พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1072 อัตชีวประวัติของชัชพิสิฐ

บทที่1072 อัตชีวประวัติของชัชพิสิฐ

ระหว่างทางกลับเกียวโต รพีพงษ์กำลังอ่านหนังสืออัตชีวประวัติของชัชพิสิฐ

ก่อนหน้าหน้าเขาได้โทรหาอารียาหลายสาย แต่เป็นเพราะวันนั้นฝนตกน้ำเข้าโทรศัพท์ สัญญาณไม่ดีมาโดยตลอด ดังนั้นจึงโทรไม่ติด

รวมทั้งตอนนี้เขายังอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างไกล ดังนั้นจึงตั้งใจรอถึงในเมืองแล้วค่อยคิดหาทางโทรอีกครั้ง

ในเวลานี้ได้อ่านชีวประวัติของชัชพิสิฐไปเกือบหมดแล้ว และเมื่อตอนที่กลับมา เขาก็เอาอัตชีวประวัติของชัชพิสิฐและแผนที่แผ่นนั้นกับหยกสีเลือดติดตัวด้วย

แม้ว่าจะไม่รู้ถึงประโยชน์ของสิ่งเหล่านี้ แต่คุณค่าคงจะไม่ธรรมดาอย่างที่รพีพงษ์คิด ดังนั้นจำเป็นต้องเก็บไว้เป็นอย่างดี บางทีสักวันหนึ่งอาจจะมีประโยชน์

หลังจากปิดหน้าสุดท้ายของอัตชีวประวัติของชัชพิสิฐ รพีพงษ์ก็ถอนหายใจยาวๆ ประสบการณ์ของชัชพิสิฐใช้คลื่นทะเลที่กว้างใหญ่มาพรรณนาก็ไม่เกินจริง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า ชีวิตหนึ่งของคนคนหนึ่ง จะสามารถประสบกับเรื่องราวมากมายได้ขนาดนี้

แน่นอนว่า หลังจากที่อ่านอัตชีวประวัติของชัชพิสิฐ รพีพงษ์รู้แล้วว่าชัชพิสิฐคือปีนั้นเซียนเหล่านั้นเพิ่งเข้าสู่ทวีปโอชวิน จึงเป็นทารกเกิดใหม่รุ่นแรก ดังนั้นคำนวณลงมา ชัชพิสิฐมีชีวิตอยู่ในทวีปโอชวินมานานห้าพันปี

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีใครบางคนสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้ สิ่งนี้เกินความรู้ความเข้าใจของรพีพงษ์ไปโดยสิ้นเชิง

แต่หลังจากที่เข้าเรื่องราวของทวีปโอชวินบ้าง สำหรับเรื่องการมีชีวิตอยู่มาห้าพันปีรพีพงษ์ก็ไม่ได้ประหลาดใจขนาดนั้น เพราะคนของทวีปโอชวินฝึกฝนไปสู่ทิศทางของเซียน เมื่อความแข็งแกร่งบรรลุถึงแดนหนึ่ง อายุขัยก็จะเปลี่ยนเป็นยืนยาวขึ้นอย่างไร้ที่เปรียบ และยังมีคนสามารถบรรลุถึงระดับอมตะได้

อยู่ในโลก ต่อให้บรรลุถึงแดนปรมาจารย์ หรือแม้แต่แดนดั่งเทพ ยังคงถูกคิดว่ากำลังฝึกศิลปะการต่อสู้อยู่ แต่ในทวีปโอชวินไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ สิ่งที่พวกเขาฝึกฝน เป็นการพลิกชะตาฟ้าลิขิตอย่างแท้จริง

ตอนนั้นบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์เคยบอกว่า ปีนั้นเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างจอมมารชูร่ากับกลุ่มเซียน ได้ทำลายรากฐานของโลก นำไปสู่พลังทิพย์ที่กระเจิดกระเจิง ดังนั้นเซียนเหล่านั้นจำเป็นต้องไปที่ทวีปโอชวิน และในทวีปโอชวิน มีพลังทิพย์ ที่บรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์บอก

คนของในทวีปโอชวินอาศัยพลังทิพย์ฝึกฝน ความเร็วของการฝึกฝนเร็วมากกว่านักรบที่อาศัยเน่ยจิ้งฝึกฝนบนโลกถึงสิบเท่าร้อยเท่า ดังนั้นในทวีปโอชวิน แดนปรมาจารย์ เพียงแค่เส้นทางเริ่มต้นการฝึกฝน

และแดนดั่งเทพ ก็ถือได้ว่าฝืนทนฝึกฝนก้าวสู่พื้นฐานได้ เริ่มต้นเส้นทางการฝึกฝน

อยู่ในทวีปโอชวิน ผู้คนได้นำขั้นตอนเน่ยจิ้งและขั้นตอนแดนปรมาจารย์ เรียกรวมกันว่าขั้นฝึกลม และแดนดั่งเทพ ถูกเรียกว่าขั้นธรรมวิสุทธิ์

และเหนือกว่าแดนเทพ ถูกเรียกว่าอาถรรพ์ ตอนนี้แดนที่สามารถบรรลุได้สูงบนโลก ก็คือแดนเทพ

และแดนเทพนี้ อยู่ที่ทวีปโอชวิน เป็นเพียงแค่ก้าวแรกที่ก้าวสู่ผู้แข็งแกร่งพื้นฐานเท่านั้นเอง

เหนือกว่าอาถรรพ์ ยังมีแดนเทพทะเลและแดนจิตทอง แดนที่ในอัตชีวประวัติของ

ชัชพิสิฐพูดถึง ก็มีเพียงแค่นี้

อย่างไรก็ตามสามารถคาดคะเนจากคำพูดของชัชพิสิฐออกมาได้ ก่อนหน้าที่เขาจะมายังบนโลก แดนคงจะอยู่เหนือกว่าแดนจิตทอง เพราะคำอธิบายของเขาเกี่ยวกับแดนจิตทองยังคงมีร่องรอยของการดูถูกเล็กน้อย

รพีพงษ์คาดไม่ถึงว่าคนในทวีปโอชวินจะสามารถฝึกฝนจนถึงแดนที่สูงมากขนาดนี้ได้ ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาทุกคนเรียกตัวเองว่าเซียน เพียงแค่แดนดั่งเทพ รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าค่อนข้างแข็งแกร่งแล้ว ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าผู้แข็งแกร่งแดนจิตทอง จะมีความสามารถทำลายล้างโลกได้แบบไหน

ในเวลาเดียวกันในใจของรพีพงษ์ก็เกิดความทอดถอนใจเล็กน้อย ชัชพิสิฐอยู่ในทวีปโอชวินเป็นผู้พิชิตที่มีพลังอำนาจมาก ผลปรากฏว่าเพราะบุกรุกช่องทางขนส่ง และได้รับบาดเจ็บสาหัส มาถึงบนโลกจำเป็นต้องยึดครองแล้วเกิดใหม่ สุดท้ายยังตายอยู่ในเงื้อมมือของรพีพงษ์ ทำให้คนจำต้องไม่ทอดถอนใจอย่างฉับพลัน

ต่อให้คนคนหนึ่งจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถหลีกหนีการควบคุมของโชคชะตาได้

ตอนที่ชัชพิสิฐอยู่ที่ทวีปโอชวิน ก็เป็นคนดีเด่นยอดเยี่ยมในโลก เป็นที่หนึ่งไม่รองใครในรุ่นของโลกทั้งใบ เขาอาศัยความแข็งแกร่งของตัวเอง กลายเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของทวีปโอชวินรุ่นนั้น

ต่อมาชัชพิสิฐต้องการที่จะให้ตัวเองขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เข้าสู่แดนอัศจรรย์แห่งหนึ่งของทวีปโอชวิน อยู่ในนั้นค้นพบการมีอยู่ของกังฟูเสน

ในทวีปโอชวินแม้ว่าจะอาศัยพลังทิพย์มาเพิ่มความแข็งแกร่ง แต่พวกเขาพลังที่พวกเขาอาศัยพลังทิพย์ฝึกฝนมา ความจริงเมื่อเทียบกับเน่ยจิ้ง ก็แข็งแกร่งกว่าไม่มากเท่าไหร่ ทั้งสองถือว่าเป็นพลังระดับเดียวกัน เพียงแค่แหล่งที่มาไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง

และพลังที่กังฟูเสนฝึกฝนออกมา ทำให้พลังในร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าระดับหนึ่งทันที ภายใต้แดนเดียวกัน คนที่ฝึกฝนกังฟูเสน แทบจะจับมัดคนที่ฝึกฝนกลยุทธ์ห้อยหัวได้

สิ่งนี้ทำให้ชัชพิสิฐมองเห็นความหวังที่จะครองทวีปโอชวิน

แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือ ข่าวคราวที่เขาได้รับกังฟูเสน ตอนที่เพิ่งออกมาจากแดนอัศจรรย์ ก็เป็นที่รู้กันของกองกำลังใหญ่ต่างๆในทวีปโอชวิน

กองกำลังใหญ่ต่างๆในทวีปโอชวินเพื่อจะได้กังฟูเสนมา ร่วมมือกันล้อมปราบปรามชัชพิสิฐ เข่นฆ่าสังหารหมู่ลูกน้องที่อยู่ในทวีปโอชวินของชัชพิสิฐ

ชัชพิสิฐอยู่ในแดนอัศจรรย์เพื่อที่จะได้กังฟูเสนมา ก็ได้ผ่านความยากลำบากมากมาย แล้วจะสามารถต้านทานการร่วมมือกันของกองกำลังใหญ่ต่างๆของทวีปโอชวินได้อย่างไร ทำได้เพียงหนีไปเท่านั้น

ลูกน้องของเขาเสียชีวิตในเงื้อมมือของกองกำลังใหญ่ต่างๆของในทวีปโอชวินไปทีละคน สุดท้ายเหลือเพียงผู้คุมกันสี่คน

มองดูก็กำลังจะตายด้วยน้ำมือของกองกำลังใหญ่ต่างๆของทวีปโอชวิน ชัชพิสิฐจำใจต้อง รวบรวมลูกน้องทั้งสี่คน ฝืนบุกรุกช่องทางขนส่งระหว่างโลก หลบหนีมาถึงบนโลกอย่างหมดท่า

เดิมทีรพีพงษ์ยังคิดว่ากังฟูเสนนี้มีวรยุทธวิชาฝึกฝนที่สูงกว่าเน่ยจิ้งไปเล็กน้อย ไม่เคยคิดมาก่อนว่ากังฟูเสนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวใหญ่โตมากมายถึงขนาดนี้ สามารถทำให้กองกำลังใหญ่ต่างๆร่วมมือกันล้อมปราบปรามชัชพิสิฐได้ เพียงพอให้เห็นว่ากังฟูเสนเป็นสิ่งล่อใจต่อพวกเขาได้

ในใจรพีพงษ์ยังรู้สึกโชคที่ตอนนั้นอยู่ที่มอสโกจัดการกับคนคนนั้นที่มาจากทวีปโอชวิน ไม่อย่างนั้นเกิดถูกเขาเอากังฟูเสนไปได้ ส่งกลับไปที่ทวีปโอชวิน โลกเผชิญหน้ากับคนของทวีปโอชวิน ก็จะไม่ได้เปรียบใดๆจริงๆ

ตอนนี้โลกยังคงสามารถสงบสุขแบบนี้ได้ อาศัยผนึกที่ปีนั้นจอมมารชูร่าทิ้งไว้ให้ และความยากของการสร้างช่องทางขนส่ง

เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ในใจรพีพงษ์อดไม่ได้ที่จะรีบร้อนขึ้นมา เขาอยากจะเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้โดยเร็วที่สุด มีเพียงร่างกายของตัวเองแข็งแกร่งเพียงพอ เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นอีกครั้ง ถึงจะสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย

ที่สำคัญตอนนี้ดูเหมือนว่า แดนเทพสำหรับรพีพงษ์ยังคงไม่เพียงพอ เขายังต้องบรรลุถึงแดนที่แข็งแกร่งมากกว่านี้

แน่นอนว่า สิ่งที่เรียกว่าแดนเทพทะเล แดนจิตทอง ยังคงอยู่ห่างไกลจากรพีพงษ์ไปบ้าง เป้าหมายตอนนี้ของเขา คือบรรลุถึงแดนเทพค่อยว่ากัน

หายใจเข้าลึก ๆ หยุดคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เขาหันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง อาคารสูงปรากฏอยู่ไม่ไกล และดูเหมือนว่าจะอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง

เขานั่งรถคันหนึ่งมาจากหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง และไปยังเมืองที่ใกล้เคียงที่สุด

หลังจากนั้นไม่นาน มาถึงในเมือง สิ่งแรกที่รพีพงษ์ทำ ทำคือหาตู้โทรศัพท์สาธารณะ และโทรศัพท์หาอารียา แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ โทรไม่ติด

เขาจึงโทรหาชลาธิป ถามว่าตอนนี้อารียากำลังทำอะไรอยู่

อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ชลาธิปได้ยินคำถามของรพีพงษ์ เงียบไปชั่วขณะ จากนั้นพูดอย่างหมดหนทาง: “รพีพงษ์ นายทำใจดีๆไว้ ตอนนี้อาการของอารียาค่อนข้างแย่ เธอสลบไปสองวันแล้ว พวกเราก็ติดต่อนายไม่ได้ นายกลับมาก่อนเถอะค่อยว่ากัน”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท