พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1038 คอนเสิร์ตเริ่มต้น

บทที่1038 คอนเสิร์ตเริ่มต้น

บทที่1038 คอนเสิร์ตเริ่มต้น

หัวหน้ารปภ.รีบพาดิษยาและจุฑาธชทั้งสองไปด้านนอก โดยไม่ลังเล

เพราะเรื่องเมื่อกี้ หัวหน้ารปภ.ได้เกลียดแค้นทั้งสองคน แล้วเขาจะเกรงใจพวกดิษยาทำไม

ดิษยาและจุฑาธชเห็นคนพวกนี้ไม่ตลก จะไล่พวกเขาออกไปจริงๆ ก็งงงวย

“พวกแกจะทำอะไร? พวกเราซื้อตั๋วเข้ามานะ พวกแกไล่พวกเราได้ไงกัน?” จุฑาธชตะคอก

“ซื้อตั๋วเข้ามาวันนี้ก็ต้องออกไป พวกเราไม่ต้อนรับพวกคุณ!” หัวหน้ารปภ.เริ่มตะโกน

คนรอบข้างเห็นเหตุการณ์นี้ก็ค่อนข้างตกใจ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนถูกไล่ออก

“เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้?” ทำไมต้องไล่พวกเขาไป?

“น่าจะทำผิดต่อฝ่ายผู้จัด เค้าโมโห ดังนั้นจึงไม่ให้พวกเขาดูคอนเสิร์ตแล้ว”

“เชด ไอ้สองคนนี้ก็โง่เนอะ แม้แต่ฝ่ายผู้จัดก็ยังกล้าทำผิด พวกมันก็คิดสักหน่อยว่าเค้าจัดงานคอนเสิร์ตใหญ่ขนาดนี้ได้ จะต้องไม่ธรรมดา พวกมันทำผิดต่อฝ่ายผู้จัดก็เหมือนรนหาที่ตายอะ”

“ช่างเค้าสิ ยังไงก็ไม่ใช่พวกเราที่โดนไล่ออก ดูเรื่องครึกครื้นสักหน่อยก็ไม่เลว”

……

จุฑาธชและดิษยาทั้งสองต่อต้าน แต่ไม่ว่าพวกเขาจะต่อต้านยังไง ก็ต้านทานรปภ.ที่กำยำหลายคนที่จะเอาพวกเขาออกไปไม่ไหว ไม่นาน ทั้งสองก็ถูกไล่ออกจากยิมเนเซียม

หัวหน้ารปภ.จ้องไปที่ทั้งสอง จากนั้นก็กล่าวดูแคลน “พวกคุณรีบไสหัวไปจะดีกว่า ถ้าผมยังเห็นพวกคุณที่นี่ อย่าหาว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน!”

“พวกแกไล่พวกเราได้ไม่เป็นไร แต่พวกเราซื้อตั๋วมานะ พวกแกคืนเงินค่าตั๋วมาให้พวกเราเดี๋ยวนี้!” จุฑาธชตะโกนใส่

หัวหน้ารปภ.หัวเราะ กล่าว “หัวหน้าของพวกเราบอกแล้ว ว่าพวกคุณทำผิดต่อคนที่ไม่ควรจะทำผิดด้วย เค้าไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกคุณก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ค่าตั๋วก็ถือเป็นจ่ายค่าเทอมก็แล้วกัน”

พูดจบ เขาก็พาเหล่ารปภ.ออกไปจากที่นี่

จุฑาธชและดิษยาทั้งสองโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเขาทั้งสองก็ไม่สามารถที่จะทำตรงกันข้ามกับฝ่ายผู้จัดได้

“ฝากไว้ก่อนเถอะ กูจะไปฟ้องสมาคมผู้บริโภค!” จุฑาธชตะคอก

หัวหน้ารปภ.ไม่สนใจพวกเขาแต่อย่างใด

แม้ว่าพวกเขาจะไปฟ้องสมาคมผู้บริโภค แล้วฝ่ายผู้จัดจะต้องเสียค่าปรับ แต่เงินแค่นั้นกับการที่ให้ดิษยาจุฑาธชเสียเปรียบ ไม่อยู่ในสายตาของชโนดมเลย

ยิ่งไปกว่านั้นเขามาถึงจุดนี้ได้ คอนเนคชั่นมากมายเกินกว่าจะเทียบได้ ไม่มีทางกลัวการร้องเรียนของคนสองคนแน่นอน

“น่าโมโหจริงๆ มีสิทธิ์อะไรที่ทำกันรุนแรงขนาดนี้ ไล่พวกเราออกมา วันนี้ฉันมาดูไอดอลของฉันโดยเฉพาะเลยนะ สุดท้ายตอนนี้ไม่ใช่แค่ไม่ได้เห็นไอดอล ยังเสียเงินฟรีๆอีก!” ดิษยาเสียใจ คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะต้องเสียเปรียบขนาดนี้

“แม่ง ใครจะคิดได้ว่าเพื่อนของโศภิตานั่นจะมีเบื้องหลังเป็นคนใหญ่คนโตขนาดนี้ แม้แต่คนของฝ่ายจัดงานก็ช่วยพวกมัน ดูๆแล้วครั้งนี้โชคร้ายชะมัด” จุฑาธชกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

ดิษยาเห็นจุฑาธชพูดแบบนี้ ก็ตอบกลับทันทีว่า “เพื่อนของโศภิตาจะมีอะไรดี คุณไม่เห็นตอนที่กลุ่มรปภ.ไล่พวกเรา แล้วพวกมันไปคุยกับพวกซูเปอร์วีไอพีพวกนั้นหรอ”

“ฉันเดาว่าเพื่อนของโศภิตานี่ต้องรู้จักใครคนหนึ่งในนั้น โชคดี ใช้บารมีของเค้า ถึงได้มีโอกาสนั่งดูคอนเสิร์ตที่ซูเปอร์วีไอพี”

“ฝ่ายผู้จัดไล่พวกเราออกมา ต้องเห็นแก่เหล่าแขกซูเปอร์วีไอพีพวกนั้นแน่นอน”

จุฑาธชถอนหายใจ กล่าว “ไม่ว่าจะยังไง วันนี้พวกเราก็ดูคอนเสิร์ตไม่ได้แล้ว แล้วเราก็ไม่รู้ตัวตนเพื่อนทั้งสองของโศภิตาด้วย จะทำอะไรพวกมันก็ยากแล้ว”

“คุณบ้าหรือไง แม้พวกเราจะไม่รู้ว่าเพื่อนทั้งสองของโศภิตานี้เป็นใคร แต่พวกเรารู้เกี่ยวกับโศภิตาทุกอย่าง เพียงแค่พวกเราคุมโศภิตาเอาไว้ให้ได้ จะถามว่าเพื่อนทั้งสองของมันพักที่ไหนก็ไม่ยากแล้ว” ดิษยากล่าวทันที

จุฑาธชตาเป็นประกาย จากนั้นก็กล่าวอย่างกัดฟันด้วยความแค้น “ใช่ โศภิตาก็เป็นแค่คนล้างจาน จะควบคุมมันง่ายจะตาย แม่ง แค้นนี้ ต้องชำระ กูไม่สนว่าพวกมันจะเป็นใคร จะต้องให้พวกมันลิ้มลองความเก่งกาจของกูสักหน่อยแล้ว!”

ดิษยาแสดงท่าทางเคียดแค้นเหมือนจุฑาธช ในสมองคิดไว้หมดแล้วว่าจะล้างแค้นรพีพงษ์และโศภิตายังไง

……

ที่นั่งซูเปอร์วีไอพี

ผู้คนที่มาดูคอนเสิร์ตล้วนเข้าไปคุยกับรพีพงษ์อย่างใจจดใจจ่อ รพีพงษ์แค่ถามคำตอบคำ ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับพวกเขา

โศภิตามองรพีพงษ์และอารียาทั้งสองอย่างอุทาน เกี่ยวกับความเก่งกาจของพวกเรา

เธอไม่คิด ว่าเพื่อนสนิทที่สุดของเธอตอนมัธยมปลาย จะหาสามีที่เก่งได้ขนาดนี้ ทำเอาเธออิจฉามากมาย

ผ่านไปไม่นาน คอนเสิร์ตเริ่มต้นขึ้น ตามโปรแกรมของผู้จัด ดาราชั้นนำขึ้นเวทีตามๆกันมา เรียกร้องเสียงจากคนดูได้อย่างไม่ขาดสาย

อารียาและโศภิตาตื่นเต้น หลังจากที่เห็นดาราที่พวกเธอชอบแล้ว ก็ยกย่องไปตามๆกัน

รพีพงษ์กลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยปริยาย เมื่อคอนเสิร์ตเริ่ม อารียาก็เอาหนูลินให้เขา ให้เขาดูแลหนูลินให้ดีๆ ตัวเองจะตั้งใจดูคอนเสิร์ต

รพีพงษ์ช่วยไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะเขาไม่ค่อยสนใจคอนเสิร์ตแบบนี้สักเท่าไหร่ ครั้งนี้ที่ออกมาเที่ยว ก็เพื่อทำตามความต้องการของอารียา

คอนเสิร์ตใช้เวลาทั้งหมดสามชั่วโมง บรรยากาศรอบๆงานครึกครื้นอยู่ตลอดเวลา ทุกคนไม่หยุดยกย่อง ส่งเสียงร้อง ปรบมือ มีคนจำนวนไม่น้อยตะโกนจนเสียงแหบเสียงแห้งหมดแล้ว

สุดท้าย หลังจากที่เหล่าดาราได้ร่วมกันร้องเพลงจบ ก็มาถึงช่วงสุดท้ายของงาน

รพีพงษ์ขณะนี้กำลังเคลิ้ม แต่อารียาและโศภิตาทั้งสอง ก็ยังคงตื่นเต้นกับการแสดงอยู่ แม้แต่หนูลินที่ยังไม่รู้เรื่องก็ตื่นเต้นเพราะบรรยากาศในงาน

หลังจากที่คอนเสิร์ตจบแล้ว ทั้งสามก็พาสาวน้อยออกจากยิมเนเซียม เดิมที่ชโนดมอยากจะเลี้ยงข้าวมื้อดึกรพีพงษ์หลังจากจบคอนเสิร์ต แต่เพราะหนูลินจะนอนแล้ว ดังนั้นรพีพงษ์จึงปฏิเสธไป

อารียาถามที่พักปัจจุบันของโศภิตา และเธอรับรอง ว่ารพีพงษ์จะช่วยเธอจัดการปัญหาอย่างแน่นอน

โศภิตาไม่ดัดจริต เธอรู้ว่าการที่จะสลัดฝันร้ายนี้ออกไปนั้น ทำได้เพียงพึ่งอารียาและรพีพงษ์เท่านั้น

หลังจากที่บอกที่อยู่แล้ว รพีพงษ์และอารียาได้พาหนูลินกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม

เช้าวันต่อมา อารียาเล่นกับหนูลินที่โรงแรม รพีพงษ์ออกจากโรงแรมไป ยังที่อยู่ของโศภิตา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท