พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1063 ศพ

บทที่1063 ศพ

บทที่1063 ศพ

ภายในประตูเป็นมืดดำสนิท เหมือนราวกับว่ามีสัตว์ร้ายซ่อนอยู่ เพียงแค่มองแวบเดียว ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามีอันตรายที่ไม่สิ้นสุดอยู่ข้างใน

รพีพงษ์ปลดปล่อยพลังจิตของตัวเองออกมาทันที สำรวจไปทางด้านในประตู แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ พลังจิตของเขาเพิ่งผ่านประตูหิน พบกับพลังต่อต้านที่แข็งแกร่งมาก และค่อนข้างยากที่จะไปข้างหน้า

สิ่งที่ขัดขวางไปข้างหน้าของพลังจิตของเขา คือพลังที่ค่อนข้างแปลกอย่างหนึ่ง ซึ่งพลังแบบนั้นมีกัดกร่อนจิตใจของผู้คน เขาเพียงแค่สัมผัสเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็รู้สึกตัวเองคนทั้งคนกลายเป็นหงุดหงิดมากขึ้น

ถ้าหากเดาไม่ผิด สิ่งนี้น่าจะเป็นไอพิฆาตที่วฤนท์ธมบอก

ในใจของเขาก็เกิดความหวาดกลัวต่อชัชพิสิฐเล็กน้อย เพียงแค่ไอพิฆาตที่เหลือทิ้งไว้หลังจากความตายของเขาเท่านั้น ก็น่ากลัวมากขนาดนี้

ต้องรู้ว่ารพีพงษ์เป็นยอดฝีมือแดนดั่งเทพชั้นยอด สำหรับพลังที่ต้านทานต่อหลายสิ่งค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ว่าไอพิฆาตนี้เขาเพียงแค่สัมผัสไม่กี่วินาที ก็มีความรู้สึกมากกว่าการกัดกร่อน เพียงพอที่จะเห็นความน่ากลัวของไอพิฆาต

ที่สำคัญระยะเวลาที่ชัชพิสิฐเสียชีวิตไป ก็ผ่านหลายปีแล้ว ตอนนี้ไอพิฆาตในสุสาน น่าจะอ่อนแอกว่าตอนนั้นมากแล้ว

ดูเหมือนว่าสามารถหลบหนีจากทวีปโอชวินมาถึงบนโลก ชัชพิสิฐคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

วฤนท์ธมจ้องมองไปที่ด้านหลังประตูหินแวบหนึ่ง บนใบหน้าแสดงความทอดถอนใจออกมาเล็กน้อย จากนั้นยื่นมือชี้ไป รังสีแสงปรากฏออกมา ส่องเข้าไปที่ด้านหลังประตูหิน

ทุกคนเดินตามแสงสว่างนั้น และเห็นช่องทางเดินยาวๆที่ด้านหลังประตู

แสงสว่างถูกฝังตรงเข้าไปที่บนผนัง เหมือนราวกับหลอดไฟฟ้า เปล่งแสงอยู่ตลอด และทุกคนสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในได้อย่างชัดเจน

ทุกคนทอดถอนใจกับอิทธิฤทธิ์ของวฤนท์ธม กลยุทธ์ตอนนี้ของเขา อยู่ในสายตาของคนธรรมดา เมื่อเทียบกับเทพเจ้าก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

“ในสุสานนี้เต็มไปด้วยไอพิฆาต แต่ว่าพวกเธอเพิ่งทานยาที่ฉันให้พวกเธอ ดังนั้นจะไม่ถูกไอพิฆาตกัดกร่อน แต่จดจำไว้ห้ามใช้พลังจิตหรือพลังจิตสำรวจสถานการณ์ในสายตา ไอพิฆาตนี้สามารถผ่านพลังจิตและพลังจิตดำเนินการกัดกร่อนคนได้”วฤนท์ธมเอ่ยปากพูด แววตาจับจ้องไปที่บนตัวรพีพงษ์ คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าพูดกับเขา

รพีพงษ์พยักหน้าด้วยใบหน้าที่จริงจัง เมื่อกี้นี้เขาเพิ่งจะตระหนักถึงอานุภาพของไอพิฆาต

“ตอนนี้พวกเราเข้าไปกันเถอะ”

ไม่ลังเลใจอีกต่อไป วฤนท์ธมเป็นผู้นำเดินเข้าไปในสุสาน

ทุกคนรีบเดินตามทันที บนใบหน้ามาพร้อมกับความอยากรู้อยากเห็นยากที่จะปิดซ่อน

เดินไปตามทางเดินจนสุดทาง ทุกคนก็เห็นทางแยกสองทางอยู่ข้างหน้า วฤนท์ธมเดินไปตามถนนทางซ้ายอย่างคุ้นเคย ก็เหมือนราวกับว่ามาที่นี่บ่อยๆ

เดิมทีรพีพงษ์คิดว่าสุสานแบบนี้ ข้างในคงจะมีกลไกกับดักต่างๆ พวกเขาต้องผ่านอุปสรรคหนักมากมาย ถึงจะสามารถไปถึงพื้นที่หลักของสุสาน

แต่ว่าพวกเขาเดินไปตลอดทาง ไม่ได้เจอกับกลไกใดๆหรือกับดัก วฤนท์ธมก็เหมือนราวกับรู้ว่าที่นี่ไม่มีกลไก และเดินได้รวดเร็วมาก

ต่อมารพีพงษ์ถึงได้เข้าใจ ชัชพิสิฐไม่ใช่เจ้าชายจักรพรรดิของประเทศจีนโบราณ ไม่มีความเคยชินพัวพันกับกลไกในสุสาน

ที่สำคัญตอนที่เขามีชีวิตเกือบจะเท่าเทียมกับเซียน แค่วิธีเข้ามาในสุสานนี้ คนธรรมดาก็คาดไม่ถึง แล้วนับประสาอะไรกับการเข้าไปปล้นสุสาน

ถ้าไม่ใช่วฤนท์ธมได้เปิดประตูหินนี้ แม้แต่รพีพงษ์ยอดฝีมือแดนดั่งเทพคนนี้ ก็มองไม่ออกว่าหน้าผาจะกลายเป็นประตูหินหนึ่งบานได้

ที่สำคัญไอพิฆาตที่มีอยู่ในประตูหินนั้นน่ากลัวกว่ากลไกกับดักทั้งหมด ถ้าหากวฤนท์ธมไม่ให้ยาที่สามารถต้านทานไอพิฆาตกับพวกเขาต่อให้เป็นแดนดั่งเทพอย่างรพีพงษ์ ก็ไม่สามารถต้านทานการกัดกร่อนของไอพิฆาตได้

ดังนั้นไม่ได้จัดตั้งกลไกกับดักอยู่ในสุสานของตัวเอง ก็สามารถอธิบายเข้าใจได้

เดินไปตามถนนสายนั้นจนสุดทาง ทุกคนก็เห็นพื้นที่โล่ง วฤนท์ธมแสดงกลยุทธ์ของตัวเองอีกครั้ง ทำให้สว่างไสวไปทั่วพื้นที่โล่งทั้งหมด

นี่เป็นห้องโถงขนาดประมาณหลายร้อยตารางเมตร ในห้องโถงสร้างได้ค่อนข้างงดงามสง่ายิ่งใหญ่ ทำให้คนรู้สึกเหมือนราวพระราชวัง

ทุกคนตกตะลึงกับรัศมีของห้องโถง ต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ

ในห้องโถงสิ่งของวางอยู่มากมาย และมีกล่องหลากหลาย ไม่รู้ข้างในใส่ของอะไรไว้

ในตำแหน่งที่อยู่ตรงกลางที่สุด ทุกคนสามารถเห็นว่าที่นั่นมีเตียงหินวางอยู่หนึ่งเตียง บนเตียงหิน มีศพนอนอยู่ที่นั่น

ศพนั้นยังคงสภาพสมบูรณ์ ไม่มีวี่แววว่าจะแห้ง ก็เหมือนเรากับว่าคนคนหนึ่งนอนหลับอยู่ เพียงแต่ว่าบนร่างกายของคนคนนี้ ไม่มีลมหายใจแล้ว

รพีพงษ์ตัดสินออกมาได้เป็นอันแรก ศพที่นอนอยู่บนเตียงหิน น่าจะเป็นชัชพิสิฐ

คาดไม่ถึงผ่านไปหนึ่งร้อยกว่าปีแล้ว ศพของชัชพิสิฐยังคงสมบูรณ์ ไม่รู้ว่าตอนที่เขามีชีวิตอยู่ความแข็งแกร่งบรรลุถึงแบบไหนกันแน่

หลังจากที่วฤนท์ธมเห็นศพบนเตียง คนทั้งคนก็กลายเป็นตื่นเต้นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกที่ตอนนั้นเขาติดตามชัชพิสิฐ หรือเหตุผลอื่น

“อาจารย์ สถานที่แห่งนี้มีกล่องมากมายวางอยู่ ของที่ท่านต้องการ อยู่ในกล่องเหล่านี้หรือเปล่า?”รพีพงษ์จ้องมองวฤนท์ธมแล้วถาม

วฤนท์ธมไม่ได้มองกล่องเหล่านั้น เอ่ยปากพูดว่า: “ของที่ฉันจะหา น่าจะอยู่บนศพนั้น”

ทุกคนมองไปที่ศพ ไม่รู้ว่ามีของอะไรอยู่บนศพกันแน่

วฤนท์ธมเดินไปที่เตียงหิน ทุกคนต่างกระปรี้กระเปร่า และคอยระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นรอบตัวอยู่เสมอ

เมื่อมาถึงด้านข้างเตียงหิน ดวงตาของวฤนท์ธมเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดอย่างกะทันหัน เขาเหมือนราวกับว่าต่อศพนี้ มีอารมณ์ที่แตกต่างกัน

รพีพงษ์สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของวฤนท์ธมเล็กน้อย ในใจก็แปลกใจอย่างฉับพลัน คิดในใจว่าต่อให้อาจารย์จะเกิดความทอดถอนใจต่อปีนั้นในวันที่ติดตามชัชพิสิฐ ก็ไม่ควรจะแสดงอารมณ์ต่อศพแบบนี้ออกมาถึงจะถูก

วฤนท์ธมจ้องมองศพเป็นเวลานาน จากนั้นก็เอื้อมมือ ไปสัมผัสใบหน้าของศพ

สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง และคาดไม่ถึงอย่างยิ่งว่าวฤนท์ธมจะกระทำแบบนี้ออกมา

“อาจารย์เป็นอะไรเหรอ? หรือว่าเขา…..กับศพนี้เคยพัวพันอะไรกันเมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เหรอ?”บาวันพึมพำเบาๆด้วยสีหน้าที่นินทา

นิศมาเขม็งตาให้เธอแวบหนึ่ง ให้เธอหุบปาก

มือของวฤนท์ธมสัมผัสที่บนใบหน้าของศพ ดูเหมือนว่ามีความรู้สึกที่แตกต่างต่อศพนี้ แต่รพีพงษ์สามารถตระหนักได้ว่า ไม่ใช่อย่างที่บาวันคิดแบบนั้น

เขารู้สึกว่าวฤนท์ธมจ้องมองศพนี้ ก็เหมือนราวกับกำลังจ้องมองตัวเอง

ในขณะนี้ มีเสียงคร่ำครวญดังมาในห้องโถงอย่างกะทันหัน ต่อจากนั้น เงาสีดำก็ไม่รู้ว่าพุ่งออกมาจากที่ใด พุ่งตรงไปที่วฤนท์ธมอย่างรวดเร็ว

“อาจารย์ระวัง!”รพีพงษ์รีบตะโกนบอกวฤนท์ธมอย่างรวดเร็ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท