พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1054 ความน่ากลัวของอาจารย์

บทที่1054 ความน่ากลัวของอาจารย์

บทที่1054 ความน่ากลัวของอาจารย์

หลังจากการทดสอบ ทุกคนก็พอมีความประทับใจประมาณหนึ่งต่อรพีพงษ์

เพราะท่าทีของนิศมาและบาวันหญิงสาวทั้งสองที่มีต่อรพีพงษ์ ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกคนที่รพีพงษ์ไม่เคยพบเจอก็มีความเป็นปรปักษ์ต่อเขา

รวมทั้งนิศมาที่แสดงท่าทีที่ตัวเองมีต่อรพีพงษ์ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ปกติคนที่ยินดีทำตามคำสั่งของนฤชัยก็มีความประทับใจที่ไม่ดีต่อรพีพงษ์เป็นอย่างมาก

แน่นอนว่า อย่างมากพวกเขาก็แค่อิจฉาท่าทีที่นิศมาและบาวันทั้งสองคนมีต่อเขา ก็มีเพียงนฤชัยคนเดียวที่เกิดความปรปักษ์ต่อรพีพงษ์ในปีนั้นจริงๆ

ทุกคนต่างมีเรื่องที่ต้องทำ การมาถึงของรพีพงษ์เปลี่ยนแปลงความเคยชินของพวกเขาไม่ได้เป็นธรรมดา ดังนั้นไม่นาน ทุกคนก็ไปจัดการธุระของตัวเอง

บาวันเดินไปตรงหน้ารพีพงษ์ ยิ้มแล้วพูดว่า: “ฉันให้นายเป็นแฟนของฉัน นายน่าจะไม่มีปัญหาใช่มั้ย? ปกติแล้วพวกเขาจะแย่งกันขอเป็นแฟนของฉัน”

รพีพงษ์กลอกตาขาวใส่เธอ แล้วพูดว่า: “ขอโทษด้วย ฉันไม่มีวาสนาได้มีความสุข เธอไปหาคนอื่นเถอะ”

นิศมาก็มองไปที่ศิษย์น้องของตัวเองอย่างหมดคำพูด เอ่ยปากพูดว่า: “เธอมีความจริงจังบ้างได้มั้ย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป รพีพงษ์คงจะถูกเธอทำให้กลัวจนหนีไปแล้ว”

ใบหน้าของบาวันไม่พอใจ แล้วพูดว่า: “ศิษย์พี่ ทำไมฉันให้เขาเป็นแฟนของฉันก็ไม่มีความจริงจัง พี่ให้เขาดูพี่อาบน้ำ ก็มีความจริงจังเหรอ?”

ใบหน้าของนิศมาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง แอบเหลือบมองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง พูดกับบาวันว่า: “ไม่เข้าใจเหตุผลจริงๆ ไม่สนใจเธอแล้ว”

หลังจากพูดจบ เธอวิ่งหนีอย่างทุลักทุเล

“เหอะ คงจะถูกฉันพูดแทงใจดำ ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมจะต้องร้อนตัวขนาดนี้ด้วย” บาวันพึมพำ

จากนั้นเธอมองไปทางรพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “บ้านที่นี่ของพวกเราสร้างขึ้นมาเองทั้งหมด นายเพิ่งมา ดังนั้นไม่มีที่นอน ถ้าอย่างนั้นนายไปนอนที่บ้านของฉันก่อนเถอะ เตียงในห้องนอนของฉันใหญ่ มากเพียงพอที่พวกเราสองคนจะนอนได้”

รพีพงษ์กระแอมเบาๆ รีบพูดอย่างรวดเร็วว่า: “ไม่จำเป็น ความมีน้ำใจของเธอฉันขอรับไว้ เรื่องนอน รอถึงตอนกลางคืนค่อยว่ากันเถอะ”

หลังจากพูดจบ รพีพงษ์ก็หันกลับไปแล้วเดินไปที่ป่าไม่ไกล กระโดดปีขึ้นไป บนต้นไม้ใหญ่ และเริ่มหลับตาพักผ่อน

เมื่อบาวันเห็นเช่นนี้ บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ แล้วพูดว่า: “ไม่มาก็ช่างเถอะ เหอะ”

ในเวลาใกล้ตอนเย็น รพีพงษ์ลืมตาขึ้นอยู่บนต้นไม้ใหญ่ และมองไปที่บ้านที่กระจัดกระจายอยู่ไม่ไกล

รูปแบบของบ้านแต่ละหลังแตกต่างกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นไปตามที่บาวันบอก คือตัวของพวกเขาสร้างขึ้นตามความชอบของตัวเอง

อย่างไรก็ตามรพีพงษ์ไม่ได้มาปักหลักอยู่บนเกาะเป็นเวลานาน เขามาส่งมอบหยกโยงจิตให้อาจารย์ ถ้าหากเป็นไปได้ เขาก็จะช่วยอาจารย์เป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่นั่นก็น่าจะใช้เวลาไม่นาน ดังนั้นเขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องสร้างบ้านออกมาที่นี่หนึ่งหลัง

ในขณะที่รพีพงษ์กำลังจ้องมองไปที่บ้านเหล่านั้น จู่ๆก็มีเสียงชราดังมาจากด้านข้าง: “พวกเขาเป็นคนที่ฉันเดินทางไปทั่วโลก ใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิต รับกลับมาเป็นลูกศิษย์ พวกเขาแต่ละคน มีคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดามาก เอาออกมาคนหนึ่งได้ตามสบาย ก็เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีความสามารถเป็นพิเศษอยู่ แต่ในบรรดาลูกศิษย์เหล่านี้ คนที่ทำให้ฉันพึงพอใจมากที่สุด ยังเป็นนาย”

รพีพงษ์ถึงกับตกใจ จากนั้นหันมองไปที่ด้านข้างของตัวเอง พบว่าอาจารย์ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็นั่งอยู่ด้านข้างของเขาแล้ว

ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสยดสยอง ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวใดๆที่ด้านข้างของตัวเอง ต้องรู้ว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาบรรลุถึงแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว ต่อให้ไม่ได้เริ่มใช้งานพลังจิต ใครก็ตามที่เข้าใกล้ทั้งร่างกายของเขาภายในห้าเมตร เขาจะสามารถค้นพบได้เป็นอันดับแรก

แต่ตอนนี้อาจารย์นั่งอยู่ด้านข้างของตัวเอง เขาไม่รู้สึกถึงมันเลยแม้แต่น้อย เขาไม่รู้ว่าด้านข้างของตัวเองยังมีคนอยู่

สิ่งนี้ทำให้รพีพงษ์ยิ่งเชื่อมั่นว่า ความแข็งแกร่งของอาจารย์ คงจะต้องบรรลุถึงแดนเทพอย่างแน่นอน

ที่สำคัญอาจารย์ก็ฝึกฝนกังฟูเสนด้วย ดังนั้นความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขาน่ากลัวเพียงใด ก็คงจะมีเพียงตัวของเขาเองที่รู้ดี

“อาจารย์ ครั้งหน้าท่านช่วยบอกผมก่อนล่วงหน้าได้มั้ย เมื่อกี้นี้ผมตกใจจนเกือบจะเป็นโรคหัวใจแล้ว”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

บนใบหน้าของวฤนท์ธมปรากฏรอยยิ้มออกมา เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันเห็นว่านายกำลังหลับตาพักผ่อน จึงไม่ได้รบกวน”

รพีพงษ์สังเกตอาจารย์อย่างระมัดระวัง พบว่าเมื่อเทียบกับครั้งที่แล้ว อาจารย์ดูเหมือนจะมีอายุมากขึ้นอีกยี่สิบอย่างกะทันหัน คนทั้งคนกลายเป็นเปลี่ยนแปลงไปมาก ดวงตายิ่งล้ำลึกกว่าเก่า ยังมีอารมณ์ที่รพีพงษ์ไม่สามารถเข้าใจได้เพิ่มขึ้นมามากมาย

ก็ไม่รู้ว่าท่านอาจารย์ประสบกับเรื่องราวอะไร หรือเป็นเพราะหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นทำให้เขากลายเป็นผอมแห้งมากขนาดนี้

“อาจารย์ รูปลักษณ์ของท่าน….”

วฤนท์ธมยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ช่วงนี้เรื่องไม่สบายใจมีมาก ดังนั้นแก่ไปหลายปี ไม่ได้เป็นอะไรมาก”

เมื่อเห็นอาจารย์พูดแบบนี้ รพีพงษ์ก็ไม่ได้ไล่ถามต่อไป

“อาจารย์ ผมหาหยกโยงจิตทั้งสามชิ้นได้ครบแล้ว”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

“ฉันเดาได้แล้ว ไม่อย่างนั้น ด้วยอุปนิสัยของนายแล้ว ไม่มีทางมาหาฉันได้”อาจารย์เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงสงบ

“ถ้าอย่างนั้นความหายนะของอาจารย์จะมาเมื่อไหร่เหรอ? ถ้าหากสามารถช่วยเหลือได้ ลูกศิษย์ไม่มีทางหลบหลีกอย่างแน่นอน”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

วฤนท์ธมเอ่ยปากพูดว่า: “เรื่องนี้ไม่รีบร้อน หายนะนี้ฉันเป็นคนไปหาด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่ามันจะมาหาฉัน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ฉันจะบอกนายเอง”

แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าอาจารย์หมายถึงอะไร แต่รพีพงษ์ก็ยังพยักหน้า

วฤนท์ธมไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อ แต่เปลี่ยนเรื่องพูดว่า: “ศิษย์พี่ชายศิษย์พี่สาวเหล่านั้นของนาย นายน่าจะได้เจอแล้วใช่มั้ย เป็นอย่างไรบ้าง คิดอย่างไรกับพวกเขา?”

รพีพงษ์ยิ้มขึ้นมา เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากที่ตัวเองมาถึงบนเกาะให้วฤนท์ธมฟังหนึ่งรอบ

หลังจากที่วฤนท์ธมฟังจบ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา คาดไม่ถึงการมาของรพีพงษ์ จะทำให้เกิดสิ่งต่างๆมากมายเช่นนี้

“ยัยเด็กบาวัน ทำอะไรไม่เข้าท่าจริงๆ แต่เธอยังเด็ก รออายุมากขึ้น น่าจะไม่เป็นแบบนี้แล้ว”

“นิศมาเป็นเด็กผู้หญิงที่ฉลาดหลักแหลมคนหนึ่ง ที่สำคัญจิตใจของหล่อนละเอียดอ่อน ในขณะเดียวกันก็อ่อนนอกแข็งใจ ที่ผ่านมามีศิษย์พี่ศิษย์น้องแอบดูเธออาบน้ำ เธอเอามีดไล่คนอื่นสามวันสามคืนไม่ปล่อย เธอเกรงใจนายขนาดนี้ แต่กลับเหนือความคาดหมายของฉัน”

ได้ยินวฤนท์ธมพูดแบบนี้ รพีพงษ์ก็ทำอะไรไม่ถูก คงจะไม่ใช่ว่าแม้แต่วฤนท์ธมก็รู้สึกว่านิศมาสนใจตัวเองนะ?

“สำหรับนฤชัย เขาเป็นหนึ่งในบรรดาลูกศิษย์ของฉัน ที่มีคุณสมบัติและความสามารถที่ดีที่สุด ในเวลาเดียวพลังก็แข็งแกร่งที่สุด แต่อายุสามสิบปี บรรลุถึงแดนดั่งเทพขั้นกลาง สิ่งนี้ก็นำมาซึ่งความจองหองหลงตัวเองในใจของเขา”

“คุณสมบัติของนายดีกว่าเขา แต่ว่านายอายุยังน้อยกว่า ความแข็งแกร่งยังหยุดอยู่ที่แดนครึ่งดั่งเทพ ไม่อย่างนั้น ฉันกลับสามารถอาศัยนายฆ่าความฮึกเหิมของเขาได้”

ได้ยินวฤนท์ธมพูดแบบนี้ รพีพงษ์ก็ยิ้มแฮะๆ แล้วพูดว่า: “อาจารย์ ความจริงแล้ว……ผมอยู่ที่แดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท