บทที่1065 ความจริง
หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำพูดของวฤนท์ธม ดวงตาก็เบิกกว้างทันที มองไปที่อาจารย์อย่างเหลือเชื่อ คาดไม่ถึงเขาจะพูดคำพูดที่น่าตกใจเช่นนี้ออกมา
“อาจารย์ ชัชพิสิฐเสียชีวิตไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ศพของเขาก็วางอยู่บนพื้น ท่านก็อย่ามาล้อเล่นกับพวกเราเลย”ในเวลานี้คนคนหนึ่งยิ้มแล้วพูดกับวฤนท์ธม
วฤนท์ธมยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “แกคิดว่าฉันเป็นคนชอบล้อเล่นเหรอ?”
รพีพงษ์ที่นอนอยู่บนเตียงหินตระหนักได้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติในทันที จึงรีบลุกขึ้นจากเตียงหิน และถามสาเหตุกับอาจารย์
แต่ในขณะนี้ เขาพบกับความประหลาดใจ ตัวเองไม่สามารถใช้แรงได้อีกแล้ว
เขาลองหมุนเวียนพลังวิเศษเสน แต่ผลก็คือรู้สึกราวกับว่าติดอยู่ในร่างกายเหมือนมีสิ่งกีดขวางบางอย่างอยู่ และไม่สามารถออกแรงได้เลยแม้แต่น้อย
ไม่เพียงแค่เขา ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างก็สังเกตเห็นว่า พวกเขาไม่สามารถใช้พลังในร่างกายของตัวเองได้อีกต่อไป แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นยืนก็ไม่มี ทำได้เพียงนั่งลงบนพื้นต่อไป
“อาจารย์ ทำไมฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”บาวันจ้องมองวฤนท์ธมแล้วถาม
วฤนท์ธมยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “นี่เป็นผลของยาที่ฉันเอาให้พวกเธอทานเริ่มออกฤทธิ์แล้ว”
“ยาเม็ดนั้นสามารถต้านทานไอพิฆาตได้จริงๆ แต่ในเวลาเดียวกันก็จะทำให้พวกเธอสูญเสียพลังไปชั่วคราว”
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง รู้สึกว่าวฤนท์ธมตอนนี้สำหรับพวกเขาแล้ว คือคนแปลกหน้ามาก
“อาจารย์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”รพีพงษ์จ้องมองวฤนท์ธมแล้วถาม
วฤนท์ธมหันหน้ามองไปที่รพีพงษ์ จากนั้นพูดเน้นย้ำว่า: “เมื่อกี้นี้ฉันก็พูดไปแล้ว ความจริงฉันคือชัชพิสิฐ และที่ฉันพาพวกเธอมา ก็ไม่ได้ต้องการหายาถอนพิษคลี่คลายไอพิฆาตอะไร เป้าหมายที่แท้จริงของฉัน ความจริงคือยึดครองเปลี่ยนร่างกายหนึ่งร่างใหม่”
หลังจากพูดจบ บนใบหน้าของเขาก็เกิดความทอดถอนใจ เหมือนราวกับว่าในที่สุดก็ได้เปิดเผยความลับที่ฝังอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของตัวเองออกมา ดูไปแล้วค่อนข้างผ่อนคลาย
รพีพงษ์ตัดสินจากสีหน้าท่าทางของเขาออกมาได้ว่า เขาไม่ได้พูดโกหก
“ถ้าท่านคือชัชพิสิฐ ถ้าอย่างนั้นศพนั้นคืออะไร?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม
“เรื่องราวก่อนหน้านี้ที่ฉันพูดกับนาย ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่โกหกออกมา มีวฤนท์ธมคนนี้อยู่จริง ที่สำคัญเป็นเจ้าของที่แท้จริงของร่างกายฉัน ปีนั้นฉันเห็นว่าความสามารถของเขาไม่เลว จึงเก็บเขาไว้ข้างกายตัวเอง”
“เวลานั้นฉันเพิ่งหลบหนีออกมาจากช่องทางขนส่ง ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังได้รับความเสียหายอย่างมาก มองดูก็กำลังจะตาย”
“ดังนั้นฉันได้ถือว่าวฤนท์ธมเป็นภาชนะบรรจุของตัวเองมาฝึกฝน ตอนที่ฉันกำลังจะตาย ฉันก็ดำเนินการยึดครองต่อเขา แย่งร่างกายของเขาไป และแทนที่ตัวตนของเขา”
วฤนท์ธมไม่มีความลุกลี้ลุกลนแม้แต่น้อย อธิบายให้รพีพงษ์อย่างค่อนข้างใจเย็น
ในใจรพีพงษ์เกิดความหวาดกลัวอย่างยากที่จะปิดซ่อนได้ ยังไงเขาก็คาดไม่ถึง อาจารย์ของตัวเอง กลับเป็นชัชพิสิฐที่เกิดใหม่จากยึดครอง!
ไม่น่าแปลกใจที่ในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่าน กลุ่มสิงโตหายังไงก็หาเบาะแสของชัชพิสิฐไม่พบ ที่แท้เขาได้กลายเป็นคนอีกคนได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์
เพราะตอนนั้นได้ประสบกับเรื่องของบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์ ดังนั้นยึดครองสำหรับรพีพงษ์ไม่ใช่เรื่องแปลก และยังเกือบจะถูกบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์ยึดครองแล้ว
จนถึงตอนนี้ รพีพงษ์ถึงได้คิดเข้าใจว่า ก่อนหน้านั้นทำไมวฤนท์ธมถึงได้แสดงสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลออกมามากมาย
ไม่น่าแปลกใจตอนที่เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของตัวเองได้บรรลุถึงแดนดั่งเทพชั้นยอด จะแสดงท่าทางลุกลี้ลุกลนออกมา เขาน่าจะรู้นานแล้วว่าตัวเองถือเป็นเป้าหมายของการยึดครองมาฝึกฝน ความแข็งแกร่งของตัวเองยิ่งแข็งแกร่ง ความยากที่เขาจะยึดครองก็ยิ่งมากขึ้น
ก็ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะคุ้นเคยกับสุสานกษัตริย์ฉินนี้มากขนาดนี้ เพราะนี่เป็นสุสานของตัวเขาเอง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาเดินทางไปทั่วโลกโดยตลอด ก็ไม่ใช้เพื่อการสืบทอดอะไร แต่เพื่อมองหาภาชนะบรรจุต่อไปสำหรับยึดครองของตัวเอง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ในใจรพีพงษ์ก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่อาจบรรยายได้ เขาไม่สามารถยอมรับได้ว่าอาจารย์ที่เขายกย่องนับถือมาโดยตลอด จะเป็นคนแบบนี้
ทุกอย่างที่เขามีคือการเสแสร้งทำออกมา สิ่งนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของอาจารย์คนนั้นที่เหมือนราวกับนักบุญในใจของรพีพงษ์ได้พังทลายไปทันที
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์คงจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกับรพีพงษ์ ไม่ว่าเปลี่ยนเป็นใคร คงจะยอมรับความจริงนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน
บนใบหน้าของวฤนท์ธมปรากฏความทอดถอนใจออกมาเล็กน้อย มองไปที่คนที่เหมือนราวกับแวมไพร์ที่ไม่มีชีวิตชีวาใดๆตรงนั้น
“ปีนั้นอยู่ในทวีปโอชวิน มีสำนักใหญ่ต่างๆเพื่อกังฟูเสน ลงมือรุมโจมตีฉันด้วยกัน ฉันเพื่อที่จะสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ พาผู้คุมกันสี่คนบุกรุกช่องทางที่ปิดผนึก สิ่งที่โชคดีคือ พวกเราทั้งห้าคนหนีรอดออกมาจากในช่องทางได้”
“แต่พลังปิดผนึกของช่องทางนี้น่ากลัวมาก แม้ว่าพวกเราจะรอดชีวิตมาได้ ก็ยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังจะตาย”
“ในเวลานั้นบรรดาผู้คุมกันทั้งสี่คน มีสามคนเลือกที่จะจากฉันไป ตั้งใจต่างคนต่างไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของตัวเอง มีเพียงเขาคนเดียวที่จงรักภักดี ติดตามฉันไปตลอดจนตาย”
“ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งร้อยปีกว่า ร่างกายของเขาถูกไอพิฆาตกัดกร่อน แต่กลับยังคงคุ้มครองฉันอยู่ ความภักดีนี้ของเขา ถือได้ว่าเป็นในบรรดาจำนวนลูกน้องมากมายของฉันในปีนั้น ยิ่งใหญ่ที่สุด”
“น่าเสียดายตอนนั้นฉันไม่มีพลังที่มากมาช่วยเขาดำเนินการยึดครองหนึ่งครั้ง ไม่อย่างนั้น มีเขามาเป็นผู้ช่วยคนสนิทของฉัน โลกใบนี้ คงจะเป็นโลกของฉันไปนานแล้ว”
รพีพงษ์ไม่ได้ซาบซึ้งกับลูกน้องคนนี้ของวฤนท์ธม และจากคำพูดของวฤนท์ธม จับใจความข้อมูลสำคัญบางอย่างได้
คนที่หนีมาด้วยกันกับชัชพิสิฐในปีนั้น คาดไม่ถึงมีสี่คน
สรุปจากข้อมูลที่ตัวรพีพงษ์รู้อยู่แล้ว เรื่องราวในหัวสมองของเขาที่คิดไม่ออกอยู่ตลอดเวลา ในเวลานี้ก็มีได้รับคำตอบ
ปีนั้นปู่ของชาลิสาได้ปล้นสุสาน หากังฟูเสนพบ ต่อมาส่งมอบให้รพีพงษ์ รพีพงษ์สงสัยว่าสุสานที่ปู่ของชาลิสาปล้นก่อนหน้านี้ เป็นสุสานของชัชพิสิฐ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า นั่นน่าจะเป็นสุสานของหนึ่งในสี่คนผู้คุมกันของชัชพิสิฐ
และวิธีลับที่รพีพงษ์ชำนาญ เพียงแค่มีผลต่อพลังวิเศษเสน เขาพยายามลองใช้เน่ยจิ้งกระตุ้นวิธีลับ ได้ผลเพียงเล็กน้อย สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าวิธีลับและกังฟูเสน คือมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดมาก
แต่วิธีลับนี้คือรพีพงษ์ได้มาจากอาจารย์โอบนิธิ สิ่งที่ได้มาด้วยกันกับวิธีลับ ยังมีไม้แดงเทพท่อนใหญ่ ตามที่อาจารย์โอบนิธิบอก เขาหาสิ่งของเหล่านี้พบที่บนกระดูกในถ้ำแห่งหนึ่ง
ถ้าหากเดาไม่ผิด กระดูกในถ้ำนั้น น่าจะเป็นผู้คุมกันหนึ่งในสี่ของชัชพิสิฐ
รวมทั้งผู้คุมกันคนนี้ในสุสานกษัตริย์ฉิน รพีพงษ์สามารถมั่นใจได้ว่า ผู้คุมกันทั้งสี่คน เสียชีวิตไปแล้วสามคน
สำหรับผู้คุมกันคนสุดท้ายยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน รพีพงษ์ก็ไม่รู้
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องกังวล คือเรื่องที่วฤนท์ธมจะยึดครองของตัวเอง
ถ้าหากเป็นที่ผ่านมา อาจารย์ต้องการให้เขาช่วยเหลือด้วยชีวิต เขาจะไม่มีความลังเลใดๆ แต่ตอนนี้หลังจากที่เขารู้ว่าความจริงอาจารย์คือชัชพิสิฐที่ยึดครองอยู่ รพีพงษ์เกิดความเกลียดที่ค่อนข้างล้ำลึกต่อเขา
ความตั้งใจที่เขาสั่งสอนตัวเอง เพียงเพื่อฝึกฝนให้ตัวเองกลายเป็นยึดครองได้ง่าย สิ่งนี้ทำให้รพีพงษ์ยอมรับไม่ได้
ต่อให้เสียชีวิต เขาก็ไม่มีทางให้วฤนท์ธมทำสำเร็จแน่!