พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1035 ที่ไฟลกรุ๊ปล้มละลายก็เพราะพวกเรา

บทที่1035 ที่ไฟลกรุ๊ปล้มละลายก็เพราะพวกเรา

บทที่1035 ที่ไฟลกรุ๊ปล้มละลายก็เพราะพวกเรา

“หญิงคนนั้นที่ชื่อดิษยาน่าเกลียดจริงๆ เธอทำเพื่อล้างแค้นแก จนต้องหาผู้ชายที่น่าขยะแขยงคนหนึ่งมาทำร้ายแก ทำให้แกสิ้นเนื้อประดาตัวยังไม่ว่า แล้วตอนนี้ยังต้องแบกรับหนี้สินมหาศาลอีก ชาตินี้แกตกหลุมไปแล้ว” อารียากล่าวอย่างเกรี้ยวกราด

โศภิตาเบื่อหน่ายและเดียวดาย จากนั้นก็ยิ้มแหยๆออกมา

“เป็นแบบนี้แล้ว อยากจะย้อนเวลากลับไปในตอนเริ่มต้น ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ชายคนนั้นจนกระทั่งตอนนี้ยังกลับมาหาฉันเพื่อเอาเงินอีก ฉันสลัดเขาทิ้งไม่ได้เลย”

“แล้วดิษยา เธอหาแฟนเป็นลูกคนรวย ฉันต่อกรไม่ได้เลยจริงๆ เธอไม่มาหาเรื่องฉัน ก็ถือว่าดีโขแล้ว”

“ตอนนี้ฉันอยากจะคืนหนี้สินหมดให้เร็วที่สุด แล้วออกไปจากเมืองนี้ เริ่มต้นชีวิตใหม่”

“ไม่รู้ว่าความหวังนี้ของฉัน ชาตินี้จะมีโอกาสเป็นจริงได้มั้ย”

อารียามองไปที่โศภิตาอย่างสงสาร คิดไม่ถึงว่าเพื่อนที่ดีที่สุดตอนมัธยมปลาย จะเจอกับเรื่องที่เลวร้ายแบบนี้

เธอจ้องมอง แล้วกล่าว “ภิตา แกสบายใจได้เลย แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันตอนเรียนมัธยมปลาย ในเมื่อเราเจอกันที่นี่ แสดงว่าพระเจ้าลิขิตมา ฉันจะไม่ให้ไอ้คนที่น่าขยะแขยงนั่นรังแกก็ได้อีก”

โศภิตาส่ายหน้า กล่าว “อารี ฉันรู้ว่าแกสงสารฉัน แต่เบื้องหลังแฟนของดิษยามันเก่งกาจมาก พวกเราเอาไม่อยู่หรอก ไหนๆเรื่องมันก็เป็นแบบนี้แล้ว ตอนนี้ฉันใช้หนี้ได้ก็พอแล้ว พวกแกอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวเลย”

อารียาหัวเราะ กล่าว “เบื้องหลังแฟนหนุ่มของมันดี ทำไมเธอมาดูคอนเสิร์ต แล้วยังต้องเข้าคิว แต่พวกเราเข้ามาได้เลยล่ะ?”

โศภิตาชะงัก แต่ก็รู้สึกตัวทันใด ตอนนั้นเธอรู้สึกว่าตัวตนของอารีนาและรพีพงษ์ไม่ธรรมดา ตอนนี้อารียาพูดแบบนี้ เธอรับรู้ได้อย่างแน่ชัด ว่าพวกเขาทั้งคู่ เก่งกาจกว่าจุฑาธชอย่างแน่นอน

“อารี พวกแกได้บัตรระดับซูเปอร์ขนาดนี้ ฉันก็ตกใจจริงๆนะ แต่พวกแกไม่ใช่คนในพื้นที่เมืองเมฆา ถึงแม้มีอำนาจในที่อื่น แต่ต่อให้คนเก่งอย่างไรจะต่อกรกับคนในพื้นที่ไม่ไหว ฉันไม่อยากหาเรื่องให้พวกแก” โศภิตาขอร้อง

อารียายิ้ม แล้วกล่าว “ในเมื่อแกกังวลขนาดนี้ งั้นฉันจะเล่าอะไรให้แกฟัง ให้แกเชื่อมั่นว่าเราตัดการปัญหานี้ได้แน่นอน”

“ไฟลกรุ๊ปที่ล้มละลายในช่วงนี้แกรู้ใช่ป่ะ?”

โศภิตทพยักหน้าทันใด ด้วยสีหน้าสงสัย ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้พูดถึงไฟลกรุ๊ป

“ที่ไฟลกรุ๊ปล้มละลาย เพราะคุณชายของพวกเขา แย่งที่นั่งที่เราจองไว้แล้วในร้านอาหารไป แล้วยังข่มขู่เราสองแม่ลูกด้วย รพีพงษ์โมโห จึงทำให้พวกเขาล้มละลาย” อารียายิ้มพลางกล่าว

ถ้าเป็นเมื่อก่อน อารียาไม่มีทางยกเรื่องนี้ขึ้นมาโอ้อวดแน่นอน แต่ตอนนี้เพื่อจะให้โศภิตาเชื่อว่าตนสามารถช่วยได้ ดังนั้นจึงพูดเรื่องที่ทำให้คนตะลึงออกมา

หลังจากที่โศภิตาได้ยินอารียาพูด ก็ตาโตขึ้นมา ด้วยความไม่เชื่อ

“ที่ไฟลกรุ๊ปล้มละลาย ก็เพราะพวกแก?” เสียงของโศภิตาสั่นขึ้นมา

อารียาหัวเราะพลางพยักหน้า กล่าว “ตอนนี้แกเชื่อแล้วยังว่าเราช่วยแกจัดการปัญหานี้ได้?”

โศภิตายังคงช็อกอยู่กับเมื่อกี้ยังไม่รู้สึกตัว ช่วงนี้เธอก็ได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับไฟลกรุ๊ป ได้ยินเหตุผลต่างๆนานามาหลายเวอร์ชัน แต่ยังไงเธอก็ไม่คาดคิด ว่าที่ไฟลกรุ๊ปล้มละลาย เป็นเพราะคุณชายของไฟลกรุ๊ป แย่งที่นั่งของเพื่อนเก่าเธอแค่นั้น

เธอรู้จักอารียาดี รู้ว่าเพื่อนเธอคนดีไม่ขี้โม้ บวกกับตอนนี้ที่พวกเขาอยู่ในจุดของซูเปอร์วีไอพีของคอนเสิร์ต ทำให้เธอไม่มีเหตุผลใดๆที่จะสงสัยในตัวอารียาได้เลย

รพีพงษ์เห็นท่าทางประหลาดใจของโศภิตา กล่าว “สบายใจได้ ครั้งนี้พวกเราออกมามีเวลาเยอะมาก รอให้พวกเราจัดการปัญหาของคุณเสร็จ แล้วพวกเราค่อยกลับไป”

โศภิตาคือเพื่อนมัธยมปลายของอารียาที่ความสัมพันธ์ดีที่สุด เขาไม่มีทางไม่ช่วยแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาที่โศภิตาเจอ ในสายตาเขา เป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้น จัดการง่ายๆ

โศภิตารู้สึกตัว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งอย่างหาที่สุดมิได้ เธอไม่คิดมาก่อน ว่าตอนที่ตัวเองถึงทางตัน จะได้พบกับอารียาและรพีพงษ์

ไม่ว่าพวกเขาทั้งสองจะช่วยตนจัดการปัญหานี้ได้หรือไม่ เธอก็ซาบซึ้งอย่างหาที่เปรียบมิได้แล้ว

“อารี ไม่ว่าพวกแกจะช่วยฉันหรือไม่ ความรู้สึกนี้ ฉันจะจำมันไปตลอดกาล” นัยน์ตาของโศภิตาเริ่มเต็มไปด้วยน้ำคลอเบ้า

อารียาลูบมือเธอ กล่าว “พอแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ตอนนี้แกก็ดูคอนเสิร์ตให้สบายใจ รอให้คอนเสิร์ตจบ รพีพงษ์จะจัดการปัญหานี้เอง”

“และดิษยานั่น รพีพงษ์ก็จะลงโทษตามที่เห็นสมควร”

โศภิตาไม่ปฏิเสธ และพยักหน้าอย่างจริงจัง

ผ่านไปไม่นาน ในยิมเนเซียมเต็มไปด้วยผู้คน ผู้ที่ซื้อบัตรทุกคนนั่งลงกับที่ ล้วนรอคอยการเริ่มต้นของคอนเสิร์ตอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ

ทุกคนสังเกตเห็นหน้าเวที จุดที่แยกออกมาโดยเฉพาะ พวกเขาเห็นที่นั่นมีโซฟา โต๊ะ และเครื่องดื่ม ก็ล้วนอิจฉาขึ้นมา

“ไม่คิดว่าคอนเสิร์ตนี้จะมีที่นั่งที่สบายแบบนี้ด้วย ไม่รู้ว่าถ้าไปนั่งดูคอนเสิร์ตจุดนั้น ต้องจ่ายเท่าไหร่กันนะ”

“ที่นั่งตรงหน้าของพวกเราก็ถือว่าอยู่ด้านหน้า ก็หกหมื่นกว่าเข้าไปแล้ว ที่นั่งตรงนั้นของพวกเขาไม่เพียงแค่อยู่ด้านหน้า จะไปดูคอนเสิร์ตที่นั่น ต้องราคาหลักแสนแน่นอน”

“มีเงินไม่พอ ที่จะซื้อที่ตรงนั้นได้นะ จะต้องเป็นคนที่มีคอนเน็คชั่น ไม่แน่เค้าไม่ต้องจ่ายเงิน ก็ไปนั่งตรงนั้นได้เลยก็ว่าได้ ”

……

ดิษยาและจุฑาธชทั้งสองก็มาถึงที่นั่งวีไอพีระดับสูง ที่นั่งอยู่ด้านหลังของซูเปอร์วีไอพี ถือว่านอกจากจุดซูเปอร์วีไอพีที่ใกล้กับเวที ก็เป็นอีกที่ที่ใกล้กับเวที

พวกเขาทั้งสองก็สังเกตจุดซูเปอร์วีไอพี ด้วยความอิจฉา

ตอนที่สายตาพวกเขามองไปเห็นโศภิตาที่กำลังพูดคุยกับอารียา ที่โซฟาในจุดซูเปอร์วีไอพี ก็ชะงัก

“นั่นโศภิตาหนิ? ทำไมเธอไปอยู่ที่ซูเปอร์วีไอพีได้?!”

“แล้วยังมีสองคนนั้นที่กำลังอุ้มเด็กด้วย พวกเขาอยู่ที่นี่ได้ไงกัน?”

ดิษยามองเหตุการณ์อย่างคิดไม่ถึง ไม่รู้ว่าทำไม ในใจรู้สึกริษยาอย่างบอกไม่ถูก

“หรือเพื่อนทั้งสองของโศภิตา เป็นคนที่มีคอนเน็คชั่นใหญ่โต?” จุฑาธชถาม

ดิษยาคิดในใจว่าน่าจะเป็นไปได้ แต่แว็บเดียว เธอก็ยกเลิกความคิดนี้ไป

“โศภิตาเป็นแค่คนล้างจาน เธอจะรู้จักคนใหญ่คนโตได้ไงกัน ฉันสงสัยว่าพวกมันต้องแอบเข้ามาแน่นอน เรารีบไปบอกรปภ.กันเถอะ พวกมันกล้าแอบเข้ามาดูคอนเสิร์ต แล้วยังนั่งที่ซูเปอร์วีไอพีอีก ฝ่ายผู้จัดคอนเสิร์ต จะต้องไม่ปล่อยพวกมันเอาไว้แน่!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท