พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1046 ความคิดของนักพนัน

บทที่1046 ความคิดของนักพนัน

บทที่1046 ความคิดของนักพนัน

“เป็น……เป็นไปได้ยังไง? มันชนะแล้ว งั้นพวกเรา……แพ้สิบล้าน?” ดิษยาพึมพำกับตัวเอง

จุฑาธชยังไม่มีปฏิกิริยา จ้องไปที่ลูกเต๋าทั้งห้าของรพีพงษ์อย่างถี่ถ้วน หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเป็นห้าหกอัน ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“แกแพ้มาทั้งคืน ทำไมตาสุดท้ายถึงได้เขย่าเลขมากขนาดนี้ แกต้องทำกลอุบายอะไรแน่ๆ!” จุฑาธชจะคอกใส่รพีพงษ์

เขารับไม่ได้แม้แต่น้อยกับการชนะตาสุดท้ายของรพีพงษ์

นี่เท่ากับคืนนี้เขาไม่ได้อะไรเลย แล้วยังเป็นหนี้อีกสี่ล้าน

“ใช่ มันใช้กลอุบายอะไรแน่ๆ ห้าหกอัน เขย่าออกมาได้ไง!” ดิษยาก็กล่าวต่อ

รพีพงษ์จ้องไปที่พวกเขาทั้งสอง แล้วกล่าว “ถ้าฉันใช้กลอุบายได้จริงๆ ก็ต้องเริ่มใช้ตั้งแต่ต้นแล้ว ทำไมต้องมาใช้ตาสุดท้ายล่ะ?”

“แล้วฉันก็แพ้มาตลอดทั้งคืน ก็แค่มาชนะนัดสุดท้าย อย่าเป็นเพราะลักทรัพย์ในการพนันครั้งนี้สูง พวกแกจึงคิดว่าฉันใช้กลอุบายอะไรสิ ก่อนหน้านี้พวกแกชนะมาตั้งหลายครั้ง ใช้กลอุบายเหมือนกันหรือเปล่าล่ะ?”

ถูกรพีพงษ์ถามคำถามเดียวกัน ทั้งสองก็พูดไม่ออก เพราะสิ่งที่รพีพงษ์พูดคือความจริง เขาแพ้มาตลอดทั้งคืน ชนะบ้างสักครั้งก็ปกติ

แต่ครั้งนี้เงินพนันสูงจริงๆ ใครจะรู้ว่าเงินที่พวกเขาชนะมาจะแพ้ทั้งหมด แล้วยังต้องจ่ายเพิ่มอีกสี่ล้าน

“ตอนนี้พวกเราจะทำยังไง? ครั้งนี้แพ้ราบคาบ แล้วยังเป็นหนี้สี่ล้านอีก สถานการณ์ของฉันเป็นยังไงคุณรู้ดี ฉันไม่มีสี่ล้านหรอกนะ เงินพวกนี้คุณต้องเป็นคนคืนแล้วล่ะ” ดิษยาร้อนรน แวบแรกที่คิดออก คือเอาภาระหนี้สินให้กับจุฑาธช

จุฑาธชหน้าบึ้ง หันไปมองดิษยา แล้วกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “แพ้แค่ครั้งเดียวเอง ใครบอกว่าคืนนี้จะจบแค่นี้ คุณรู้แล้วหรอว่าเราจะชนะเงินนี้กลับมาไม่ได้แล้ว ถึงได้พูดเรื่องคืนเงินกับผมเร็วขนาดนี้”

ดิษยาได้ยินจุฑาธชพูดแบบนี้ ก็รู้สึกได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองร้อนรนไป

แต่ตอนนี้พวกเธอไม่มีเงินแล้ว จะเอาอะไรมาชนะกลับมาได้?

จุฑาธชมองรพีพงษ์ แล้วกล่าว “ตานี้ที่แกชนะ พวกเราไม่คาดคิดจริงๆ แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา พวกเราก็ไม่สามารถที่จะชนะได้ตลอด”

“แต่ฉันยังเล่นไม่พอ เรามาพนันกันต่อ ฉันไม่เชื่อว่าฉันจะแพ้!”

รพีพงษ์ดูแคลน จุฑาธชในตอนนี้ เหมือนกับผีพนันเข้าสิง ถ้าเริ่มแพ้ เขาจะเอาความหวังฝากไว้กับครั้งต่อไป จะเป็นวงเวียนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

ที่นักพนันพวกนั้นแพ้จนครอบครัวบ้านแตกสาแหรกขาด ก็เป็นเพราะมีความคิดแบบนี้

“ได้ พวกแกอยากเล่นต่อ งั้นฉันก็จะเล่นไปจนสุดทาง แกอยากพนันเท่าไหร่?” รพีพงษ์ถาม

“ฉันจะพนันกับแกยี่สิบล้าน และตาเดียวรู้ผล ฉันจะชนะกลับมาให้หมดภายในครั้งเดียว!” จุฑาธชตะโกนออกมา

เขาคิดว่าตาเมื่อกี้รพีพงษ์ได้ใช้โชคทั้งหมดที่มีในวันนี้ไปแล้ว จากการมือขึ้นของเขา บอกว่าต่อไปรพีพงษ์ไม่มีทางชนะได้อีกแล้ว

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของเขา ก็หัวเราะ แล้วกล่าว “ฉันตกลงเงื่อนไขนี้ แต่แกจะพนันกับฉันยี่สิบล้าน ก็ต้องเอาทรัพย์สินที่ราคาเท่ากันออกมาป่ะ? ไม่ใช่แกไม่เอาอะไรมาพนัน แล้วจะพนันกับฉันยี่สิบล้าน แบบนี้ไม่ยุติธรรมนะ?”

จุฑาธชได้ยินรพีพงษ์พูด เพิ่งจะนึกออกว่าตัวเองไม่มีทรัพย์สินยี่สิบล้าน

เขาร้อนรนขึ้นมา จากนั้นก็หันไปหาหมาป่า แล้วถาม “แกมียี่สิบล้านมั้ย ให้ฉันยืมก่อน เดี๋ยวฉันชนะแล้วจะคืนให้”

หมาป่าหัวเราะขึ้นมาทันทีแล้วกล่าว “สี่ล้านเมื่อกี้เป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่ผมมีแล้ว ผมจะไปเอายี่สิบล้านนี้มาจากไหน”

จุฑาธชด่า รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะพนันอีกครั้ง ก็สามารถเอาเงินกลับมาได้แล้ว แต่เพราะไม่มีเงินพนัน รพีพีงษ์ก็ไม่พนันกับเขา เขารู้สึกเสียเปรียบ

รพีพงษ์เห็นท่าทีของเขา ก็หัวเราะออกมากล่าว “ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวแกมีบริษัทไม่ใช่หรอ ถ้าแกสามารถเอาบริษัทแกมาค้ำได้ บางทีฉันอาจจะพนันกับแกต่อก็ได้นะ”

จุฑาธชได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ตาโต กล่าว “แกคิดอะไรอยู่? คิดไม่ถึงว่าจะให้ฉันเอาบริษัทมาพนัน?”

รพีพงษ์ยักไหล่ กล่าว “ที่แกจะพนันกับฉัน มันยี่สิบล้านเลยนะฉันให้แกเอาบริษัทมาค้ำประกัน ก็ไม่เกินไปป้ะ? แล้วบริษัทจะเอาเงินออกมาก็ยาก ถ้าไม่ได้เห็นแก่การพนันมาทั้งคืน ต่อให้แกเอาบริษัทให้ฉัน ฉันก็อาจจะไม่เอานะ ”

จุฑาธชคิดๆก็จริง ตอนนี้ทรัพย์ในการพนันของพวกเขาคือยี่สิบล้าน เทียบได้กับบริษัทของพวกเขาแล้วจริงๆ

เขากัดฟัน จากนั้นก็กล่าว “ได้ งั้นฉันเอาบริษัทของฉันพนันกับแก แต่มูลค่าในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทมูลค่าสามสิบล้าน ฉันทำได้เพียงเอาหุ้นสองในสามของบริษัทมาพนันเท่านั้น”

รพีพงษ์หัวเราะออกมา ถาม “บริษัทของแก แกตัดสินใจได้มั้ย?”

จุฑาธชดูแคลน แล้วกล่าว “บริษัทของฉันพ่อฉันเป็นคนลงนามแต่เพียงผู้เดียว แต่ฉันรู้ว่าเขาเอาตราประทับของบริษัทวางไว้ที่ไหน และฉันสามารถปลอมลายเซ็นเขาได้ โอนหุ้นนิดหน่อยไม่เป็นไร”

“แต่แกอย่าหวัง ตาต่อไป ฉันจะต้องชนะแกแน่นอน”

รพีพงษ์ไม่สนคำพูดของเขา กล่าว “งั้นแกทำสัญญาขึ้นหนึ่งฉบับ เขียนเรื่องการโอนหุ้นเอาไว้ให้ชัดเจน แล้วเอาสัญญาวางไว้บนโต๊ะ ถ้าแกชนะ เอาสัญญากลับไป คิดเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้น แต่ถ้าแพ้ ฉันจะเซ็นชื่อบนสัญญานี้ ถึงตอนนั้นหุ้นสองในสามของบริษัทแก จะเป็นของฉัน แล้วฉันต้องการคนรับรองที่เชี่ยวชาญ แกรับได้มั้ย?”

จุฑาธชพยักหน้า คิดในใจสุดท้ายก็ต้องเป็นเขาที่ชนะ ที่ทำแบบนี้ก็แค่ฉากทำไปงั้นๆ เขาไม่มีทางสูญเสียแต่อย่างใด

เพื่อเงินยี่สิบล้านที่เคยอยู่ในมือ แต่กลับลอยกายไป จุฑาธชไปบริษัททำสัญญาขึ้นมาหนึ่งฉบับ จากนั้นก็หาคนรับรองที่เชี่ยวชาญ ทำรายงานการรับรองหนึ่งฉบับ

เขาหยิบสัญญาและรายงานรับรองมาที่โรงแรมโอเรนจี โยนสัญญาและหนังสือรับรองไว้บนโต๊ะ กล่าว “ตอนนี้มีทรัพย์ในการวางพนันแล้ว เริ่มกันเถอะ”

หลังจากที่รพีพงษ์ได้หยิบสัญญาและรายงานมาดูแล้ว ยิ้มพลางกล่าว “ได้ งั้นพวกเราพนันกันอีกครั้ง”

จุฑาธชเชื่อมั่น ว่าครั้งนี้เขา จะต้องชนะรพีพงษ์อย่างแน่นอน

แล้วเมื่อถึงตอนนั้น ยี่สิบล้านก็จะกลับมาเป็นของเขาอีกครั้ง

ทั้งสองเขย่าลูกเต๋าพร้อมๆกัน จุฑาธชเปิดถ้วยเขย่าลูกเต๋าออกอย่างอดใจรอไม่ไหว มองเข้าไปด้านใน พบว่าเป็นสามสี่อัน ห้าหนึ่งอันหนึ่งห้าอัน

ทำให้เขาเริ่มผวาขึ้นมา จำนวนนี้ถือว่าไม่มากเลย

รพีพงษ์ก็เปิดถ้วยเขย่าลูกเต๋าของตัวเองออกอย่างช้าๆ ทุกคนเห็นอะไรบางอย่างสามหลายอัน จุฑาธชเริ่มโล่งอก คิดในใจแม้ตัวเลขของรพีพงษ์จะเพิ่มขึ้นแต่ไม่แน่ก็อาจจะน้อยกว่าเขา

หลังจากที่รพีพงษ์เปิดถ้วยเขย่าลูกเต๋าออกทั้งหมดแล้ว ทุกคนก็แข็งทื่อ

ด้านในคือสามสี่อัน หกหนึ่งอัน

มากกว่าจุฑาธชแค่นิดเดียว!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท