พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1068 หลงกล

บทที่1068 หลงกล

บทที่1068 หลงกล

สมาธิของชัชพิสิฐจดจ่ออยู่ที่การดำเนินการยึดครองต่อจิตของรพีพงษ์คาดการณ์ไม่ถึงว่ายังจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้าง

เขามองไปที่รพีพงษ์อย่างเหลือเชื่อ และกระบี่ทองเล็กที่ลอยอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ พลังที่อยู่เหนือจิตวิญญาณเทพ เริ่มสลายไปทันที ยากที่จะรักษาการยึดครองต่อรพีพงษ์ให้คงอยู่ต่อไป

ความจริงก่อนหน้านี้เขาก็มีความระมัดระวังต่อรพีพงษ์ คิดว่ารพีพงษ์อาจจะยังมีตัวช่วยอยู่ แต่วิชาโจมตีของจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์สำหรับเขาแล้ว ไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึง ต่อให้รพีพงษ์แสดงออกมา ตัวเองก็เพียงต้องละความสนใจเล็กน้อยไปจัดการก็เพียงพอแล้ว

แต่กระบี่ทองเล็กที่รพีพงษ์ปลดปล่อยออกมาเขาสังเกตไม่เห็นแม้แต่น้อย ที่สำคัญอานุภาพของกระบี่ทองเล็กแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ก็เกินแดนของรพีพงษ์ไปหลายแดนแล้ว

ตามความคิดของคนปกติ จะคิดได้อย่างไรว่ารพีพงษ์ยังคงมีกลยุทธ์แบบนี้

รพีพงษ์รู้สึกว่าตัวเองแรงดึงดูดรอบร่างกายหายไป ในใจก็โล่งใจ เอากระบี่ทองเล็กไว้ในมือของตัวเอง และมองไปชัชพิสิฐที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความระมัดระวัง

เหตุผลที่เขาเลือกที่จะปลดปล่อยดาบสยบเซียน แม้ว่าจะพิจารณาถึงพลังที่แข็งเกินไปของชัชพิสิฐ เขาไม่รู้อานุภาพของกระบี่สยบเซียนจะสามารถต่อสู้กับชัชพิสิฐชนะได้มั้ย

ดังนั้นในขณะที่ชัชพิสิฐจะเข้าสู่โลกแห่งจิตวิญญาณของตัวเอง เขาได้เอากระบี่ทองเล็กซ่อนไว้ ตั้งใจว่าในช่วงเวลาวิกฤตที่สุด โจมตีชัชพิสิฐถึงตาย

ตอนนี้ดูเหมือนว่า อานุภาพของกระบี่ทองเล็กไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ ดูเหมือนว่าชัชพิสิฐจะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากกระบี่สยบเซียน พลังจิตวิญญาณเทพหลั่งไหลอยู่ตลอดเวลา พลังอานุภาพบนร่างกายไม่เพียงพอหนึ่งในสิบของเมื่อกี้นี้

“ที่มาของกระบี่ในมือของนายคืออะไร? ทำไมอานุภาพถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?”ชัชพิสิฐนั่งอยู่ที่เดิม ร่างกายที่ไม่เคลื่อนไหว กระบี่สยบเซียนสำหรับจิตวิญญาณเทพย่อมมีผลในการปราบปราม โดนกระบี่สยบเซียนโจมตี ต่อให้จิตวิญญาณเทพแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ตอนนี้ชัชพิสิฐไม่มีทางที่จะกระทำได้แล้ว

แต่เขากำลังหลอมรวมพลังของตัวเองอย่างรวดเร็ว เพื่อจะแสวงหาโอกาสที่จะโจมตีกลับ

รพีพงษ์จ้องมองกระบี่ในมือของตัวเองแวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “กระบี่นี้ชื่อว่ากระบี่สยบเซียน ถ้าหากแกเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดในทวีปโอชวิน ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะรู้ที่มาของกระบี่นี้”

ตอนนั้นรพีพงษ์เคยคิดที่จะถามวฤนท์ธมเกี่ยวกับเรื่องของกระบี่สยบเซียน แต่ต่อมาเขารู้สึกว่าข้อมูลที่ได้มาจากบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์ก็เพียงพอแล้ว ต่อให้อาจารย์จะอยู่มายาวนาน ก็คงจะไม่รู้มากกว่าบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์ ดังนั้นจึงไม่ได้ถาม

ตอนนี้ดูเหมือนว่า โชคดีที่ตอนนั้นเขาไม่ได้พูดเรื่องเกี่ยวกับกระบี่สยบเซียนกับอาจารย์ ไม่อย่างนั้นชัชพิสิฐคงจะคิดวิธีที่จะแย่งกระบี่สยบเซียนของตัวเองไป สถานการณ์อย่างในวันนี้ เขาก็ไม่มีกลยุทธ์ใดมาต่อต้านชัชพิสิฐ

ตอนนี้ที่ชัชพิสิฐได้ยินดาบสยบเซียนสามคำนี้ รูม่านตาก็หดตัวลง ความสงสัยในแววตาก็หายไปทันที ดูเหมือนว่าจะเข้าใจว่าทำไมจู่ๆรพีพงษ์ถึงระเบิดพลังที่แข็งแกร่งออกมาได้เช่นนี้

“คาดไม่ถึงนายจะได้รับกระบี่สยบเซียน ตามที่กล่าวมานี้ นายน่าจะได้การสืบทอดมาจากปรมาจารย์นั้นใช่มั้ย?”ชัชพิสิฐเอ่ยปากถาม

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว แล้วถาม: “การสืบทอดอะไร?”

ชัชพิสิฐยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ก็ถูก ถ้าหากนายได้รับการสืบทอดของเขา ฉันน่าจะไม่มีโอกาสปรากฏอยู่ในโลกแห่งจิตวิญญาณของนาย ดูเหมือนว่านายจะได้ดาบเล่มนี้โดยบังเอิญ”

รพีพงษ์ไม่ได้ยุ่งกับการสืบทอดที่ชัชพิสิฐพูดถึงอีกต่อไป เรื่องสำคัญที่ต้องการจัดในทันที คือรีบจัดการชัชพิสิฐ

“ไม่ว่าฉันจะได้มันมาได้อย่างไร แกรู้เพียงว่าแกจะตายอยู่ภายใต้กระบี่เล่มนี้ก็เพียงพอแล้ว!”รพีพงษ์เอ่ยปากตะโกน

ชัชพิสิฐยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ฆ่าฉัน สำหรับนายแล้วไม่มีอะไรดี”

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด ช่วงก่อนหน้านั้น มีคนของทวีปโอชวินมายังบนโลกแล้วใช่มั้ย?”

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า: “คนคนนั้นถูกกำจัดแล้ว สิ่งนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกับแกอีก?”

“ฮ่าๆ สิ่งนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันจริงๆ แต่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ยิ่งใหญ่กับโลกใบนี้”ชัชพิสิฐเอ่ยปากพูด “คนของทวีปโอชวินสามารถเพียงพอที่จะเปิดช่องทาง มายังบนโลก นั่นหมายความว่าพวกเขาชำนาญวิธีสร้างช่องทางขนส่งขน ด้วยความฉลาดของปรมาจารย์ของทวีปโอชวิน เชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน ก็จะสร้างได้มั่นคงยิ่งขึ้น และสามารถที่ผ่านช่องทางของคนที่พลังแข็งแกร่งได้”

“ถึงเวลานั้น คนของทวีปโอชวินจะบุกรุกมียังบนโลกเป็นจำนวนมาก นายคิดว่าต่อให้นายมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงเวลานั้น ยังสามารถอยู่รอดต่อไปได้เหรอ?”

รพีพงษ์ส่งเสียงอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า: “ดังนั้นแกหมายความว่า ถึงไงฉันก็จะตายอยู่แล้ว ตอนนี้ยกร่างกายให้แกดีกว่า ใช่มั้ย?”

ชัชพิสิฐส่ายหัว แล้วพูดว่า: “กระบี่สยบเซียนที่นายถืออยู่ในมือ ฉันต้องการยึดครองนาย ก็เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป แต่ว่าฉันรู้ว่านายต้องการฆ่าฉัน เดิมทีหลังจากที่ฉันอยากจะยึดครองนาย เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองภายในช่วงเวลาสั้นๆ ตอนที่คนของทวีปโอชวินบุกรุกมา ดีที่ยังมีความสามารถในการต้านทาน ฉันอาศัยอยู่บนโลกมานานกว่าร้อยปีแล้ว สำหรับที่นี่ก็ยังมีความรู้สึกอยู่บ้าง”

“และฉันก็ไม่ชอบผู้คนเหล่านั้นของทวีปโอชวิน ดังนั้นปกป้องโลกบ้าง ฉันยังสามารถทำได้อยู่”

“แต่ถ้าหากตอนนี้นายฆ่าฉันแล้ว รอตอนที่คนของทวีปโอชวินบุกรุกเข้ามา พลังอันน้อยนิดบนโลกนี้ ไม่สามารถต้านทานได้”

“แต่ถ้าหากตอนนี้พวกเราต่างคนต่างถอยคนล่ะก้าว ฉันเปลี่ยนดำเนินการยึดครองอีกคน นายไม่ฆ่าฉัน ถึงเวลาฉันจะช่วยนายก้าวหน้าอย่างเต็มที่ รอตอนที่คนของทวีปโอชวินมาถึง ฉันกับนายร่วมมือกัน ต้องการต้านทานก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

เมื่อได้ยินคำพูดของชัชพิสิฐ รพีพงษ์หรี่ตา สิ่งที่เขาพูดนั้นสมเหตุสมผลจริงๆ แต่เรื่องราวก่อนหน้านั้น ทำให้รพีพงษ์สูญเสียความไว้วางใจชัชพิสิฐไปทั้งหมด ที่สำคัญรพีพงษ์ก็รู้ว่า ชัชพิสิฐเพียงแต่ถ่วงเวลาเท่านั้นเอง

คนอย่างเขา จะอยากช่วยตัวเองก้าวหน้าได้อย่างไร เขาเพียงแค่พยายามหาโอกาสที่จะยึดครองตัวเองเท่านั้นเอง

“แกคิดว่าตอนนี้ฉันยังจะเชื่อแกอยู่เหรอ? แกไม่ต้องถ่วงเวลาต่อไปแล้ว บาดแผลจากการฟันของกระบี่สยบเซียนสำหรับจิตวิญญาณเทพยากที่จะซ่อมแซม วันนี้แกไม่มีทางรอดใดทั้งนั้น!”

หลังจากพูดจบ รพีพงษ์ก็ยกกระบี่สยบเซียนในมือของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง

ชัชพิสิฐเห็นว่ารพีพงษ์ไม่หลงกลตัวเอง ในใจก็วิตกกังวลขึ้นมา เอ่ยปากพูดว่า: “ถ้าหากนายฆ่าฉันแล้ว ตัวของนายเองก็จะรู้สึกไม่ดี แม้ว่าฉันจะฆ่านายไม่ได้ แต่ว่าฉันสามารถทำให้นายเจ็บปวดไปตลอดชีวิต คิดถึงภรรยาของนาย ฉันตายแล้ว ภรรยาของนายก็จะมีจุดจบที่ไม่ดีด้วย”

แววตาของรพีพงษ์แน่วแน่ คาดไม่ถึงชัชพิสิฐจะเอาอารียามาข่มขู่ตัวเอง

ในใจของเขาก็สังหรณ์ใจไม่ดีเล็กน้อย เดาได้ว่าชัชพิสิฐอาจเตรียมการไว้แล้ว

แต่บางทีชัชพิสิฐ ถึงจะเป็นหายนะที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ ไม่ว่าอย่างไร เขาไม่สามารถมีความลังเลใดๆได้ทั้งนั้น

“อย่ามาเล่นสงครามจิตวิทยากับฉันที่นี่ ไปตายซะ!”

กระบี่สยบเซียนในมือของเขาฟันตรงไปที่ชัชพิสิฐ แสงสีทองก็สว่างวาบ ทำให้จิตวิญญาณเทพของชัชพิสิฐ ฟันเป็นสองท่อน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท