พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1050 บาวัน

บทที่1050 บาวัน

บทที่1050 บาวัน

นิศมาได้ยินคำพูดของสาวคนนั้น ก็มองบน กล่าว “บาวัน แกพูดอะไรใช้สมองหน่อยนะ อะไรคือฉันพาชายนิรนามไปอาบน้ำด้วยกัน”

รพีพงษ์ที่อยู่ข้างๆก็อึ้ง คิดในใจคนบนเกาะนี้แปลกดี เพิ่งจะถูกเข้าใจผิดว่าแอบดูคนอาบน้ำ ตอนนี้กลายเป็นชายป่าเถื่อนไปแล้ว

หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าบาวันกล่าวอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน เขาไม่ใช่ชายป่าเถื่อนหรอ? แล้วพี่ยังเดินออกมาจากที่อาบน้ำทุกวันของเราอีก ถ้าพวกคุณไม่ได้ไปอาบน้ำด้วยกัน แล้วไปทำอะไร?”

เธอเพิ่งพูดจบ ในสมองคิดความเป็นไปได้ออกอย่างหนึ่ง ก็หน้าแดงขึ้นมา จ้องไปที่นิศมากล่าว “พระเจ้า ศิษย์พี่ ไม่แปลกที่ศิษย์พี่หลายคนจีบพี่ แล้วพี่ไม่สนพวกเขา ที่แท้พี่ก็แอบชายป่าเถื่อนไว้นี่เอง!”

นิศมาเห็นบาวันยิ่งพูดยิ่งเลอะเทอะ ก็เริ่มหน้าแดง จากนั้นก็กล่าวอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ถ้าแกยังพูดมั่วอีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ”

“ไอ้หยา ศิษย์พี่ พี่ก็แค่ถูกฉันล้วงความลับเอง รู้สึกผิดแล้วหรอ?” บาวันยิ้มอย่างมีเลศนัย

บาวันเป็นหนึ่งในศิษย์ของวฤนท์ธม อายุน้อยที่สุด บวกกับเธอเป็นผู้หญิง นิสัยแปลกประหลาด เป็นที่รักของทุกคน ดังนั้นทุกคนบนเกาะจึงตามใจเธอมาก

นี่ทำให้บาวันพูดจาไม่คิด คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น เพราะยังไงทุกคนก็ไม่โกรธเธอ

นิศมาได้ยินคำพูดนี้ของเธอ ก็เข้าไป ด้วยความเร็ว ทำให้รพีพงษ์ตกใจ

ฝีมือของนิศมา เป็นแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุด!

ไม่แปลกที่เป็นศิษย์ที่อาจารย์ฝึกฝนมา ฝีมือแข็งแกร่งขนาดนี้

ถ้าอยู่โลกภายนอก นิศมาจะต้องได้รับการดูแลอย่างดีแน่นอน

บาวันเห็นนิศมาพุ่งเข้ามา ก็รีบหันหลังวิ่งความเร็วไม่ช้าไปกว่านิศมาเลย รพีพงษ์รับรู้ได้ถึงพลังของเธอ พบว่าเธอเป็นแดนปรมาจารย์ขั้นกลาง

สิ่งสำคัญที่สุดคือ บาวันเพิ่งจะสิบแปดสิบเก้าปี ตอนนั้นที่ตัวเองอายุขนาดนั้น ก็แค่เรียนกังฟูเล็กๆน้อยๆกับอาจารย์เท่านั้น

นิศมาบอกว่าบนเกาะนี้มีลูกศิษย์ของอาจารย์ทั้งหมดสามสิบคน หลังจากที่เห็นฝีมือของนิศมาและบาวัน รพีพงษ์เริ่มสงสัยฝีมือของลูกศิษย์อีกสามสิบคน น่าจะมากกว่าแดนปรมาจารย์แล้ว

แล้วนิศมาและบาวันอยู่ที่นี่เป็นแค่ศิษย์น้อง นึกถึงศิษย์พี่เหล่านั้น น่าจะเป็นแดนดั่งเทพไปแล้ว

จากที่เข้าใจอาจารย์มากขึ้น รพีพงษ์รู้สึกว่าอาจารย์คนนี้ของเขาน่ากลัว ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ อยู่โลกภายนอกถือเป็นผู้มีอำนาจแล้ว แล้วศิษย์ของอาจารย์ เป็นเพียงขั้นพื้นฐานเท่านั้น

ตอนนั้นที่อาจารย์บอกรพีพงษ์ว่าได้เป็นแดนดั่งเทพนั้น รพีพงษ์รู้สึกว่าฝีมือของอาจารย์น่าจะเป็นแดนเทพไปแล้ว

แต่ตอนนี้ความคิดของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ลูกศิษย์ที่อาจารย์ฝึกฝนมา ถ้าล้วนเป็นแดนดั่งเทพทั้งหมดแล้ว ฝีมือของเขาเอง ก็น่าจะเป็นแดนเทพ?

ไม่นาน นิศมาไล่ตามบาวันทัน แล้วยัง“สั่งสอน”เธออย่างหนัก บาวันรีบร้องขอ แล้วสัญญาว่าจะไม่พูดมั่วอีก นิศมาจึงได้ปล่อยเธอไป

รพีพงษ์ดูทั้งสองทะเลาะกัน ก็รู้สึกว่าชีวิตบนเกาะนี้ทำให้คนอิจฉาได้จริงๆ แม้ที่นี่จะไม่สะดวกเหมือนในเมือง แต่ความเงียบและความสงบในเมืองเทียบไม่ได้เลย

หลังจากที่หยุดทะเลาะกันแล้ว บาวันมองไปหารพีพงษ์ ถาม “ศิษย์พี่ ถ้าชายคนนี้ไม่ใช่ชายป่าเถื่อนล่ะก็ แล้วเขาเป็นใคร?”

“เขาคือรพีพงษ์ที่อาจารย์ชอบกล่าวถึงบ่อยๆ เขาขึ้นเกาะวันนี้เป็นวันแรก ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับบนเกาะ จึงได้เดินมั่วๆไปที่ลำธาร” นิศมาอธิบาย

บาวันมองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยความแปลกใจ

“คุณคือรพีพงษ์คนนั้นหรอ? ให้ฉันดูหน่อย อาจารย์มักจะชื่นชมคุณ วันนี้ได้เห็นตัวเป็นๆสักที ให้ฉันดูหน่อยว่าคุณแตกต่างกับศิษย์พี่คนอื่นยังไง”

บาวันรีบวิ่งไปหารพีพงษ์ แล้วมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าทางแบบนั้น แทบจะถอดชุดของรพีพงษ์ออกมาให้ได้ แล้วสังเกตอย่างถี่ถ้วน

รพีพงษ์ถูกบาวันจ้องขนาดนี้ ก็เริ่มไม่สบายใจ แล้วกล่าว “ความจริงผมก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนอื่นหรอกนะ ไม่มีอะไรให้ดู”

“เชอะ ขี้งก ก็แค่ดูป้ะ” บาวันกล่าวอย่างไม่พอใจ

ทั้งสามเดินไปข้างหน้า ไม่นาน รพีพงษ์ก็เห็นข้างหน้าเต็มไปด้วยบ้านเรือนไม้ บ้านเหล่านี้อยู่ไม่ติดกันมาก ลักษณะไม่เหมือนกัน ดูๆแล้วมีรสชาติชีวิตที่แตกต่าง

“ข้างหน้าเป็นที่ๆเราใช้ชีวิตกัน ตอนนี้อาจารย์น่าจะออกไปหายา ตั้งรอกลางคืนจึงจะกลับมา” นิศมาพูดกับรพีพงษ์

รพีพงษ์พยักหน้า รอให้ไปถึงใกล้ๆก่อน แล้วค่อยใช้พลังจิต ห้อมล้อมบ้านเรือนไม้เหล่านั้นไว้

แว็บเดียว รพีพงษ์ก็รู้ถึงรายละเอียดต่างๆในบ้านเหล่านี้ เขาพบว่าในบ้านนี้มีทั้งหมดยี่สิบกว่าคน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย ผู้หญิงมีเพียงสองคน

ฝีมือของคนพวกนี้ล้วนมากกว่าแดนปรมาจารย์ขั้นกลางทั้งนั้น และเป็นแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุดมาก ในบรรดาผู้คนเหล่านี้ รพีพงษ์พบว่ามีสามคนที่เป็นแดนดั่งเทพ และหนึ่งในนั้นเป็นแดนดั่งเทพขั้นกลางแล้ว

แสดงว่าตนเองเดาไว้ไม่มีผิด ศิษย์เหล่านี้ของอาจารย์ ไม่ธรรมดาจริงๆ แดนปรมาจารย์มากขนาดนี้ ถ้าไปในประเทศ จะต้องล้างบางวงการบู๊หัวเซี่ยทั้งหมดแน่นอน

ไม่แปลกที่ตอนนั้นอาจารย์ไม่สนใจห้าตระกูลใหญ่ของวงการบู๊ ทั้งสองไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันเลยแม้แต่น้อย

ตอนที่กำลังเดินอยู่นั้น บาวันจ้องไปที่กระเป๋าที่รพีพงษ์สะพาย ยื่นมือไปเปิดซิบออก มองเข้าไปว่าในกระเป๋ามีอะไร

รพีพงษ์เห็นดังนี้ ก็รีบหลับ จ้องไปที่บาวันแล้วถาม “คุณจะทำอะไร?”

บาวันกล่าว “ฉันก็แค่ดูว่าคุณพกอะไรมาในกระเป๋าบ้าง คุณมาที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่น่าจะเอาของขวัญอะไรมาให้พวกเรา ทำไมคุณขี้งกจัง?”

“ขอโทษครับ ผมไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่ ดังนั้นจึงไม่ได้เตรียมของขวัญมา” รพีพงษ์กล่าว

“งั้นคุณก็ให้ฉันดูสิว่าในกระเป๋ามีอะไร?” บาวันกล่าวอย่างโมโห

บนเกาะ ไม่ว่าเธอจะดูของของใคร ก็ไม่เคยถูกปฏิเสธ ดังนั้นตอนนี้รพีพงษ์ไม่ให้เธอดู เธอยิ่งโมโห

รพีพงษ์มองบาวัน กล่าว “ในกระเป๋าเป็นข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของผมทั้งนั้น ไม่มีอะไรน่าดู”

เห็นรพีพงษ์ยังไม่ให้เธอดู บาวันก็โมโห จากนั้นก็พึมพำว่า “เชอะ จะบอกให้นะ ตอนนี้ฉันโมดหมาก ถ้าคุณไม่ให้ฉันดู งั้นฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”

รพีพงษ์ส่ายหัว ไม่พูดอะไร

บาวันมองปฏิกิริยาของรพีพงษ์ แล้วส่งเสียงเหอะออกมา จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน แล้วตะโกนดังๆว่า “พวกคุณรีบออกมาดูเร็วๆ ศิษย์พี่นิศมาพาแฟนมา! ต่อไปพวกคุณไม่มีโอกาสจีบศิษย์พี่นิศมาแล้วนะ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท