พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1058 สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไร

บทที่1058 สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไร

บทที่1058 สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไร

เมื่อนฤชัยเห็นรพีพงษ์ตอบตกลง บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเยาะ คิดในใจตัวเองว่ามีโอกาสได้สั่งสอนรพีพงษ์สักที ประลองกับรพีพงษ์ในครั้งนี้ ตัวเองจะทำให้ทุกคนรู้ว่า ลูกศิษย์คนนี้ที่อาจารย์ชื่นชม อยู่ต่อหน้าตัวเองยังคงไม่มีค่าอะไร!

เมื่อบาวันเห็นรพีพงษ์ตอบตกลง ก็พึมพำว่า: “นายโง่ไปแล้วใช่มั้ย ตราบใดที่นายไม่ตอบตกลง นายก็สามารถเป็นศิษย์พี่ใหญ่ไปตลอด ตอนนี้ตอบตกลงแล้ว เดี๋ยวศิษย์พี่นฤชัยลงมือ ตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ของนายยังเป็นได้ไม่นาน ก็ถูกแย่งไปแล้ว”

นิศมาก็มองไปที่รพีพงษ์อย่างเป็นห่วง บรรยากาศตึงเครียดของทั้งสองคนเมื่อกี้นี้ ตอนนี้รพีพงษ์ยอมรับคำท้าทาย นฤชัยคงจะไม่มีทางออมมืออย่างแน่นอน

“แม้ว่าจะพูดแบบนี้ แต่ว่าตำแหน่งศิษย์พี่นี้ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็อาศัยเป็นด้วยความแข็งแกร่ง ก็ไม่รู้ว่าอาจารย์กำลังคิดอะไรอยู่ จงใจให้รพีพงษ์เป็นศิษย์พี่ใหญ่ เห็นได้ชัดว่าทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายของทุกคนเหรอ?”นิศมาพูดเบาๆ

บาวันหันหน้ามองไปที่เธอแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า: “ศิษย์พี่ พี่กำลังเป็นห่วงเขาเหรอ?”

นิศมาเขม็งตาใส่เธอ แล้วพูดว่า: “ถ้าเธอยังพูดจาเหลวไหลอีก ก็เอาหนังสือการ์ตูนหลายเล่มที่เอาไปจากฉันก่อนหน้านี้คืนให้ฉัน”

บาวันยิ้มแฮะๆ แล้วพูดว่า: “ไม่พูดแล้วไม่พูดแล้ว พวกเรารู้อยู่แก่ใจก็พอแล้ว”

คำพูดของเธอยิ่งทำให้นิศมาโกรธมากขึ้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงหันหน้ากลับไป และไม่สนใจเธอ

ศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นก็คาดไม่ถึงว่างรพีพงษ์จะยอมรับคำท้าทายนี้ แต่ที่ต่างจากนิศมาและบาวันทั้งสองคนก็คือ พวกเขายินดีที่จะดูนฤชัยต่อสู้กับรพีพงษ์สักตั้ง

“ความกล้าหาญของรพีพงษ์ก็มากจริงๆ กล้ารับคำท้าทายของศิษย์พี่นฤชัย ศิษย์พี่นฤชัยเป็นยอดฝีมือแดงดั่งเทพขั้นกลาง ความแข็งแกร่งแบบนี้ มีไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะได้”

“ความไม่พอใจที่ศิษย์พี่นฤชัยมีต่อรพีพงษ์ไม่ได้ใหญ่เหมือนทั่วไป ต่อให้ในระหว่างที่ปะทะฝีมือกันศิษย์พี่นฤชัยไม่ลงมือถึงตาย คงจะสั่งสอนไปอย่างหนักทีหนึ่งอย่างแน่นอน”

“ไม่แน่รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าตัวเองทำเกินไป เขากลัวว่าจากนี้ไปศิษย์นฤชัยจะเพ่งเล็งเขา ดังนั้นจึงตกลงที่จะรับความท้าทายนี้ โดนตีตอนนี้ดีกว่าถูกเพ่งเล็งในอนาคต”

ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย จากนั้นก็รีบหลีกพื้นที่ว่างให้กับรพีพงษ์และนฤชัย เพื่อให้ทั้งสองคนสะดวกในการต่อสู้

เพราะทุกคนรู้ถึงความแข็งแกร่งของนฤชัย ดังนั้นทั้งหมดจึงยืนห่างออกไป เพื่อไม่ให้เดี๋ยวได้รับผลกระทบ

นิศมาเดินมาที่ด้านข้างของวฤนท์ธม เอ่ยปากถามว่า: “อาจารย์ ท่านทำแบบนี้ ไม่ใช่ว่าผลักรพีพงษ์ลงหลุมไฟเหรอ? หรือว่าท่านทำแบบนี้ก็เพื่อฝึกฝนเขาเหรอ?”

วฤนท์ธมยิ้มขึ้นมา เอ่ยปากพูดว่า: “เธอพูดกลับกันแล้ว ความจริงคือฉันเพื่อที่จะฝึกฝนนฤชัยต่างหาก”

นิศมานิ่งอึ้ง ไม่เข้าใจว่าวฤนท์ธมกำลังหมายความว่าอะไร ทั้งๆที่ความแข็งแกร่งของนฤชัยอยู่ในแดนดั่งเทพขั้นกลางแล้ว ให้รพีพงษ์มาฝึกฝน ไม่ค่อยจะเหมาะสมหรือเปล่า?

วฤนท์ธมรู้ถึงความสงสัยในใจของเธอ ยิ้มแล้วพูดว่า: “ดูก่อนเถอะ เดี๋ยวเธอก็จะเข้าใจว่าทำไมฉันถึงทำแบบนี้”

นิศมาพยักหน้า โดยที่สายตาจับจ้องไปที่บนตัวรพีพงษ์และนฤชัยที่อยู่ตรงกลางสนาม

นฤชัยยืนอยู่ตรงข้ามของรพีพงษ์ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ เอ่ยปากพูดว่า: “ศิษย์น้องรพีพงษ์ เดี๋ยวถ้าหากว่านายสู้ไม่ไหว ก็รีบยอมแพ้ สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ขอบคุณความห่วงใยของศิษย์พี่นฤชัย แต่ว่าคำพูดนี้ฉันต้องส่งมอบให้พี่มากกว่า ถ้าหากเดี๋ยวพี่สู้ไม่ไหว ก็สามารถยอมแพ้ได้ตรงๆ สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไร”

คำพูดนี้ของรพีพงษ์คือพูดอย่างจริงจัง เพราะความแข็งแกร่งของแดนดั่งเทพขั้นกลาง ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถเอาชนะแดนดั่งเทพชั้นยอดได้ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่รพีพงษ์ฝึกฝนก็ยังเป็นพลังวิเศษเสน

แต่ว่านฤชัยไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ ดังนั้นได้ยินคำพูดของเขา ยังคิดว่ารพีพงษ์กำลังท้าทายเขา

เขาส่งเสียงเย็นชา พลังอานุภาพบนร่างกายก็ระเบิดขึ้น เอ่ยปากพูดว่า: “หวังว่าเดี๋ยวนายจะยังสามารถพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้อีก!”

ต่อจากนั้นร่างของเขาก็พุ่งออกไปทางรพีพงษ์ ความเร็วนั้นรวดเร็ว มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

ทุกคนเห็นเพียงเงาที่กะพริบ ต่อจากนั้นร่างของนฤชัยก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์

“หมัดเท้าไร้ตา ศิษย์น้อง ไม่ล่วงเกินแล้ว!”

นฤชัยพกพาหมัดที่ทำลายล้างโลกกระแทกไปที่บนร่างกายของรพีพงษ์ เขาต้องการแสดงพลังให้รพีพงษ์ทันที ทำให้รพีพงษ์รู้ถึงความน่ากลัวของแดนดั่งเทพขั้นกลาง

ทุกคนเห็นนฤชัยเริ่มลงมือก็แสดงพลังอานุภาพแบบนี้ออกมา ก็ตกตะลึงทันที ในใจอดไม่ได้ที่จะยืนสงบไว้อาลัยแทนรพีพงษ์

รพีพงษ์หรี่ตามองไปที่หมัดของนฤชัย จากนั้นยกมือขึ้น สะบัดเบาๆ คลื่นแสงพลังอันแข็งแกร่งก็ปรากฏขึ้น ต้านทานหมัดของนฤชัยไว้ได้ทันที

สีหน้าของนฤชัยถอดสี คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์แค่สะบัดเบาๆก็มีพลังอันแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ในดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ

เขารีบถอยหลังไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว จากนั้นหมุนเวียนพลังในร่างกาย หลังจากตะโกนดัง ก็ฟาดฝ่ามือไปที่บนร่างกายของรพีพงษ์หนึ่งครั้ง

ฝ่ามือกลลวงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ปกคลุมไปที่รพีพงษ์ทั้งคน ทำให้เขาไม่มีที่ซ่อน

รพีพงษ์ยื่นมือชี้ไป รังสีแสงปรากฏขึ้น ต่อจากนั้นพลังอานุภาพของดาบก็แทงทะลุฝ่ามือทันที

“ศิษย์พี่ ฉันยังคงชอบการต่อสู้แบบประชิดตัว ล่วงเกินแล้ว!”

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดกับนฤชัย จากนั้นก็รีบพุ่งตรงไปที่นฤชัย

ทุกคนที่เห็นเพียงว่าวินาทีก่อนรพีพงษ์ยังอยู่ในที่ไกลๆ ปรากฏว่าวินาทีต่อมาก็มาถึงตรงหน้านฤชัย

ดวงตาของนฤชัยหรี่ลง รู้สึกเหมือนว่ารพีพงษ์แวบเดียวก็ถึงตรงหน้าตัวเอง ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เขารีบต่อต้านการโจมตีของรพีพงษ์ รพีพงษ์ชกไปที่บนร่างกายของเขาหนึ่งหมัด เขาใช้แขนต้านทาน คลื่นพลังอันแข็งแกร่งก็กระจายไปรอบๆ เขาบินตรงออกไปด้านหลัง

รพีพงษ์ไม่ชักช้า ตามขึ้นไปทันที แล้วเตะไปอีกหนึ่งครั้ง นฤชัยหลบหลีกอย่างลุกลี้ลุกลน จากนั้นฟาดฝ่ามือไปที่รพีพงษ์ แต่กลับถูกรพีพงษ์คว้าข้อมือไว้ได้ทันที และโยนไปที่บนพื้นอย่างรุนแรง

ร่างกายของนฤชัยกระแทกลงบนพื้นจนเป็นหลุมทันที และข้อต่อของร่างกายทั้งหมดเหมือนจะหลุดออกจากกัน

ทุกคนก็ส่งเสียงอุทาน โดยที่คาดไม่ถึงว่านฤชัยในแดนดั่งเทพขั้นกลาง กลับถูกรพีพงษ์โยนลงกลายเป็นแบบนี้

บาวันมองไปที่ฉากนี้ด้วยความเหลือเชื่อ รีบหันมองไปทางวฤนท์ธมที่อยู่ด้านข้างตัวเอง เอ่ยปากถามว่า: “อาจารย์ ทำไมรพีพงษ์ถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้ แม้แต่ศิษย์พี่นฤชัยก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ตกลงว่าความแข็งแกร่งของเขาคือระดับไหนกันแน่?”

ทุกคนได้ยินคำพูดของบาวัน ก็หันหน้ามองไปทางวฤนท์ธม ความแข็งแกร่งที่รพีพงษ์แสดงออกมา เหนือความคาดหมายของพวกเขาจริงๆ

บนใบหน้าของวฤนท์ธมมาพร้อมกับรอยยิ้มชื่นใจ เอ่ยปากพูดว่า: “ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ บรรลุถึงแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว เพียงก้าวเดียว น่าจะสามารถบรรลุถึงแดนเทพแล้ว”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ออกมา ทุกคนก็เงียบ

แม้แต่นฤชัยที่ล้มลงบนพื้น ก็นิ่งอึ้งไปทันที

ศิษย์น้องที่ตัวเองไม่ได้ให้ความสำคัญ แข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ?

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท