พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1026 แกคิดว่าแกมีท่าไม้ตายแค่คนเดียวหรือไง

บทที่1026 แกคิดว่าแกมีท่าไม้ตายแค่คนเดียวหรือไง

บทที่1026 แกคิดว่าแกมีท่าไม้ตายแค่คนเดียวหรือไง

รพีพงษ์ตั้งหลัก ขมวดคิ้วมองจารุเดชที่เพิ่มพลังขึ้นอีกครั้ง ด้วยความระวังตัว

นิรภัฏเห็นเหตุการณ์นี้ ก็เป็นกังวล ตะโกนไปหารพีพงษ์ว่า “รพีพงษ์ ฉันมาช่วยแกอีกแรง! แกกับฉันร่วมมือกัน น่าจะกดไอ้แก่วิปริตนี่ได้!”

รพีพงษ์กล่าวปฏิเสธทันทีว่า “ผู้อาวุโส คุณบาดเจ็บแล้ว ต่อให้คุณกับผมร่วมมือกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร คุณสบายใจได้ ผมต่อกรกับมันได้ คุณยืนดูอยู่ข้างๆก็พอแล้ว!”

นิรภัฏไม่คิดว่ารพีพงษ์จะปฏิเสธเขา ร่างที่เตรียมจะพุ่งเข้าไปได้หยุดลงทันที

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาต้องคิดว่ารพีพงษ์จองหองเกินไป ไม่แน่อาจได้ว่าเขาสักกี่ประโยค แต่หลังจากที่ได้เห็นฝีมือของรพีพงษ์แล้วนั้น นิรภัฏได้เข้าใจ ว่าเด็กคนนี้ กับอัจฉริยะคนก่อนๆที่เขาเคยเจอมานั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง

เขาเป็นเด็กที่ทำให้ทุกคนเซอร์ไพรส์ได้ และนิรภัฏก็รู้ดีว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนที่มั่นใจตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ นั่นก็แสดงว่ามีวิธีจัดการกับจารุเดชจริงๆ

ตอนนี้เขาบาดเจ็บสาหัส ถ้ายังต่อสู้อีกครั้ง แล้วไม่ทันได้ระวังตัว ก็จะกลายเป็นภาระของรพีพงษ์ได้ กลับทำให้เรื่องราวแย่ลงไปอีก

“ท่านปู่ทวด ท่านไม่ต้องช่วยรพีพงษ์แล้วจริงๆหรอ?” ณีรนุชเป็นห่วงรพีพงษ์ จึงถามออกมา

“ในเมื่อตัวเขาเองพูดแล้วว่าสามารถต่อกรได้ นั่นก็แสดงว่าน่าจะมีท่าไม้ตายอะไรอยู่ สังเกตความเปลี่ยนแปลงเงียบๆไปก่อน ถ้าเขาเอาไม่อยู่จริงๆ ฉันค่อยลงมือก็ยังไม่สาย” นิรภัฏกล่าวอย่างสงบ

หลังจากที่จารุเดชได้ปล่อยพลังยี่สิบปีแล้วนั้น สีหน้าของเขาก็ดูแก่ลงมาก เหมือนกับผู้เฒ่าที่มีอายุมากว่าร้อยๆปี ผมก็เปลี่ยนเป็นสีขาวหงอก บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น

เขามองรพีพงษ์อย่างกัดฟัน แล้วกล่าว “เด็กน้อย แกบีบให้ฉันปล่อยพลังสี่สิบปีออกมา ผิวพรรณที่ฉันอุตส่าห์ทะนุถนอมมาอย่างยากเย็น ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ฆ่าแก ก็จะระบายความคับแค้นใจออกมาไม่ได้!”

รพีพงษ์บึนปากใส่จารุเดช แล้วกล่าว “เดิมทีแกก็เป็นไอ้แก่ที่อยู่มาร้อยกว่าปี แต่กลับจะทำให้ตัวเองดูอ่อนเยาว์เหมือนเด็กยี่สิบกว่าปี วิปริตแท้ๆ”

“แต่ฉันจะบอกแกอย่างรับผิดชอบก็ได้นะ ว่าการปล่อยพลังสี่สิบปี ก็ยังไม่พอ! ต่อให้แกจะปล่อยพลังทั้งหมดที่สะสมมา ยังไงวันนี้ก็ยังคงพบกับจุดจบทางเดียวคือการตาย!”

พูดจบ รพีพงษ์ไม่ลังเล ใช้วิชาลับโดยตรง ให้พลังของตัวเองเพิ่มไปยังขั้นใหม่

เขารู้ดีว่าการที่จะต่อสู้กับจารุเดชยอดฝีมือแบบนี้ห้ามอ่อนข้อเด็ดขาด และวิชาอายุวัฒนะของจารุเดชได้สะสมมาเป็นระยะเวลาร้อยปี เขาจำเป็นต้องให้จารุเดชปล่อยพลังที่มีทั้งหมดของตัวเองออกมา มิเช่นนั้นถ้ายังปล่อยเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เหตุการณ์จะไม่สู้ดีต่อรพีพงษ์

ดังนั้นเขาจึงใช้วิชาลับ

หลังจากที่รพีพงษ์เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้วนั้น เป็นครั้งแรกที่ใช้วิชาลับ

ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาคาดเดาไว้แล้ว ว่าจากการเพิ่มพลังของตัวเอง ผลลัพธ์ที่ได้จากวิชาลับจะแย่ลง แต่ความลี้ลับของวิชาลับนั้นเทียบไม่ได้ ต่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แย่ แต่สามารถทำให้ความสามารถของรพีพงษ์เพิ่มขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น

หลังจากที่ใช้วิชาลับเสร็จแล้วรพีพงษ์ก็แสดงท่าทางตกใจออกมา เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองใช้วิชาลับแล้ว เทียบได้กับวิชาสี่สิบปีที่จารุเดชใช้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่คิดก็คือ ความสามารถตอนนี้ของเขา คือแดนครึ่งแดนเทพ!

ดูๆแล้วเขารู้จักความแข็งแกร่งของวิชาลับน้อยไป

นิรภัฏสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของรพีพงษ์ กล่าวอย่างตกใจว่า “ลมปราณของเขาเปลี่ยนไปแล้ว แสดงว่าน่าจะใช้วิชาที่พิเศษบางอย่าง ทำให้พลังของตัวเองแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว!”

จารุเดชก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของรพีพงษ์ แต่ไม่ได้ใส่ใจ เขาไม่คิดว่ารพีพงษ์จะมีวิชาที่ลี้ลับเหมือนอย่างวิชาอายุวัฒนะ

เขาพุ่งไปหารพีพงษ์โดยตรง ลำแสงสีม่วงยิ่งใหญ่ กลายเป็นแส้ยาว ฟาดไปที่รพีพงษ์

หลังจากที่แส้นั้นมาถึงตรงหน้า รพีพงษ์ก็ยื่นมือไป จับแส้นั้นไว้ จากนั้นกลิ่นอายของพลังที่แปลกประหลาดได้ถูกปล่อยออกมา สลายแส้นั้นเป็นละออง สลายไปในบรรยากาศ

จารุเดชเห็นเหตุการณ์นี้ สีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน ร้องออกมาอย่างตกใจว่า “เป็นอย่างนี้ไปได้ไง?! แกทำลายท่าของฉันง่ายๆอย่างงี้ได้ไงกัน?”

การโจมตีเมื่อกี้หลังจากที่เขาปล่อยวิชาสี่สิบปี ใช้พลังทั้งหมดที่มีมาโจมตี แต่กลับถูกรพีพงษ์ทำลายอย่างง่ายดายขนาดนี้

ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ!

รพีพงษ์หัวเราะจารุเดช แล้วกล่าว “แกคิดว่าแกมีท่าไม้ตายแค่คนเดียยวหรือไง?”

“จะบอกให้นะ ถ้าจะเทียบกันเรื่องท่าไม้ตาย แกไม่มีทางชนะฉันแน่!”

พูดจบ ร่างของรพีพงษ์ มีออร่าปรากฏออกมาต่อหน้าจารุเดช ดาบฟาดไปที่หัวของเขา

จารุเดชมัวแต่ยุ่งอยู่กับการต้านทาน เขามองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าไม่ได้ พบว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์แต่อย่างใด

“เชี้ยเอ้ย วันนี้ต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีแล้วใช่มั้ย ถึงจะกำจัดแกได้เนี่ย? ”

จารุเดชกัดฟัน ไม่นาน ได้ต่อสู้กับรพีพงษ์อีกครั้ง เขาพบว่าเขาได้เสียเปรียบรพีพงษ์แล้ว

“เหอะเหอะ ถ้าตอนนี้ไม่ใช้พลังทั้งหมดที่แกมีล่ะก็ เดี๋ยวจะไม่มีโอกาสแล้วนะ”

รพีพงษ์พูดเสียดสีจารุเดช จากนั้นก็ฟันเข้าไปที่ร่างกายของเขาอีกครั้ง

จารุเดชลังเลอย่างมาก การรวบรวมวิชาอายุวัฒนะนั้นค่อนข้างยาก เขาสะสมนับร้อยปีถึงได้มีฝีมืออย่างในวันนี้ ถ้าวันนี้ใช้หมด งั้นที่เขาสะสมมาก่อนหน้านี้ ก็หมดกัน

แต่ต่อให้ไม่อยากใช้ แต่ดูไปที่รพีพงษ์ที่อยู่ข้างหน้าจะชนะเขา ทั้งหมดนี้ เขาควบคุมไม่ได้แล้ว

“เด็กน้อย วันนี้ฉันจะต้องฆ่าหั่นศพแกให้ได้ เพื่อระบายความคับแค้นในใจของฉัน!”

จารุเดชตะคอกใส่รพีพงษ์ จากนั้นทั้งตัวก็เปลี่ยนเป็นแก่ลงทันควัน เส้นผมได้เปลี่ยนเป็นสีขาวดั่งหิมะ ผิวหนังแห้งหยาบ ดูๆแล้วน่ารังเกียจ

เพื่อฆ่ารพีพงษ์ จารุเดชใช้วิชาร้อยปีของตัวเองทั้งหมดปล่อยออกมา ลักษณะของเขาขณะนี้ จึงจะเป็นสภาพจริงๆของเขา

รพีพงษ์เห็นลักษณะของจารุเดช ก็เหยียดหยาม แล้วกล่าว “ไม่แปลกที่แกต้องฝึกฝนวิชามนต์ดำเหล่านี้เพื่อรักษาผิวพรรณของตัวเอง ที่แท้แกก็รูปร่างอัปลักษณ์แบบนี้นี่เอง ตอนกลางคืน คนที่ไม่รู้ต้องคิดว่าแกเป็นผีแน่นอน!”

ขณะนี้จารุเดชได้เกลียดรพีพงษ์เข้าไส้ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขาแล้วก็ควบคุมความโกรธที่อยู่ในใจตัวเองไว้ไม่อยู่ โบกมือ ลำแสงสีม่วงปรากฏขึ้นมา จะล้อมรพีพงษ์ไว้

ในขณะเดียวกันนี้ รพีพงษ์หยุดลง จ้องไปที่จารุเดช พริบตาเดียว ชี้ไปข้างหน้า เกิดพลังแปลกประหลาดขึ้น จากนั้นตราก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

คือวิชาโจมตีของจิตวิญญาณเทพที่รพีพงษ์ได้เตรียมไว้ตั้งนานแล้ว!

“ตราคุมจิต!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท