่ดวงชะตาก็เล่นตลก สถานการณ์แบบนี้เป็นไปได้ประมาณหนึ่งปี เธอก็เจอเข้ากับความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

ตอนนั้นเธอทำงานที่เดียวกับดิษยา เพราะตอนนั้นดิษยาเป็นหัวหน้ากลุ่มของกลุ่มย่อย โศภิตาไม่ชอบการประจบประแจง เพราะเหตุนี้ดิษยาจึงไม่พอใจเธอ แล้วหาเรื่องเธอตลอด

มีอยู่ครั้งหนึ่งโศภิตาทนดิษยาไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงได้บอกเรื่องนี้กับหัวหน้า ด้วยเหตุนี้ดิษยาจึงโดนหักคะแนน

ดิษยาโกรธแค้นโศภิตา จึงได้ล้างแค้นเธอมาตลอด

ดิษยาที่ตอนนั้นเพิ่งจะเรียนจบได้ไม่นานทำงานหามรุ่งหามค่ำที่เมืองเมฆา ก็ต้องหาที่พึ่งเป็นธรรมดา และในขณะเดียวกันนี้เอง เธอได้กับชายที่ตามจีบเธอ

ชายคนนั้นจีบเก่งมาก โศภิตาที่ไม่เคยมีความรักมาก่อนก็หลงคารมเขาเข้าอย่างจัง ไม่นานก็ตกหลุมพราง

เธอเชื่อว่าถ้าชายคนนั้นต่อสู้ไปกับเธอ ขยันไปด้วยกัน ซื้อบ้านที่เป็นของพวกเขา จากนั้นก็แต่งงานมีลูก มีความสุขตลอดไป

แต่ยังไงเธอก็ไม่คาดคิด ทั้งสองอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน ชายคนนี้ก็เริ่มหาเหตุผลต่างๆนานาขอเงินจากเธอ อ้างว่าจะสร้างกิจการเป็นของตัวเอง ต้องการทุนทรัพย์จำนวนมาก

ตอนนั้นโศภิตากำลังตกอยู่ในภวังค์ของความรักโง่ๆ มอบเงินเดือนที่ได้จากการทำงาน อย่างไม่ลังเลให้กับชายคนนั้น

จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนของโศภิตาเตือน ว่าเจอชายคนนั้นอยู่ที่กาสิโนใต้ดินแห่งหนึ่งในเมืองเมฆา

ที่แท้ชายคนนี้ก็ไม่ได้ทำกิจการอะไรเป็นของตัวเอง เงินทั้งหมดของโศภิตา ถูกเขาเอามาเล่นการพนันทั้งหมด

ไม่ใช่แค่เท่านี้ ชายคนนี้ติดการพนัน หลังจากที่เอาเงินของโศภิตาไปแพ้พนันหมดแล้วนั้น ก็แอบใช้ชื่อของโศภิตาไปกู้ยืมเงินนอกระบบ กู้มาทั้งหมดแปดแสนกว่า ก็แพ้พนันจนหมด

ตอนนั้นเขายังใช้เหตุผลในการเป็นพารท์เนอร์กิจการ ให้โศภิตาเซ็นกู้ยืมมากมาย ทำให้ภิตามีหนี้มหาศาล ถึงขั้นมีคนให้เธอเอาตัวไปแลกกับหนี้

ชั่วข้ามคืน โศภิตาเหมือนตกอยู่ในนรก ตัวเองก็พลอยห่อเหี่ยวไปด้วย

เธอไม่คิดมาก่อน ว่าตนจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ คนนั้นที่บอกว่าจะให้ความสุขกับเธอ จะเป็นผีพนันแบบนี้ ที่เขามาหาเธอ ก็เป็นเพราะต้องการเงินของเธอ แล้วยังทำชีวิตเธอพังอีกด้วย

โศภิตารู้สึกว่าเริ่มไม่ชอบมาพากล เพราะตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง คนทวงหนี้พวกนั้นไม่กล้าบีบเธอให้ขายตัว และไม่กล้าเอาดอกเบี้ยสูง แต่เงินต้นแปดแสนนั้นยังไงเธอก็ต้องคืน

เพราะเรื่องนี้ บริษัทจึงไล่โศภิตาออก และในนามของเธอมีการกู้ยืมหนี้นอกระบบ หลายๆบริษัทจึงไม่รับเธอเข้าทำงาน

เธอในตอนนี้ทำได้เพียงล้างจานในร้านอาหารใช้หนี้เท่านั้น แต่เงินเดือนในร้านอาหารต่อเดือนก็แค่นิดเดียว อยากจะคืนเงินนี้ให้หมด เธอต้องทำตลอดชีวิต

และสิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงที่สุด คนนั้นทั้งหลอกความรู้สึกเธอทั้งหลอกเงิน ทำร้ายเธอจนสิ้นเนื้อประดาตัว จะเป็นคนที่ดิษยาหามาล้างแค้นเธอโดยเฉพาะ!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท