พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1028 อยากโดนตบอีกฉาดหรือไง

บทที่1028 อยากโดนตบอีกฉาดหรือไง

บทที่1028 อยากโดนตบอีกฉาดหรือไง

โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล

ตอนที่รพีพงษ์กลับมาถึงที่นี่ เป็นช่วงกลางคืนแล้ว ขณะนี้เขาดูอ่อนล้าเหลือเกิน สามารถเป็นลมได้ตลอดเวลา

เพียงแค่นึกถึงอารียาและหนูลินกำลังรอตนอยู่ที่โรงแรม ถ้าเขาหาที่พักก่อน การนอนครั้งนี้อย่างน้อยก็หนึ่งคืนหนึ่งวัน อารียาจะต้องร้อนใจแน่นอน ดังนั้นจึงต้องอดกลั้นรีบกลับไป

เขาเดินทางถึงประตูโรงแรม เพราะเรื่องก่อนหน้านี้พนักงานต้อนรับจึงจำรพีพงษ์ได้ เมื่อเห็นรพีพงษ์กลับมา ก็รีบเปิดประตูให้เขา แล้วยังทักทายอย่างยินดีปรีดาต่อเขาด้วย

ตอนนี้รพีพงษ์ไม่มีอารมณ์สนใจคนอื่น รีบเดินเข้าไปในโรงแรม มาถึงห้องชุดของตัวเอง

หลังจากที่เปิดประตูแล้ว รพีพงษ์เห็นอารียาที่กำลังอุ้มหนูลินอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล ตัวเองเปิดประตูเข้ามา เธอก็รีบยืนขึ้น มองรพีพงษ์ที่กลับมา แล้วถามอย่างร้อนรนว่า “คุณไปทำอะไร ทำไมฉันโทรหาคุณไม่ติด?”

รพีพงษ์เดินไปด้านหน้าของอารียา แล้วกล่าว “ผมไปจัดการธุระบางอย่างมา ดังนั้นจึงกลับมาช้า ไว้เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังนะ”

“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก อาจจะนอนยาว ตอนที่ผมนอนคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ ถ้าคุณมีปัญหาอะไร ให้หาผู้จัดการของโรงแรมนี้ เขาน่าจะช่วยคุณจัดการปัญหาส่วนใหญ่ได้”

อารียาได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ แล้วพยักหน้า เธอดูออกว่าตอนนี้รพีพงษ์อ่อนล้ามาก ไม่ใช่เวลาที่จะมาถามว่าเขาไปทำอะไรมา

แล้วเพียงแค่รพีพงษ์กลับมา ไม่เกิดอะไรขึ้น เธอก็สบายใจแล้ว

“คุณรีบไปนอนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา พวกเราอยู่ในโรงแรม ไม่เกิดอะไรขึ้นแน่นอน” อารียากล่าว

รพีพงษ์พยักหน้า จากนั้นก็เดินไปที่ห้องนอน หัวถึงหมอนก็หลับไป

แม้ครั้งนี้ต่อสู้กับจารุเดช รพีพงษ์ไม่ได้ถูกบีบจนต้องใช้ท่าไม้ตายเหมือนครั้งที่แล้ว แต่เพราะหลังจากจบการต่อสู้แล้ว เขายังต้องรีบกลับมาที่โรงแรม ใช้พลังของตัวเองไปเยอะ ดังนั้นครั้งนี้เมื่อนาน ก็ปาไปสองวัน

สองวันผ่านไป รพีพงษ์ได้ตื่นขึ้นมาจากการสลบ เห็นอารียากำลังเล่นกับหนูลินข้างๆตน ยังยิ้มแล้วกล่าวว่า “หนูลิน ต่อไปเวลาหนูนอนห้ามนอนกรนแบบพ่อของหนูนะ ไม่งั้นจะโดนรังเกียจได้”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ผมนอนกรนหรอ? ผมจำได้ว่าผมไม่ค่อยกรนนะ”

อารียาเห็นรพีพงษ์ตื่นนอน ก็ดีใจ แล้วกล่าว “ไม่กรนสิแปลก เสียงที่คุณกรนเทียบจะทำให้หนูลินตกใจแล้ว”

รพีพงษ์ลุกขึ้นนั่ง จ้องไปที่หนูลิน แล้วกล่าว “อาจจะเป็นเพราะผมเหนื่อยมากมั้ง”

พูดจบ เขาก็ยืนขึ้น ไปอาบน้ำ หลังจากที่เก็บของเสร็จแล้ว ก็มาหาอารียาและหนูลินอีกครั้ง

อารียาถามรพีพงษ์ว่าคืนนั้นไปทำอะไรมากันแน่ รพีพงษ์ไม่ปิดบัง บอกว่าตนไปจัดการผู้ร้ายที่ทำเรื่องเลวทรามไว้เยอะคนหนึ่ง เพราะต่อสู้ดุเดือด ดังนั้นจึงนอนยาวขนาดนี้

อารียารู้ว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นจึงไม่สงสัยกับคำพูดใดๆของรพีพงษ์ เพียงแค่บอกว่ารพีพงษ์ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว

ในขณะที่รพีพงษ์กำลังนั่งเล่นอยู่กับอารียาและหนูลินอยู่นั้น เขาได้รับสายจากหนักงานของเทือกเขากิสนา

“นายน้อย คืนนี้เป็นวันนัดหมายพบปะกันระหว่างคุณกับไฟลกรุ๊ป สถานที่นัดหมายคือโรงแรมโอเรนจีเมืองเมฆา พวกเราได้จัดคนพาคุณไปแล้ว มิทราบว่านายน้อยสะดวกตอนไหนครับ? ”

ได้ยินคำพูดของพนักงานเทือกเขากิสนา รพีพงษ์เพิ่งจะนึกออกว่าตัวเองยังมีปัญหาเล็กน้อยต้องสะสาง

เขาบอกกับพนักงานของเทือกเขากิสนาว่าถึงเวลาแล้วเขาจะไปเอง พวกเขาเพียงแค่จัดคนไปรอตนเองที่โรงแรมโอเรนจีก็พอแล้ว

จากนั้นเขาก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้อารียาฟัง แล้วบอกว่านี่เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย ไม่ต้องเป็นห่วง เขาแค่ไปสั่งสอนชัยพัทธ์นั่นนิดหน่อยเท่านั้น

อารียาก็รู้ว่ารพีพงษ์จัดการเรื่องแบบนี้ได้อย่างราบรื่น ดังนั้นจึงไม่เป็นห่วงว่ารพีพงษ์จะมีปัญหาอะไร จึงไม่ได้ห้าม

อารียาและหนูลินทั้งสอง ไม่สะดวกที่จะไปด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นรพีพงษ์จึงให้คนของโรงแรมจัดอาหารมื้อค่ำที่มีคุณค่าทางโภชนาการให้กับสองแม่ลูกโดยเฉพาะ จากนั้นจึงออกจากโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลไป มุ่งหน้าไปที่โรงแรมโอเรนจี

โรงแรมโอเรนจีคือภัตตาคารที่ขึ้นชื่อของเมืองเมฆา ที่ที่นี่มีชื่อเสียง ไม่ใช่เพราะอาหารที่นี่อร่อย แต่เป็นเพราะเป็นที่ที่เจ้าของธุรกิจมีพบปะคุยเรื่องการค้ากัน

แค่เพียงมาคุยการค้าที่นี่ จึงจะถือว่าตัวเองมีหน้ามีตา ดังนั้นธุรกิจที่พอมีความสามารถอยู่บ้าง ต้องการจัดเลี้ยง ก็จะเลือกมาโรงแรมโอเรนจี

หลังจากที่รพีพงษ์มาถึงโรงแรมโอเรนจีแล้ว ก็ไปที่ห้องโถงก่อน เพราะเห็นในห้องโถงจัดวางวัตถุโบราณที่ล้ำค่าไว้ ดังนั้นจึงไปสอดส่องดู

แต่ไม่นาน รพีพงษ์ก็พบว่าวัตถุโบราณที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่นั้นเป็นของปลอม มากสุดก็ใช้เป็นเครื่องประดับ

แน่นอน ว่าคนที่มาทานข้าวที่นี่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าใจของพวกนี้ ทุกคนจึงไม่ใส่ใจกับมันสักเท่าไหร่

ในขณะที่รพีพงษ์กำลังจ้องมองวัตถุโบราณเหล่านั้นที่อยู่ในห้องโถงนั้น ชัยพัทธ์ได้พาคนมาจำนวนหนึ่งมาถึงโรงแรมโอเรนจี

ขณะนี้เขาแต่งตัวอย่างเป็นทางการ เพราะรู้ว่าคืนนี้จะได้เจอกับบุคคลสำคัญที่สามารถทำให้ไฟลกรุ๊ปของพวกเขาพัฒนาต่อไปได้ ดังนั้นเขาจึงไปซื้อชุดสูทที่มีราคามาโดยเฉพาะ

และคนที่ตามเขามาหลายคนนั้นคือการ์ดคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องของรพีพงษ์ครั้งที่แล้วทำให้เขารู้ว่าใช้เพียงตัวตนของเขาอาจจะโดนต่อยได้ ดังนั้นตอนนี้เวลาเขาออกไปไหนก็จะเรียกให้การ์ดไปด้วย

เขาเดินเข้าไปด้านในไม่กี่ก้าว ก็สังเกตเห็นรพีพงษ์ที่อยู่ในห้องโถงกำลังดูวัตถุโบราณอยู่

แม่ง เมื่อก่อนกุรออยู่หน้าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลสามวัน ยังไม่เจอ ไม่คิดว่าตอนนี้จะเจอเข้ากับไอ้เชี้ยนี่“

เขาลังเลอยู่สักพัก นึกว่าวันนี้แม้จะเป็นวันที่ได้เจอกับบุคคลสำคัญ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลากินข้าว บุคคลสำคัญท่านนั้นยังมาไม่ถึง เขาน่าจะยังพอมีเวลา

ที่สำคัญคือตอนนี้ข้างๆเขามีการ์ดที่แข็งแกร่งอยู่หลายคน พูดได้ว่าไม่เกรงกลัวรพีพงษ์แต่อย่างใด ดังนั้นจึงตัดสินใจจะจัดการกับรพีพงษ์ก่อน แล้วค่อยพบกับบุคคลสำคัญท่านนั้น

เขาดูแคลนออกมา จากนั้นก็เรียกการ์ดของตัวเองมา เดินเข้าไปหารพีพงษ์พร้อมกัน

“แม่งเอ้ย แอ๊บเก่งนะมึง กูรอมึงมาสามวัน สุดท้ายวันนี้ก็ได้เจอ ไง มึงเป็นคนทำความสะอาดที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลไม่ไหวแล้วล่ะสิ ถึงได้มาทำงานที่โรงแรมโอเรนจีแทน?” ชัยพัทธ์ดูแคลนรพีพงษ์

รพีพงษ์ได้ยินเสียงของชัยพัทธ์ หลังกลับไปดู หลังจากที่เห็นหน้าตาน่าถูกต่อยของชัยพัทธ์แล้วนั้น ก็รู้สึกแปลกใจ

ตอนแรกเขาคิดจะขึ้นไป ไม่คิดว่าจะได้เจอกับชัยพัทธ์ที่นี่

“ไง อยากโดนตบอีกหรอ?

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท