พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1047 จุดจบ

บทที่1047 จุดจบ

บทที่1047 จุดจบ

หลังจากที่เห็นจำนวนทั้งหมดของรพีพงษ์แล่ว จุฑาธชก็ยืนขึ้นจากโต๊ะ

“แม่งมึง! มึงหลอกกู! มึงจะมากกว่ากูแค่หนึ่งได้ไงกัน?”

ดิษยาก็ไม่คิดว่าตาสุดท้าย รพีพงษ์ก็ยังคงชนะอีก แล้วยังห่างกันแค่หนึ่งก็ชนะจุฑาธชแล้ว

ตอนนี้หน้าตาของเธอคร่ำเครียด ตอนนี้พวกเขาไม่เพียงเอาเงินกลับมาไม่ได้ แม้แต่บริษัทของจุฑาธชก็เข้าไปด้วยแล้ว

เธอได้ยินที่จุฑาธชตะโกน ก็รีบตะโกนตามไปว่า “ใช่ แกใช้เล่ห์กลแน่ๆ ครั้งนี้ไม่นับ เอาใหม่”

รพีพงษ์ได้กลับไปยังลักษณะเดิมของตน มองไปที่ทั้งคู่อย่างดูแคลน เป้าหมายของคืนนี้ได้สำเร็จลุล่วงแล้ว ก็ไม่ต้องแสดงอีกต่อไป

“การพนันที่ไหนมีพนันใหม่ ฉันชนะพวกแกก็ว่าฉันใช้เล่ห์กล ตอนที่พวกแกชนะ ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยป้ะ?”

จุฑาธชมองรพีพงษ์อย่างหน้าแดงก่ำ ตอนนี้เขาทำบริษัทของพ่อเขาแพ้พนันแล้ว ถ้าพ่อเขารู้ จะต้องตัดขาเขาทิ้งแน่ๆ ดังนั้นต่อให้จะรู้ว่าตัวเองแพ้ จุฑาธชก็จะไม่ยอมรับ

“มึงตั้งใจ ตอนนี้กูเพิ่งจะรู้ตัว ก่อนหน้านี้ที่มึงให้กูชนะ ก็เพื่อให้พวกกูลงเงินให้มากขึ้นๆเข้าไปอีก จากนั้นก็รอให้ถึงตอนสุดท้ายค่อยพลิกเกม มึงวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ ไม่งั้นที่นี่จะมีคนให้กูยืมเงินได้ไงกัน!” จุฑาธชจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างไม่ละสายตา

รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “ต่อให้กูวางแผนไว้แล้วยังไง? พวกมึงสมยอมวางหลักทรัพย์ในการพนันเองนะ ไม่น่าจะมาโกรธกูป้ะ?”

จุฑาธชเห็นรพีพงษ์ยอมรับ ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมา แล้วด่า “เย็ดแม กูให้เกียรติมึงเกินไปใช่มั้ย? ตอนนี้มึงรีบคืนเงินของพวกกูมาเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน! ”

รพีพงษ์บึนปาก จากนั้นก็หยิบสัญญาโอนกรรมสิทธิ์และหนังสือรับรอง อีกทั้งบัตรธนาคารทั้งสองใบบนโต๊ะมา จากนั้นก็พูดกับพวกหมาป่าว่า “ช่วยเก็บเงินฉันหน่อย แกเอาไปสามล้าน ที่เหลือช่วยฉันเอาไปบริจาคให้การกุศล ภารกิจวันนี้ของพวกแกสิ้นสุดแล้ว”

“เงินที่พวกมันทั้งสองเป็นหนี้แกสี่ล้าน อย่าลืมล่ะ ทวงให้ตรงเวลาหน่อย”

หมาป่ารีบพยักหน้า ด้วยรอยยิ้ม รีบให้ลูกน้องเก็บเงินที่อยู่บนโต๊ะทั้งหมดโดยเร็ว

แม้เงินสี่ล้านที่เขาให้กู้ไปเป็นเงินจริงๆ แต่รพีพงษ์คืนให้เขาสามล้าน เท่ากับเขาให้กู้แค่หนึ่งล้านเท่านั้น

แล้วเขายังมีเงินสี่ล้านที่จุฑาธชและดิษยาเป็นหนี้เขาอยู่อีกด้วย อนาคตถ้าได้เงินพวกนี้กลับมาแล้ว รพีพงษ์จะไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง

แม้ตอนนี้จุฑาธชได้เอาบริษัทเข้าไปใช้พนันด้วย แต่พวกเขาต้องมีบ้านแน่นอน และเขามีสัญญาอยู่ ไม่กลัวว่าจะไม่ได้กลับมา

สรุปคือ เขายังได้กำไรอยู่

จุฑาธชเห็นพวกหมาป่าเริ่มเก็บเงิน ก็ร้อนรนขึ้นมา แล้วตะโกน “มึงฟังไม่เข้าใจใช่มั้ย? กูให้พวกมึงเอาเงินของกูกลับคืนมา! วันนี้ถ้าพวกมึงกล้าเอาไปแม้แต่หยวนเดียว รับรองได้ว่ากูจะไม่ปล่อยพวกมึงไว้แน่!”

รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “หรอ? เชิญ”

จุฑาธชเริ่มคลั่ง คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่รพีพงษ์ชนะแล้ว จะหยิ่งยโสได้ขนาดนี้

เขาหันไปมองนักเลงที่เขาจ้างมา แล้วกล่าว “รีบเก็บพวกมันให้กูเดี๋ยวนี้ มึงจัดการพวกมัน เงินพวกนี้ กูให้มึงครึ่งหนึ่ง!”

นักเลงคนนั้นได้ยินคำพูดนี้ ก็ตาลุกวาว จากนั้นมองไปยังพวกรพีพงษ์ กำลังจะลงมือ

ขณะนี้รพีพงษ์เดินไปด้านหน้าของนักเลงคนนั้น กล่าว “เรื่องของพวกกู มึงอย่ายุ่งจะดีกว่า”

พูดจบ เขายกมือขึ้น ไปที่คอของนักเลง เว็บเดียวนักเลงก็สลบไป

ทุกคนไม่เห็นว่ารพีพงษ์ทำอย่างไร ความเร็วของรพีพงษ์มันเร็วมาก

จุฑาธชมองรพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง นักเลงที่เขาจ้างมาต่อกรได้ถึงสิบคนในเวลาเดียวกัน!

ตอนนี้กลับถูกรพีพงษ์จัดการอย่างง่ายดาย

ดิษยาเห็นดังนี้ ก็สิ้นหวัง รู้ว่าวันนี้ต่อให้อยากย้อนกลับไปก็ทำไม่ได้แล้ว

“พวกเราจะทำไง พวกเราเป็นหนี้สี่ล้าน ตอนนี้บริษัทของครอบครัวคุณก็เข้าไปด้วยแล้ว จะเอาอะไรมาใช้หนี้สี่ล้าน?” ดิษยาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว

จุฑาธชหันไปหาดิษยา แล้วกล่าว “มึงแม่งถามกู แล้วกูจะไปถามใคร?”

“เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมึง มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่! สี่ล้านนั้นมึงคืนเองก็แล้วกัน กูไม่มีเงิน!”

ดิายาเห็นตอนนี้จุฑาธชให้เธอใช้หนี้คนเดียว ก็ตาโต ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาไม่คิดว่าเป็นแฟนกันแล้ว เพียงแค่คิดว่าจะรักษาตัวให้รอดได้อย่างไร

“สัญญานั่นเราทั้งคู่เป็นผู้เซ็น แกบอกให้ฉันใช้หนี้แล้วฉันต้องใช้หรอ? จะบอกให้นะ มีสัญญาอยู่ แกก็หนีไม่รอด!” ดิษยาก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป หักหน้าของจุฑาธชโดยตรง

จุฑาธชมองดิษยาอย่างเคียดแค้น จากนั้นก็ตบไปที่หน้าของเธอ แล้วด่า “แม่งมึง เพราะมึงอีกะหรี่ บริษัทของพ่อกูก็โดนไปแล้ว ตอนนี้ยังเป็นหนี้อีกสี่ล้าน มึงไอ้ตัวซวย กูนี่มันตาบอดจริงๆ ที่มีแฟนโง่เง่าอย่างมึง!”

“ตอนนี้มึงโกรธกู ตอนอยู่บนเตียงทำไมมึงไม่พูดแบบนี้? ตอนนี้มีปัญหาแล้วมึงไม่สนกูแล้ว มึงก็ไม่ใช่คนดีอะไรนักหรอก!” ดิษยาก็ตะคอกใส่จุฑาธชอย่างไม่เกรงใจแล้วเช่นกัน

หมาป่ามองดูทั้งคู่ทะเลาะกันอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มพลางยืนต่อหน้าทั้งสอง แล้วกล่าว “มีอะไรพวกเราคุยกันดีๆ อย่าทะเลาะกัน”

“แม้บริษัทของครอบครัวคุณจะโดนไปด้วย แต่ครอบครัวคุณยังมีบ้านไม่ใช่หรอ? ราคาบ้านของเมืองเมฆาสูงขนาดนี้ เพียงแค่ขายบ้าน ก็หาเงินได้ครบแล้วนะ”

“อีกอย่าง ต่อให้ขายบ้านแล้วยังได้ไม่ครบ พวกคุณยังมีหุ้นหนึ่งในสามของบริษัทอีก ขายหุ้นพวกนี้ ก็น่าจะพอแล้ว”

“ถ้ายังไม่ได้อีก ให้เธอไปขายตัวก็น่าจะได้อยู่นะ เพียงแค่ขยันหน่อย หนึ่งวันรับสักสิบคน น่าจะใช้เวลาไม่นาน ก็คืนเงินได้ครบแล้ว”

พูดพลาง หมาป่าก็จ้องไปที่ดิษยา

ดิษยาหน้าถอดสี ตะคอกใส่หมาป่า “มึงพูดบ้าอะไร!! มึงต่างหากที่ต้องไปขายตัว!”

จุฑาธชที่อยู่ข้างๆได้ยินเข้าก็ตาลุกวาว กล่าว “กูเห็นด้วย กูขายมันให้มึง มึงจะให้มันทำอะไรก็ได้ เพียงแค่อย่าให้กูคืนเงินก็พอ”

ดิษยาไม่คาดคิดเลยจริงๆว่าจุฑาธชจะพูดประโยคนี้ออกมาได้ มองเขาด้วยความแค้น แล้วด่า “มึงไอ้หน้าด้าน เพื่อเงิน มึงกล้าขายกู!”

จุฑาธชดูแคลน กล่าว “งั้นสี่ล้านกูคืนแค่สองล้าน ที่เหลืออีกสองล้านมึงคืน จากระดับเงินเดือนของมึง ยังไงก็ยังต้องไปขายตัวอยู่ดี ดังนั้นทำไมไม่ให้มึงไปขายตัวตั้งแต่แรกล่ะ?”

รพีพงษ์กำลังมองทั้งสองทะเลาะกัน ก็ยิ้มอย่างเยาะเย้ย คิดในใจบางครั้งก็น่าแปลกใจ ไม่ถึงนาทีสุดท้าย ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปขนาดไหน

เขามองโศภิตา แล้วกล่าว “เราไปกันเถอะ เราไม่มีธุระอะไรที่นี่แล้ว”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท