พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1048 ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือนรก

บทที่1048 ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือนรก

บทที่1048 ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือนรก

ตั้งแต่ออกมาจากโรงแรมโอเรนจี โศภิตาก็สับสนมึนงง

เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในคืนนี้ ในสายตาเธอมันเหมือนฝันไปอย่างไรอย่างนั้น ยังไงเธอก็ไม่คาดคิด ว่ารพีพงษ์จะทำให้จุฑาธชเอาบริษัทเข้ามาพนันได้ แล้วดิษยาก็ต้องแบกรับหนี้สินกี่ล้าน นี่มันน่ากลัวกว่าแปดแสนกว่าของเธอก่อนหน้านี้มาก

แล้วจุฑาธชยังมีความคิดจะขายดิษยาอีกด้วย ถ้าดิษยาคืนเงินเองไม่ได้ ต่อให้เธอไม่อยาก เกรงว่าหมาป่าก็จะต้องบีบให้เธอขายตัวแน่นอน

ไม่ว่าจะยังไง จุฑาธชและดิษยาจบเห่แล้วชาตินี้

จนกระทั่งถึงตอนนี้ เธอเพิ่งจะเข้าใจว่าอุบายของรพีพงษ์มันน่ากลัวขนาดไหน เขาอยากจะทำลายชีวิตคนสักคน จะมีวิธีมากมายขนาดนี้นี่เอง แล้วยังทำให้ดิษยาและจุฑาธชทั้งสองหลงกลได้อย่างง่ายดาย

ถอนหายใจยาวๆ แล้วไม่คิดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป เธอรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ตอนขากลับ รพีพงษ์ถามโศภิตา “คุณเรียนคณะอะไร?”

โศภิตาชะงัก ไม่รู้ว่ารพีพงษ์ถามคำถามนี้ทำไม แล้วกล่าว “เรียนการจัดการการโรงแรม แต่หลังจากที่ฉันเรียนจบแล้วก็ไม่ได้ทำงานในสายงานนี้”

รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “พอดีเลย พรุ่งนี้คุณมาโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ผมจะให้พวกเขาหาตำแหน่งงานให้คุณ แบบนี้ต่อไปคุณก็จะมีรากฐานที่เพียงพอที่นี่แล้ว”

โศภิตาตาโต มองไปที่รพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง ไม่คิดว่ารพีพงษ์ที่รพีพงษ์ถามถึงคณะที่เธอเรียนนั้น เพื่อหางานให้เธอ

และที่สำคัญที่สุดคือ รพีพงษ์ให้เธอไปโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล!

นั่นมันเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเมฆาเลยนะ

เพียงแค่เป็นพนักงานทำความสะอาดที่นั่น เงินเดือนเดือนหนึ่งก็มากกว่างานที่เธอทำอยู่ตอนนี้ไม่รู้กี่เท่า

และน้ำเสียงที่รพีพงษ์พูด เหมือนกับโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลเป็นเขาของอย่างไรอย่างนั้น เพียงแค่เขาสั่งก็สามารถจัดตำแหน่งงานที่นั่นให้ได้เลย

แต่หลังจากที่เห็นเล่ห์กลของรพีพงษ์แล้ว ตอนนี้ต่อให้รพีพงษ์บอกว่าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลเป็นของเขา โศภิตาก็ไม่สงสัย

“ได้……ได้ไงกัน โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของเมืองเมฆาเลยนะ ฉันมีสิทธิ์อะไรไปทำงานที่นั่น” โศภิตารีบกล่าว

รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “คุณเป็นเพื่อนสนิทของอารียา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”

โศภิตาไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เธอไม่เคยคิดมาก่อน ว่าตัวเองจะสามารถเข้าทำงานในโรงแรมระดับต้นๆได้ เพราะตัวเองเป็นเพื่อนสนิทของอารียา

“เอาตามนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้เช้าคุณมาโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล แพลนท่องเที่ยวของเราที่นี่ได้มาถึงวันสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้น่าจะต้องกลับแล้ว” รพีพงษ์กล่าว

โศภิตาไม่ต่อต้านใดๆ แล้วพยักหน้าให้รพีพงษ์

ขณะเดียวกันเธอก็ได้ปฏิญาณกับตัวเองแล้ว ว่าจะทำงานให้ดี เพื่อทดแทนบุญคุณคู่สามีภรรยารพีพงษ์และอารียาทั้งสอง

หลังจากที่ตกลงกับโศภิตาเรียบร้อยแล้ว รพีพงษ์ก็เรียกรถกลับไปโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล

หลังจากที่กลับไปแล้ว เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้อารียาฟังทั้งหมด

หลังจากที่อารียาได้ยินจุดจบของดิษยาและจุฑาธชแล้วนั้น ก็หายโกรธ พวกเขาทั้งสองทำร้ายโศภิตาจนเป็นแบบนี้ จุดจบแบบนี้ก็ถือว่าไม่หนักเท่าไหร่สำหรับพวกเขา

สำหรับเรื่องที่รพีพงษ์จัดให้โศภิตามาทำงานที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลนั้น อารียาไม่คัดค้านใดๆ เพราะโศภิตาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ถ้าชีวิตของโศภิตาไม่เจอกับอุปสรรคแบบนี้ บางทีเธออาจจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเธอ เพราะทุกคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง

แต่ตอนนี้ที่โศภิตามาถึงขั้นนี้ เพราะเธอถูกดิษยาทำร้าย แน่นอนว่าเธอแค่อยากช่วยให้โศภิตาได้ใช้ชีวิตที่ปกติทั่วไป

จากนั้นทั้งสองได้เตรียมการเรื่องกลับบ้าน อารียารู้สึกว่าการออกมาครั้งนี้กินเวลาค่อนข้างนาน ดังนั้นจึงตัดสินใจกลับในวันพรุ่งนี้

วันรุ่งขึ้น โศภิตามาถึงประตูของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล รพีพงษ์ให้คนรีบเธอเข้ามา จากนั้นก็ให้ผู้จัดการช่วย

ผูจัดการไม่กล้าขัดคำสั่ง และคนนี้เป็นคนที่รพีพงษ์แนะนำมา เขาก็ไม่กล้าจัดตำแหน่งต่ำไป ถึงขั้นให้โศภิตาเป็นรองผู้จัดการ

ตอนที่โศภิตาได้ยินผู้จัดการจัดตำแหน่งให้เธอ ก็ตะลึง ปฏิเสธไปทันที เธอรู้ดีถึงความสามารถของตัวเอง รองผู้จัดการตำแหน่งนี้สำหรับเธอแล้วมันสูงไป

เห็นโศภิตาปฏิเสธ ผู้จัดการก็ทำได้เพียงเปลี่ยน จัดให้เธอรับตำแหน่งที่สูงแต่งานไม่หนัก รอให้มีโอกาสค่อยขึ้นตำแหน่งให้เธอ

หลังจากเสร็จเรื่องของโศภิตาแล้ว รพีพงษ์และอารียาก็เก็บข้าวของของตัวเอง เตรียมจะไปสนามบิน

โศภิตาไปเป็นเพื่อน ระหว่างทางไปได้พูดความในใจมากมาย สุดท้ายก็ได้ร้องออกมา

อารียารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่เธอเก็บมันเอาไว้แล้วพรั่งพรูออกมาจนเป็นแบบนี้ ก็ปลอบประโลมเธอ

สุดท้าย ครอบครัวสามคนได้ขึ้นเครื่องบินในขณะที่สายตาของโศภิตากำลังซาบซึ้งอยู่ ไปจากเมืองเมฆา

หลังจากที่มาถึงเกียวโตแล้ว ตนได้ไปหาอาจารย์

เขาบอกเรื่องนี้ให้อารียาฟัง อารียาไม่คัดค้าน เพียงแค่ให้รพีพงษ์อยู่เป็นเพื่อนสองแม่ลูกให้มากๆหน่อย

รพีพงษ์ปฏิเสธข้อเรียกร้องนี้ของเธอไม่ได้แน่นอน หลังจากที่ถึงเกียวโตแล้วได้อยู่บ้านเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์

ในหนึ่งสัปดาห์นี้ เขาไม่ทำอะไรเลย เป็นเพื่อนอารียาและหนูลินทั้งสองอย่างเดียว

คืนก่อนหน้าที่จะจากไป รพีพงษ์และอารียาได้ดูไททานิคด้วยกัน

หลังจากที่ดูจบ อารียาก็จริงจังขึ้นมา จ้องไปที่รพีพงษ์ถาม “มนุษย์ไม่มีทางรู้ว่าพรุ่งนี้หรือภัยพิบัติอันไหนจะมาก่อนกันแน่ รพีพงษ์ คุณว่าจะมีสักวันมั้ย ที่คุณออกไปแล้ว คุณจะไม่กลับมาอีก?”

รพีพงษ์เห็นอารียาเกิดหมดอาลัยตายอยากขึ้นมา ก็ลูบหน้าผากของเธอ แล้วกล่าว “ภัยพิบัติเปอร์เซ็นต์น้อย คำจำนวนมากบนโลกก็ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขของพวกเขาจบถึงวาระสุดท้าย สบายใจได้ ผมไม่มีทางเป็นอะไรแน่”

“แล้วถ้าหลังจากที่คุณกลับมาแล้วไม่เห็นฉันอีกต่อไปล่ะ?” อารียาถามอีก

“ถ้าเป็นแบบนี้ คุณไปไหน ผมก็จะไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือนรก” รพีพงษ์กล่าวอย่างจริงจัง

อารียาทุบไปที่อกของรพีพงษ์ กล่าว “ฉันไม่อนุญาต ถ้าวันหนึ่งฉันไม่อยู่แล้ว คุณก็ห้ามไปตามฉัน คุณต้องดูแลหนูลิน”

รพีพงษ์สูดหายใจลึกๆ แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “วางใจได้ ผมไม่มีทางให้คุณเป็นอะไรแน่”

หลังจากที่จัดการเรื่องของตระกูลลัดดาวัลย์เสร็จแล้ว รพีพงษ์ก็ไปหาอาจารย์ ก่อนจะเดินทางเขาได้ถามประวัตรและปวิช ว่าจะไปกับเขาด้วยกันมั้ย พี่น้องทั้งสองบอกว่าภารกิจของพวกเขาคือปกป้องอารียาหนูลินสองแม่ลูก และอาจารย์ได้สอนสิ่งที่ควรจะสอนทั้งหมดแล้ว ดังนั้นไปหรือไม่ไปหาก็ค่าเท่ากัน

รพีพงษ์ไม่บังคับ ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ไปคนเดียว

ภัยพิบัตที่อาจารย์พูดทั้งหมดนั้น จนกระทั่งวันนี้รพีพงษ์ก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร ดังนั้นเขาก็ยังไม่รู้ว่าการไปครั้งนี้จะดีหรือร้าย

“แต่หวังว่า ทุกอย่างจะปลอดภัย” รพีพงษ์พูดกับตัวเอง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท