พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1043 กลอุบาย

บทที่1043 กลอุบาย

บทที่1043 กลอุบาย

โศภิตาจับก้อนหินนั้นไว้ แล้วมองรพีพงษ์อย่างตกใจ เธอไม่เห็นรพีพงษ์อ้าปากแท้ๆ แต่กลับได้ยินเสียงของรพีพงษ์

และเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมรพีพงษ์บอกว่าหินนี้ช่วยเธอได้ ต่อให้เธอใช้แรงบีบก้อนหิน ถ้าจุฑาธชจะจัดการเธอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีถึงจะถูกสิ

แต่ตอนนี้เธอทำได้เพียงเชื่อรพีพงษ์ ดังนั้นจึงพยักหน้าเบาๆ

หินที่รพีพงษ์ให้เธอ เอาออกมาจากกลุ่มสิงโต หินก้อนนี้ธัชธรรมเจอในที่ที่ไม่มีคน หินก้อนนี้ดูๆแล้วไม่ได้ต่างอะไรกับก้อนหินธรรมดา แต่ธัชธรรมกลับพบว่า หินก้อนนี้กักเก็บพลังเอาไว้ได้

แม้มันพลังจะสามารถกักเก็บไว้ได้อย่างจำกัด โดยทั่วไปสิบขั้น มากสุดจะเหลือไว้หนึ่งขั้น

และนี่ยังต้องควบคุมอย่าพิเศษอีกด้วย เพราะถ้าออกแรงมาก หินก้อนนี้จะแตกสลาย

และพลังที่ถูกกักเก็บไว้ เพียงแค่ใช้พลังบีบ ก็สามารถปล่อยออกมาได้แล้ว

ตอนนั้นรพีพงษ์รู้สึกว่าหินนี้ค่อนข้างแปลกประหลาด ดังนั้นจึงเอากลับมาเป็นของเล่น

หินก้อนนั้นที่เขาให้โศภิตาจึงกักเก็บพลังไม่ถึงหนึ่งส่วน ถ้าเป็นการต่อสู้ระดับรพีพงษ์ หินก้อนนี้จะไร้ค่าไปในทันที

แต่ก้อนหินแบบนี้ สำหรับโศภิตา ใช้พอแน่นอน

แม้จะเป็นพลังหนึ่งในร้อยของรพีพงษ์ อย่างจุฑาธชและดิษยาคนธรรมดาแบบนี้เอาไม่อยู่แน่นอน

ดิษยามองโศภิตาอย่างดูแคลน กล่าว “โศภิตา ยืนแข็งทื่ออะไรอยู่ รีบขึ้นรถพวกเราสิ แกบอกให้มันพูดให้เป็นคำพูดหน่อย มิเช่นนั้น แกต้องทนกับสิ่งที่พวกฉันจะทำกับแกทั้งหมด”

โศภิตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คิดว่ามาถึงจุดนี้ เธอไม่มีตัวเลือกอีกแล้ว วันนี้มีเพียงเชื่อรพีพงษ์ทางเลือกเดียวแล้วเท่านั้น

เธอไม่ลังเลใดๆ เดินไปหน้ารถของจุฑาธช เปิดประตู แล้วนั่งลงไป

จุฑาธชมองรพีพงษ์อย่างดูแคลน กล่าว “การชดเชยเงินในคืนนี้ แกมีความจริงใจหน่อย มิเช่นนั้น ฉันจะไม่เกรงใจต่อแก!”

พูดจบ เขาและดิษยาเข้าไปนั่งในรถพร้อมกัน แล้วขับรถออกจากที่นี่

หลังจากที่รพีพงษ์เห็นดิษยาพวกเขาออกไปแล้วนั้น ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็ออกจากที่นี่ไป

เขากลับไปที่โรงแรมก่อน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมดให้อารียาฟัง หลังจากที่อารียาได้ยินว่าดิษยาและจุฑาธชพาโศภิตาไปแล้วนั้น ก็เกิดเป็นห่วงขึ้นมา

รพีพงษ์บอกให้เธอไม่ต้องกังวล เขาเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกจุฑาธชจะทำอะไรโศภิตาจริง สุดท้ายคนที่โชคร้ายก็จะเป็นพวกเขาเอง

จากนั้นรพีพงษ์ก็ได้บอกแผนในคืนนี้ให้อารียาฟัง หลังจากที่อารียาฟังแล้วนั้นรู้สึกไม่มีปัญหาอะไร จึงได้กลายกังวลลง

หลังจากที่พูดเข้าใจแล้ว รพีพงษ์ให้อารียาอยู่เป็นเพื่อนหนูลินที่โรงแรมต่อไป เขาจะออกจากโรงแรม ไปธนาคาร จากนั้นค่อยไปโรงแรมโอเรนจี

เขาจองห้องรับรองระดับสูงของโอเรนจีไว้ หลังจากที่เตรียมการเสร็จแล้วนั้น ก็รอให้ดิษยาและจุฑาธชมา

ไม่นาน ฟ้าเริ่มมืด ชีวิตกลางคืนของชาวเมืองเมฆาได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ในโรงแรมโอเรนจีก็เริ่มครึกครื้นขึ้นมา

ณ ห้องรับรองระดับสูงของโรงแรมโอเรนจี

“ไม่คิดว่าไอ้นี่มันมีความจริงใจเหมือนกันนะ ยังจองห้องรับรองระดับสูงที่สุดไว้อีกด้วย ค่าใช้ห้องนี้หมื่นกว่าเลยนะ ดูๆแล้วมันคิดจะขอโทษพวกเราจริงๆ” จุฑาธชยิ้มพลางกล่าว

ดิษยายิ้มอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ แต่เธอเป็นคนโผงผาง จะไม่มีทางลดค่าชดเชยลงเพราะรพีพงษ์มีความจริงใจอย่างแน่นอน

“จริงใจแล้วไง นี่เป็นสิ่งที่มันต้องทำ เมื่อคืนแม้แต่ไอดอลของฉันยังไม่ได้เห็นเลย เพราะมัน ฉันไม่ตัดขามันก็ดีขนาดไหนแล้ว!” ดิษยากล่าว

โศภิตาที่อยู่ด้านหลังเหยียดหยาม คิดในใจว่ารพีพงษ์ไม่ใช่ง่ายๆ ที่เขาทำแบบนี้ จะต้องให้ดิษยาและจุฑาธชพบกับจุดจบที่อนาถอย่างแน่นอน รอให้รพีพงษ์ใช้กลอุบายของตัวเองก่อน พวกเขาทั้งสองก็จะไม่มีอารมณ์พูดอะไรแล้ว

คนที่มาพร้อมกับพวกเขาทั้งสาม ยังมีชายที่รูปร่างบึกบึน ชายคนนี้เป็นนักเลงที่จุฑาธชซื้อตัวมา เพราะกันรพีพงษ์เล่นพิเรน ถึงตอนนั้นจะได้จัดการรพีพงษ์ได้ทันที

พวกเขายังไม่เคยเห็นฝีมือของรพีพงษ์ ดังนั้นคิดว่าชายร่างกำยำคนเดียวก็เอารพีพงษ์อยู่แล้ว

สี่คนผลักประตูเข้ามาในห้องรับรองพร้อมกัน เมื่อเข้ามาก็เห็น บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารมากมาย หลังโต๊ะตัวนั้น เป็นโต๊ะพนันทั่วไป

และบนโต๊ะพนัน ได้วางธนบัตรไว้สามกอง รวมๆกันแล้ว ก็ประมาณสามล้าน

หลังจากที่ดิษยาและพวกทั้งสี่ได้เห็นธนบัตรที่วางอยู่บนโต๊ะแล้ว ก็อึ้ง พวกเขาไม่คาดคิด ว่ารพีพงษ์จะวางเงินไว้ที่นี่เยอะขนาดนี้

“พระเจ้า ไอ้นั่นมันบ้าไปแล้วหรือไง? หรือเงินพวกนี้ เป็นเงินชดเชยให้พวกเรางั้นหรอ?” ดิษยาตื่นเต้น ถ้าเงินพวกนี้ให้พวกเขาทั้งหมดจริงๆ งั้นพวกเขาก็ได้กำไรไปเยอะเลยทีเดียว

เพราะตั๋วคอนเสิร์ตเมื่อวานจ่ายไปแสนกว่าเท่านั้น แต่เงินที่อยู่บนโต๊ะนี้ ประมาณสามล้านเห็นจะได้!

แม้ครอบครัวของจุฑาธชจะรวยมาก สามล้านนี้ไม่ถือว่ามากอะไร แต่รพีพงษ์วางเงินสดสามล้านนี้ไว้ คือคิด ก็ช็อกแล้ว

“คิดไม่ถึงว่าไอ้นี่รู้สาเหมือนกันนะ ถือว่ามันรู้เรื่อง ถ้าวันนี้สามล้านให้พวกเรา เรื่องคำนับ เว้นให้มันก็แล้วกัน” จุฑาธชยิ้มพลางกล่าว

โศภิตามองเงินบนโต๊ะด้วยความสงสัย ด้านหนึ่งก็ช็อกกับทรัพย์สินของรพีพงษ์ อีกด้านหนึ่งไม่เข้าใจรพีพงษ์ว่าต้องการทำอะไร

ห้องรับรองนี้เป็นห้องชุด ด้านในยังมีอีกห้อง

หลังจากที่ดิษยาและพวกเขาได้เข้าไปในห้องรับรองแล้ว รพีพงษ์ก็เดินออกมาจากห้องในนั้น

เขามองไปที่ทุกคนแล้วหัวเราะ สังเกตเห็นโศภิตาไม่เป็นไร ก็รู้แล้วว่าจุฑาธชไม่ได้ทำอะไรโศภิตา

“ทุกคนรีบนั่งเถอะ อาหารทำเสร็จแล้ว พวกเรากินข้าวกันก่อนนะ” รพีพงษ์กล่าว

ทุกคนนั่งลง แต่ใจของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่อาหาร แต่อยู่ที่ธนบัตรบนโต๊ะพนันนั้นต่างหาก

หลังจากที่นั่งลงแล้ว รพีพงษ์ก็ยิ้มพลางมองดิษยาและจุฑาธชทั้งสองคน จากนั้นก็กล่าวว่า “พวกแกน่าจะเห็นสามล้านที่ตั้งอยู่บนโต๊ะนั้นแล้ว เงินพวกนั้น เป็นเงินที่ฉันเตรียมไว้ให้พวกแก”

ดิษยาและจุฑาธชตื่นเต้น ดิษยากล่าว “ถือว่าแกฉลาด เห็นแก่เงินก้อนนี้ พกวเรายกโทษให้แกแล้ว”

รพีพงษ์หัวเราะ จากนั้นก็กล่าว “แต่ถ้าเรากินข้าวแบบนี้ แล้วพวกแกเอาเงินไป ก็ไม่สนุกสิ”

“ในห้องด้านใน ฉันได้เตรียมไว้อีกสามล้าน หลังจากที่พวกเรากินข้าวเสร็จแล้ว เล่นพนันกันสักหน่อย ถ้าพวกแกโชคดี ไม่แน่อาจจะได้กลับไปหกล้านเลยนะ พวกแกคิดว่าไง?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท